รายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 82
รายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลที่ถือกันว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ "อคาเดมี อวอร์ดส์" (Academy Awards) หรือ "ออสการ์" (Oscar) ประจำปี 2010 ได้เผยโฉมออกมาให้เห็นหน้าค่าตากันไปแล้ว ในปีนี้ก็ยังคงมีสถิติที่น่าสนใจมากมาย ที่จะทำให้การติดตามผลรางวัลในงานซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 7 มีนาคม 2010 ตามเวลาท้องถิ่นของย่านฮอลลีวูด ประเทศสหรัฐอเมริกา สนุกสนานและมีสีสันมากยิ่งขึ้น เชิญติดตามเกร็ดน่ารู้ของออสการ์ครั้งที่ 82 ได้ดังต่อไปนี้
- ในปีนี้มีผู้เข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมทั้งหมด 10 เรื่อง แทนที่จะเป็น 5 เรื่องเหมือนปีก่อนๆ ระบบผู้เข้าชิงภาพยนตร์ยอดเยี่ยม 10 เรื่องนี้เคยใช้มาแล้วในอดีต แต่ถูกยกเลิกไปตั้งแต่ปี 1943 อดีตประธานสถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ "ซิด กานิส" (Sid Ganis) อธิบายเหตุผลที่มีการเปลี่ยนแปลงในปีนี้ว่า พวกเขาต้องการให้ภาพยนตร์ที่เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมีความหลากหลายมากขึ้น
- ผู้กำกับ "ลี แดเนียลส์" (Lee Daniels) จาก "Precious: Based on the Novel Push by Sapphire" เป็นคนผิวสีรายที่ 2 ที่ได้เข้าชิงในสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมต่อจาก "จอห์น ซิงเกิลตัน" (John Singleton) ผู้กำกับเรื่อง "Boyz n the Hood" ในปี 1991
- "Up" เป็นแอนิเมชันเรื่องที่ 2 ที่ได้เข้าชิงในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ต่อจากแอนิเมชันเรื่อง "Beauty and the Beast" เมื่อปี 1991
- "แคธริน บิเกอโลว์" (Kathryn Bigelow) เป็นผู้หญิงคนที่ 4 ที่ได้เข้าชิงสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยม และเป็นผู้หญิงอเมริกันคนที่ 2 ที่ได้เข้าชิงสาขานี้ต่อจาก "โซเฟีย คอปโปลา" (Sofia Coppola) ที่เคยเข้าชิงจาก "Lost in Translation" ปี 2003 ผู้หญิงอีก 2 คนที่เคยเข้าชิงสาขานี้ คือ "ลินา เวิร์ตมุลเลอร์" (Lina Wertmuller) ชาวอิตาลี ได้เข้าชิงจาก "Seven Beauties" ปี 1976 และ "เจน แคมเพียน" (Jane Campion) ชาวนิวซีแลนด์ ได้เข้าชิงจาก "The Piano" เมื่อปี 1993
- ในปีนี้ "เมอรีล สตรีป" (Meryl Steep) ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งที่ 16 โดยได้เข้าชิงสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก "Julie & Julia" ทำให้เธอยังคงเป็นผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงมากที่สุดต่อไป อันดับรองลงมาคือ "แคตธารีน เฮปเบิร์น" (Katharine Hepburn) และ "แจ็ก นิโคลสัน" (Jack Nicholson) ที่ได้เข้าชิง 12 ครั้งเท่ากัน
- ปีนี้มีนักแสดงที่เข้าชิงรางวัลออสการ์เป็นครั้งแรก 12 คน ได้แก่ "โคลิน เฟิร์ธ" (Colon Firth) "สแตนลีย์ ตุกชี" (Stanley Tucci) "คริสโตเฟอร์ พลัมเมอร์" (Christopher Plummer) "เจเรมี เรนเนอร์" (Jeremy Renner) "คริสตอฟ วอลต์ซ" (Christoph Waltz) "แซนดรา บุลล็อก" (Sandra Bullock) "แครี มุลลิแกน" (Carey Mulligan) "กาบูเรย์ ซิเดเบ" (Gabourey Sidibe) "เวรา ฟาร์มิกา" (Vera Farmiga) "แม็กกี จิลเลนฮาล" (Maggie Gyllenhaal) "แอนนา เคนดริก" (Anna Kendrick) และ "โมนิก" (Mo'Nique)
- ในบรรดาผู้เข้าชิงรางวัลสำหรับนักแสดงในปีนี้ มี 2 คนที่เคยเข้าชิงแต่ยังไม่เคยชนะรางวัล นั่นคือ "วูดดี ฮาร์เรลสัน" (Woody Harrelson) นักแสดงสมทบชายจาก "The Messenger" ซึ่งเคยเข้าชิงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก "The People vs. Larry Flynt" ปี 1996 และ "เจฟฟ์ บริดเจส" (Jeff Bridges) นักแสดงนำชายจาก "Crazy Heart" ซึ่งเคยเข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก "The Last Picture Show" ปี 1971 "Thunderbolt and Lightfoot" เมื่อปี 1974 และ "The Contender" ปี 2000 และเคยเข้าชิงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก "Starman" ปี 1984
- ในบรรดาผู้เข้าชิงรางวัลสำหรับนักแสดง มีผู้ที่เคยชนะรางวัลมาก่อนแล้ว 5 คน ได้แก่ "จอร์จ คลูนีย์" (George Clooney) "มอร์แกน ฟรีแมน" (Morgan Freeman) "เพเนโลเป ครูซ" (Penelope Cruz) "เฮเลน มิร์เรน" (Helen Mirren) และ "เมอรีล สตรีป" (Meryl Steep) ส่วน "แมตต์ เดมอน" (Matt Damon) ไม่เคยได้รับรางวัลในสาขาสำหรับนักแสดง แต่เคยได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก "Good Will Hunting" เมื่อปี 1997
- "จอร์จ คลูนีย์" (George Clooney) ที่เข้าชิงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก "Up in the Air" ในปีนี้ เคยชนะรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก "Syriana" เมื่อปี 2005 และเคยเข้าชิงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก "Michael Clayton" เมื่อปี 2007 นอกจากเขายังเคยเข้าชิงสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมและบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก "Good Night, and Good Luck." เมื่อปี 2005 ด้วย
- "มอร์แกน ฟรีแมน" (Morgan Freeman) ที่ได้เข้าชิงสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก "Invictus" ในปีนี้ เคยชนะรางวัลนักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก "Million Dollar Baby" ปี 2004 นอกจากนี้ยังเคยเข้าชิงสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจาก "Street Smart" เมื่อปี 1987 และเข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจาก "Driving Miss Daisy" เมื่อปี 1989 และ "The Shawshank Redemption" เมื่อปี 1994
- "เฮเลน มิร์เรน" (Helen Mirren) ที่ได้เข้าชิงสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก "The Last Station" ในปีนี้ เคยชนะรางวัลเดียวกันนี้จาก "The Queen" เมื่อปี 2006 และเคยเข้าชิงสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก "The Madness of King George" เมื่อปี 1994 และจาก "Gosford Park" เมื่อปี 2001
- "เมอรีล สตรีป" (Meryl Streep) ซึ่งเข้าชิงสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก "Julie & Julia" ในปีนี้ เคยเข้าชิงในสาขานี้มาแล้วถึง 12 ครั้ง จากเรื่อง "The French Lieutenant's Woman" ปี 1981 "Sophie's Choice" ปี 1982 ซึ่งเธอเป็นผู้ชนะ "Silkwood" ปี 1983 "Out of Africa" ปี 1985 "Ironweed" ปี 1987 "A Cry in the Dark" ปี 1988 "Postcards from the Edge" ปี 1990 "The Bridges of Madison County" ปี 1995 "One True Thing" ปี 1998 "Music of the Heart" ปี 1999 "The Devil Wears Prada" ปี 2006 และ "Doubt" ปี 2008 นอกจากนี้เธอยังเคยเข้าชิงสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก "The Deer Hunter" ปี 1978 "Kramer vs. Kramer" ปี 1979 ซึ่งเธอเป็นผู้ชนะ และ "Adaptation" เมื่อปี 2002
- "เพเนโลเป ครูซ" (Penelope Cruz) ซึ่งเข้าชิงสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก "Nine" ในปีนี้ เคยชนะรางวัลสาขาเดียวกันนี้จาก "Vicky Cristina Barcelona" เมื่อปีที่แล้ว นอกจากนี้เธอยังเคยเข้าชิงสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก "Volver" เมื่อปี 2006
- นักแสดงที่ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้งในปีนี้และปีที่แล้วมีอยู่ 2 คน คือ "เมอรีล สตรีป" (Meryl Steep) ผู้เข้าชิงสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก "Julie & Julia" และ "เพเนโลเป ครูซ" (Penelope Cruz) ผู้เข้าชิงสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก "Nine" โดยเมื่อปีที่แล้ว เมอรีล ได้เข้าชิงในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจาก "Doubt" ส่วน เพเนโลเป ชนะรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก "Vicky Cristina Barcelona"
- "พีต ด็อกเตอร์" (Pete Docter) เป็นคนที่ 5 ที่เข้าชิงสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมมากกว่า 1 ครั้ง เนื่องจากเขาได้เข้าชิงจาก "Up" ในปีนี้ และเคยเข้าชิงจาก "Monsters, Inc." เมื่อปี 2001 ก่อนหน้านี้ "จอห์น แลสซีเตอร์" (John Lasseter) "ฮายาโอะ มิยาซากิ" (Hayao Miyazaki) "แบรด เบิร์ด" (Brad Bird) และ "แอนดรูว์ สแตนทัน" (Andrew Stanton) ต่างเคยเข้าชิงสาขานี้กันมาแล้วคนละ 2 ครั้ง
- "The White Ribbon" เป็นภาพยนตร์ขาวดำเรื่องที่ 9 ที่ได้เข้าชิงในสาขากำกับภาพยอดเยี่ยม นับตั้งแต่ปี 1967 ซึ่งมีการยุบรางวัลสาขากำกับภาพยอดเยี่ยมสำหรับภาพยนตร์ขาวดำลง ภาพยนตร์ขาวดำที่เคยเข้าชิงรางวัลนี้มาก่อน ได้แก่ "In Cold Blood" ปี 1967 "The Last Picture Show" ปี 1971 "Lenny" ปี 1974 "Raging Bull" ปี 1981 "Zelig" ปี 1983 "Schindler's List" ปี 1993 "The Man Who Wasn't There" ปี 2001 และ "Good Night, and Good Luck." เมื่อปี 2005
- ผู้อำนวยการสร้างที่เข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีนี้ มีเพียงคนเดียวที่เคยเข้าชิงรางวัลนี้มาแล้วแต่ไม่เคยชนะรางวัล นั่นคือ "ลอว์เรนซ์ เบนเดอร์" (Lawrence Bender) จาก "Inglourious Basterds" ที่เคยเข้าชิงสาขานี้จาก "Pulp Fiction" เมื่อปี 1994 และ "Good Will Hunting" เมื่อปี 1997
- ผู้อำนวยการสร้างที่เข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในปีนี้หลายคนเคยชนะรางวัลนี้มาแล้ว ได้แก่ "เจมส์ คาเมรอน" (James Cameron) และ "จอน แลนเดา" (Jon Landau) จาก "Avatar" ซึ่งเคยชนะรางวัลนี้ด้วยกันจาก "Titanic" เมื่อปี 1997 "ปีเตอร์ แจ็กสัน" (Peter Jackson) จาก "District 9" เคยชนะรางวัลนี้จาก "The Lord of the Rings: The Return of the King" เมื่อปี 2003 และเคยเข้าชิงรางวัลนี้แต่ไม่ชนะจาก "The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring" เมื่อปี 2001 และ "The Lord of the Rings: The Two Towers" เมื่อปี 2002 ส่วน "โจเอล โคเอน" (Joel Coen) และ "อีธาน โคเอน" (Ethan Coen) จาก "A Serious Man" เคยชนะรางวัลนี้ด้วยกันจาก "No Country for Old Men" เมื่อปี 2007 และ อีธาน คนเดียวเคยเข้าชิงรางวัลใหญ่นี้จาก "Fargo" เมื่อปี 1996
- หากนับรวมทุกสาขารางวัล "ปีเตอร์ แจ็กสัน" (Peter Jackson) ซึ่งปีนี้ได้เข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก "District 9" ได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ทั้งหมด 9 ครั้งแล้ว เขาเคยเข้าชิงสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก "The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring" ปี 2001 "The Lord of the Rings: The Two Towers" ปี 2002 และ "The Lord of the Rings: The Return of the King" ปี 2003 ซึ่งเขาเป็นผู้ชนะ นอกจากนี้ ปีเตอร์ เคยเข้าชิงสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมและบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจาก The Lord of the Rings ภาคแรก และเคยชนะรางวัล 2 สาขาดังกล่าวจาก The Lord of the Rings ภาคที่ 3 ส่วนรางวัลแรกที่เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง คือ บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก "Heavenly Creatures" ปี 1994
- "โจเอล โคเอน" (Joel Coen) และ "อีธาน โคเอน" (Ethan Coen) ซึ่งได้เข้าชิงในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมและบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก "A Serious Man" ในปีนี้ เคยชนะรางวัลออสการ์มาแล้วหลายสาขาจากภาพยนตร์ปี 2007 อย่าง "No Country for Old Men" ทำให้พวกเขาชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม ส่วน "Fargo" เมื่อปี 1996 ทำให้พวกเขาชนะรางวัลบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม และ โจล ได้เข้าชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยม ขณะที่ อีธานเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นอกจากนี้ พวกเขาเคยเข้าชิงรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจาก "O Brother, Where Art Thou?" เมื่อปี 2000 และเข้าชิงสาขาตัดต่อยอดเยี่ยมจาก "Fargo" และ "No Country for Old Men" ซึ่งพวกเขาใช้นามแฝงร่วมกันว่า "โรเดริก เจนส์" (Roderick Jaynes)
- ผู้เข้าชิงสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมที่ไม่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงมาก่อน คือ "แคธริน บิเกอโลว์" (Kathryn Bigelow) จาก "The Hurt Locker" และ "ลี แดเนียลส์" (Lee Daniels) จาก "Precious: Based on the Novel Push by Sapphire" ส่วนอีก 3 คนที่เหลือล้วนเคยเข้าชิงมาก่อนแล้ว 1 ครั้ง ได้แก่ "เจมส์ คาเมรอน" (James Cameron) จาก "Avatar" เคยเข้าชิงและชนะจากภาพยนตร์ "Titanic" ปี 1997 "เควนติน ทาแรนติโน" (Quentin Tarantino) จาก "Inglourious Basterds" เคยเข้าชิงจากภาพยนตร์ "Pulp Fiction" ปี 1994 และ "เจสัน ไรต์แมน" (Jason Reitman) จาก "Up in the Air" เคยเข้าชิงจากภาพยนตร์ "Juno" ปี 2007
- ผู้เข้าชิงสาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมในปีนี้เกือบทุกคนไม่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์มาก่อน มีเพียง "เจสัน ไรต์แมน" (Jason Reitman) ที่แม้จะไม่เคยเข้าชิงในสาขานี้มาก่อน แต่เคยเข้าชิงสาขาผู้กำกับยอดเยี่ยมจาก "Juno" เมื่อปี 2007
- ผู้เข้าชิงสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมของปีนี้ ที่เคยเข้าชิงรางวัลออสการ์มาก่อนแต่ยังไม่เคยชนะรางวัล ได้แก่ "บ็อบ ปีเตอร์สัน" (Bob Peterson) จาก "Up" ที่เคยเข้าชิงสาขาเดียวกันนี้จาก "Finding Nemo" เมื่อปี 2003 "พีต ด็อกเตอร์" (Pete Docter) จาก "Up" เช่นกัน ซึ่งเคยเข้าชิงสาขาเดียวกันนี้จาก "Toy Story" เมื่อปี 1995 และจาก "WALL-E" เมื่อปี 2008
- ผู้เข้าชิงสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมของปีนี้ ที่เคยได้รับรางวัลสาขาเกี่ยวกับบทภาพยนตร์มาก่อน ได้แก่ "เควนติน ทาแรนติโน" (Quentin Tarantino) จาก "Inglourious Basterds" ซึ่งได้รับรางวัลสาขาเดียวกันนี้จากภาพยนตร์ "Pulp Fiction" ปี 1994 ส่วน "โจเอล โคเอน" (Joel Coen) และ "อีธาน โคเอน" (Ethan Coen) จาก "A Serious Man" เคยได้รางวัลสาขาเดียวกันนี้จากภาพยนตร์ "Fargo" ปี 1996 และได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ "No Country for Old Men" ปี 2007 นอกจากนี้ยังเคยเข้าชิงสาขาบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ "O Brother, Where Art Thou?" ปี 2000
- "The Milk of Sorrow" เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกของเปรูที่ได้เข้าชิงในสาขาภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม ส่วนภาพยนตร์คู่แข่งอีก 4 เรื่องมาจากประเทศที่เคยส่งภาพยนตร์เข้าชิงสาขานี้มาแล้ว ได้แก่ "The Secret in Their Eyes" ภาพยนตร์เรื่องที่ 6 จากอาร์เจนตินา "Ajami" และ "The White Ribbon" ภาพยนตร์เรื่องที่ 9 จากอิสราเอลและเยอรมนีตามลำดับ ส่วน "A Prophet" เป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 36 จากฝรั่งเศส
- ผู้เข้าชิงสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันยอดเยี่ยมในปีนี้ ที่เคยเข้าชิงมาก่อนแต่ยังไม่เคยได้รับรางวัล ได้แก่ "รอน คลีเมนต์ส" (Ron Clements) ที่เคยเข้าชิงสาขาเดียวกันนี้จากภาพยนตร์ "Treasure Planet" ปี 2002 "เวส แอนเดอร์สัน" (Wes Anderson) ที่เคยเข้าชิงสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก "The Royal Tenenbaums" ปี 2001 และ "พีต ด็อกเตอร์" (Pete Doctor) ที่เคยเข้าชิงสาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจาก "Toy Story" ปี 1995 และ "WALL-E" ปี 2008 และเข้าชิงสาขาแอนิเมชันยอดเยี่ยมจาก "Monsters, Inc." ปี 2001 รวมถึงสาขาภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดสั้นยอดเยี่ยมจาก "Mike's New Car" ปี 2002
- มีคู่ผู้อำนวยการสร้างพ่อลูกเพียง 2 คู่เท่านั้นที่เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นั่นคือ เจสัน ไรต์แมน กับ อิวาน ไรต์แมน จากภาพยนตร์ "Up in the Air" และ มาริโอ เชกคี กอรี กับ วิตตอริโอ เชกคี กอรี จากเรื่อง "Il postino" (1994)