ผลออสการ์ ครั้งที่ 80 รางวัลทางภาพยนตร์สุดยิ่งใหญ่

งานประกาศรางวัลที่ทั่วโลกจับตามองมากที่สุดอย่าง "อคาเดมี อวอร์ดส์" (Academy Awards) หรือ "ออสการ์" (Oscar) ครั้งที่ 80 ประจำปี 2008 ซึ่งจัดขึ้นที่ โกดัก เธียเตอร์ เมืองลอสแองเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อคืนวันที่ 24 หรือเช้าวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ตามเวลาบ้านเรา ได้สิ้นสุดลงไปแล้วอีกปีอย่างชื่นมื่น โดยมี จอน สจ๊วต เป็นพิธีกรอีกครั้ง หลังจากที่เคยรับหน้าที่นี้แล้วเมื่อ 2 ปีก่อนหน้านี้
ภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสูงสุด "No Country For Old Men" ของสองพี่น้อง "โจเอล และ อีธาน โคเอน" เป็นภาพยนตร์ที่กวาดรางวัลไปได้มากที่สุดตามความคาดหมาย โดยรับไปทั้งสิ้น 4 รางวัลด้วยกัน ในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม กำกับการแสดงยอดเยี่ยม และบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม โดยระหว่างขึ้นรับรางวัล โจเอล ผู้พี่ ได้กล่าวว่า
"สิ่งที่พวกเราทำในตอนนี้ไม่ได้แตกต่างจากที่พวกเรากำลังจะทำต่อไป ขอขอบคุณทุกๆ คนที่ปล่อยให้พวกเราได้ทำในสิ่งที่เราอยากทำ" ขณะที่ "ฮาเวียร์ บาร์เด็ม" นักแสดงหนุ่มที่เป็นหน้าเป็นตาให้กับเรื่องนี้นั้น ได้กล่าวขอบคุณอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังเป็นภาษาสเปน ซึ่งใจความโดยรวมเป็นการขอบคุณครอบครัว รวมถึงคุณแม่ของตัวเองที่มาร่วมให้กำลังใจอยู่ข้างๆ ในงานนี้ด้วย
สำหรับภาพยนตร์ที่กวาดรางวัลได้มากที่สุดรองลงมานั้น กลายเป็น "The Bourne Ultimatum" ภาพยนตร์แอ็กชั่นปิดไตรภาคผลงานสุดมันของนักแสดงหนุ่ม "แมต เดมอน" ที่คว้าไปทั้งสิ้น 3 รางวัลจากทุกสาขาที่เข้าชิง นั่นคือ บันทึกเสียงยอดเยี่ยม ลำดับเสียงยอดเยี่ยม และตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
ด้านภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลสูงสุดอีกหนึ่งเรื่องอย่าง "There Will Be Blood" หวุดหวิดจะโดนเบียดตกเวที ยังดีที่เกาะขอบปีนกลับขึ้นมาคว้า 2 รางวัลได้ทัน งานนี้ได้ "แดเนียล เดย์-ลูอิส" ขึ้นมารับรางวัลสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม และ "โรเบิร์ต เอลส์วิต" ซึ่งคว้ารางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยม มาช่วยกู้หน้าไว้ "ถือว่าใกล้เคียงกับตำแหน่งอัศวินที่สุดเท่าที่ผมเคยสัมผัสมา" แดเนียล กล่าวหลังรับรางวัลกับมือของ "เฮเลน มิร์เรน" นักแสดงสาวรุ่นใหญ่ ผู้เคยคว้ารางวัลออสการ์มาแล้วจากการรับบทราชินีอลิซาเบธที่ 2 ในเรื่อง "The Queen"
ส่วนนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมปีนี้ตกเป็นของสาวฝรั่งเศส "มาริยง โคติยาร์" จาก "La Vie En Rose" โดยเธอกล่าวว่า "ฉันพูดไม่ออกเลย ตอนนี้" แต่หลังจากนั้นเธอก็เอ่ยปากขอบคุณชีวิตและความรัก "ฉันเชื่อแล้วว่าเมืองนี้มีเทวดาอยู่จริง" นอกจากนี้เรื่องนี้ยังเหมารางวัลแต่งหน้ายอดเยี่ยมไปครองอีกหนึ่งรางวัล ฟากนักแสดงสาวชาวอังกฤษ "ทิลด้า สวินตัน" รับรางวัลสมทบหญิงยอดเยี่ยม กู้หน้าคว้ารางวัลให้กับภาพยนตร์ "Michael Clayton" รวม 1 รางวัล
ยังมีรางวัลในสาขาอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม ที่ตกเป็นของ "ไดอาโบล โคดี้" จาก "Juno" และไม่น่าแปลกใจเลยหากภาพยนตร์เรื่อง "Sweeney Todd" จะคว้ารางวัลกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม เพราะความโดดเด่นสุดเก๋ไก๋นั่นเอง และสำหรับรางวัลเพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยมนั้น "Once" คว้าไปครองได้สำเร็จจากฝีมือของ "เกลน แฮนซาร์ด" และ "มาร์เกทา เออร์โกลว่า" นักแสดงนำของเรื่อง ทำเอา "Enchanted" อกหัก พลาดรางวัลในสาขานี้ ทั้งๆ ได้เข้าชิงถึง 3 เพลงด้วยกัน
สรุปผลรางวัล ออสการ์ ครั้งที่ 80
- ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: No Country for Old Men
- นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม: แดเนียล เดย์-ลูอิส (Daniel Day-Lewis) จาก There Will Be Blood
- นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม: มาริยง โคติยาร์ (Marion Cotillard) จาก La Vie en Rose
- นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม: ฮาเวียร์ บาร์เด็ม (Javier Bardem) จาก No Country for Old Men
- นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม: ทิลดา สวินตัน (Tilda Swinton) จาก Michael Clayton
- กำกับการแสดงยอดเยี่ยม: โจเอล โคเอน (Joel Coen) และ อีธาน โคเอน (Joel Coen) จาก No Country for Old Men
- ภาพยนตร์ภาษาต่างประเทศยอดเยี่ยม: The Counterfeiter จาก ออสเตรีย
- ภาพยนตร์แอนิเมชั่นยอดเยี่ยม: Ratatouille โดย แบรด เบิร์ด (Brad Bird)
- บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม: โจเอล โคเอน (Joel Coen) และ อีธาน โคเอน (Joel Coen) จาก No Country for Old Men
- บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม: ไดอาโบล โคดี้ (Diablo Cody) จาก Juno
- กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม: ดันเต เฟอเรตติ (Dante Ferretti) จาก Sweeney Todd The Demon Barber of Fleet Street
- กำกับภาพยอดเยี่ยม: โรเบิร์ต เอลส์วิต (Robert Elswit) จาก There Will Be Blood
- บันทึกเสียงยอดเยี่ยม: The Bourne Ultimatum โดย สก็อตต์ มิลลัน (Scott Millan) เดวิด พาร์กเกอร์ (David Parker) และ เคิร์ก ฟรานซิส (Kirk Francis)
- ลำดับเสียงยอดเยี่ยม: The Bourne Ultimatum โดย คาเรน เบเกอร์ แลนเดอร์ส (Karen Baker Landers) และ เพอร์ ฮัลล์เบิร์ก (Per Hallberg)
- ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: ดาริโอ มาเรียเนลลี (Dario Marianelli) จาก Atonement
- เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: Falling Slowly จาก Once
- ออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม: อเล็กซานดรา เบิร์น (Alexandra Byrne) จาก Elizabeth: The Golden Age
- ตัดต่อภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: The Bourne Ultimatum โดย คริสโตเฟอร์ เราส์ (Christopher Rouse)
- แต่งหน้ายอดเยี่ยม: ดิดิเยร์ ลาเวิร์น (Didier Lavergne) และ แจน อาร์ชิบอลด์ (Jan Archibald) จาก La Vie en Rose
- การสร้างภาพพิเศษยอดเยี่ยม: The Golden Compass
- ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม: Taxi to the Dark Side โดย อเล็กซ์ กิบนีย์ (Alex Gibney) และ เอวา ออร์เนอร์ (Eva Orner)
- ภาพยนตร์สารคดีสั้นยอดเยี่ยม: Freeheld โดย ซินเธีย เวด (Cynthia Wade) และ วาเนสซา รอธ (Vanessa Roth)
- ภาพยนตร์ขนาดสั้นยอดเยี่ยม: Le Mozart des Pickpockets (The Mozart of Pickpockets) โดย ฟิลิปเป้ พอลเลต-วิลลาร์ด (Philippe Pollet-Villard)
- ภาพยนตร์แอนิเมชั่นขนาดสั้นยอดเยี่ยม: Peter & the Wolf โดย ซูซี เทมเปิลตัน (Suzie Templeton) และ ฮิวจ์ เวลช์แมน (Hugh Welchman)