ผลออสการ์ ครั้งที่ 83 รางวัลทางภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่

ขณะที่กษัตริย์ใน "The King's Speech" เอาชนะอาการติดอ่างและขึ้นครองบัลลังก์ราชวงศ์อังกฤษ ตัวภาพยนตร์เองก็ได้ขึ้นครองบัลลังก์ "อคาเดมี อวอร์ดส์" (Academy Awards) หรือ "ออสการ์" (Oscar) ที่ถือกันว่ายิ่งใหญ่ที่สุด ด้วยการคว้ารางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมไปในงานเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2011 ตามเวลาในฮอลลีวูด ประเทศสหรัฐอเมริกา อีกทั้งยังชนะรางวัลใหญ่อื่นๆ ตามที่คาด นั่นคือนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม

"โคลิน เฟิร์ธ" นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม เผยว่า "ผมกำลังรู้สึกว่าอาชีพการงานของผมเพิ่งมาถึงจุดที่รุ่งสุดๆ" นักแสดงชาวอังกฤษไม่ลืมหยอดอารมณ์ขันว่า "ผมเกรงว่าจะต้องเตือนพวกคุณหน่อยว่า ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกปั่นป่วนในท้องมาก เหมือนมีอะไรมาเต้นอยู่ข้างในเลยล่ะครับ" ส่วน "ทอม ฮูเปอร์" ได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจาก "แคธริน บิเกอโลว์" เจ้าของตำแหน่งนี้เมื่อปีที่แล้ว โดย ทอม กล่าวว่า "ขอบคุณนักแสดงที่น่าทึ่งของผม ความรักระหว่างเพื่อน 3 คนคือ โคลิน เฟิร์ธ, เจฟฟรีย์ รัช และผม ที่ผมมาอยู่ที่นี่ได้ก็เพราะพวกคุณ"

"เดวิด ซีดเลอร์" ที่ได้รางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจากเรื่องเดียวกัน เล่าว่าสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ที่ไม่ทรงถือสาที่เขาให้สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 แห่งสหราชอาณาจักร พระบรมราชชนก กล่าวสบถในภาพยนตร์ "ขอบคุณพระองค์ที่ไม่จับผมขังในหอคอยแห่งลอนดอน" และในฐานะผู้ซึ่งเคยมีปัญหาด้านการพูด ก่อนจะมาเอาชนะมันได้ตอนอายุ 16 ปี เดวิด กล่าวว่า "ผมขอรับรางวัลนี้ในฐานะตัวแทนของผู้ติดอ่างทุกคนบนโลกนี้ครับ"

ส่วนรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมนั้นตกเป็นของ "นาตาลี พอร์ตแมน" จากภาพยนตร์บัลเลต์เรื่อง "Black Swan" ซึ่งเจ้าตัวบอกว่า "ขอบคุณมากค่ะ นี่มันบ้าจริงๆ และฉันหวังอย่างจริงใจเลยว่ารางวัลในค่ำคืนนี้จะทำให้ฉันได้ร่วมงานกับผู้เข้าชิงสาขาเดียวกันกับฉัน ฉันทึ่งในตัวพวกคุณจริงๆ ค่ะ" คู่แข่งที่ นาตาลี ชื่นชม ได้แก่ "แอนเน็ตต์ เบนนิง" "นิโคล คิดแมน" "เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์" และ "มิเชล วิลเลียมส์"

ส่วนสาขานักแสดงสมทบนั้นไม่พลิกความคาดหมาย มาจากภาพยนตร์มวย "The Fighter" ทั้ง 2 คน นั่นคือ "คริสเตียน เบล" ผู้รับบทอดีตนักมวยที่กลายเป็นคนติดยา และ "เมลิสซา ลีโอ" ผู้รับบทคุณแม่ของ คริสเตียน ความสำเร็จสูงสุดนี้ทำให้ เมลิสซา รู้สึกทึ่งจนแทบไม่เชื่อว่าเป็นความจริงจนต้องขอกับ "เคิร์ก ดักลาส" นักแสดงอาวุโสผู้มอบรางวัลให้เธอว่า "ช่วยหยิกฉันทีค่ะ"

"The Social Network" ที่เปิดตัวแรงก่อนจะมาแผ่วปลาย ยังคงไม่สามารถเร่งฝีเท้าขึ้นแซงความนิยมของ The King's Speech ได้ จึงคว้าไปได้เพียงรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม จากฝีมือของ "อารอน ซอร์คิน" ที่ดัดแปลงมาจากหนังสือเกี่ยวกับการกำเนิดเว็บไซต์ เฟซบุ๊กของ "เบน เมซริช" รวมถึงรางวัลดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และตัดต่อภาพยอดเยี่ยม รวมทั้งสิ้น 3 รางวัล

ภาพยนตร์ "Inception" ที่เข้าชิง 8 สาขาเท่ากับ The Kings Speech ยังยึดพื้นที่ในสาขาเทคนิคเบื้องหลังไว้ได้อย่างเหนียวแน่น โดยคว้าไป 4 รางวัล คือกำกับภาพ ตัดต่อเสียง ผสมเสียง และการสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม ขณะที่ "Alice in Wonderland" ของผู้กำกับ "ทิม เบอร์ตัน" ได้มากกว่า 1 รางวัลเช่นกัน คือรางวัลการกำกับศิลป์และการออกแบบเครื่องแต่งกาย ซึ่ง "แอนน์ แฮตธาเวย์" นักแสดงคนหนึ่งของการผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์ ได้ปรากฏตัวโดดเด่นในงานนี้ในฐานะพิธีกรคู่กับ "เจมส์ ฟรังโก" ผู้เข้าชิงนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก "127 Hours"

"Inside Job" ที่อธิบายเรื่องวิกฤติเศรษฐกิจปี 2008 คว้ารางวัลสารคดียอดเยี่ยมมาได้อีกงาน ส่วน "Toy Story 3" ทำให้บริษัท ดิสนีย์ และ พิกซาร์ ได้รางวัลแอนิเมชันยอดเยี่ยมเป็นปีที่ 4 ติดต่อกัน ถัดจากผู้ชนะในปีก่อนๆ อย่าง "Ratatouille" "WALL-E" และ "Up" ส่วนรางวัลภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยมนั้นตกเป็นของ "In a Better World" จากประเทศเดนมาร์ก ที่ว่าด้วยเด็กวัยรุ่นบ้านแตกและความรุนแรงในรั้วโรงเรียน

สรุปผลรางวัล ออสการ์ ครั้งที่ 83

• ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: The King's Speech
• ผู้กำกับยอดเยี่ยม: ทอม ฮูเปอร์ (Tom Hooper) จาก The King's Speech
• นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม: โคลิน เฟิร์ธ (Colin Firth) จาก The King's Speech
• นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม: นาตาลี พอร์ตแมน (Natalie Portman) จาก Black Swan
• นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม: คริสเตียน เบล (Christian Bale) จาก The Fighter
• นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม: เมลิสซา ลีโอ (Melissa Leo) จาก The Fighter
• บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม: เดวิด ซีดเลอร์ (David Seidler) จาก The King's Speech
• บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม: อารอน ซอร์คิน (Aaron Sorkin) จาก The Social Network
• ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม: In a Better World จากประเทศเดนมาร์ก
• ภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยม: Toy Story 3
• ภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดสั้นยอดเยี่ยม: The Lost Thing
• ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม: Inside Job
• ภาพยนตร์สารคดีขนาดสั้นยอดเยี่ยม: Strangers No More
• ภาพยนตร์ขนาดสั้นยอดเยี่ยม: God of Love
• กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม: โรเบิร์ต สตรอมเบิร์ก (Robert Stromberg) และ คาเรน โอฮารา (Karen O'Hara) จาก Alice in Wonderland
• กำกับภาพยอดเยี่ยม: วอลลี ฟิสเตอร์ (Wally Pfister) จาก Inception
• ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม: คอลลีน แอตวูด (Colleen Atwood) จาก Alice in Wonderland
• ตัดต่อยอดเยี่ยม: แอนกัส วอลล์ (Angus Wall) และ เคิร์ก แบกซ์เตอร์ (Kirk Baxter) จาก The Social Network
• แต่งหน้ายอดเยี่ยม: ริก เบเกอร์ (Rick Baker) และ เดฟ เอลซีย์ (Dave Elsey) จาก The Wolfman
• ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: เทรนต์ เรซเนอร์ (Trent Reznor) และ แอตติคัส รอสส์ (Atticus Ross) จาก The Social Network
• เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: We Belong Together จาก Toy Story 3 ทำนองและคำร้องโดย แรนดี นิวแมน (Randy Newman)
• ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม: ริชาร์ด คิง (Richard King) จาก Inception
• ผสมเสียงยอดเยี่ยม: โลรา เฮิร์ชเบิร์ก (Lora Hirschberg) แกรี ริซโซ (Gary Rizzo) และ เอ็ด โนวิกก์ (Ed Novick) จาก Inception
• การสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม: พอล เจ. แฟรงคลิน (Paul J. Franklin) คริส คอร์บูลด์ (Chris Corbould) แอนดรูว์ ล็อกลีย์ (Andrew Lockley) และ ปีเตอร์ เบ็บบ์ (Peter Bebb) จาก Inception