เปิดตัว องค์บาก 2 ศาสตร์การต่อสู้ของพระเอกนักบู๊ จา พนม
ในที่สุดก็พร้อมเข้าฉายอวดสายตาท่านผู้ชมกันแล้ว สำหรับภาพยนตร์แอ็กชันย้อนยุค "องค์บาก 2" ผลงานการกำกับเรื่องแรกและร่วมแสดงนำของพระเอกนักบู๊ "จา - พนม ยีรัมย์" ที่ก่อนหน้านี้มีปัญหาติดขัดทำให้การถ่ายทำสะดุดไป โดยเปิดตัวเป็นเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา ที่ลานพาร์ค พารากอน ซึ่งมีผู้สนใจมาร่วมงานอย่างแน่นขนัด
เปิดงานด้วยการแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทยจากเรื่อง "องค์บาก" รวมถึงท่ามวยช้างทำลายโรง ท่าเอกลักษณ์ในภาพยนตร์เรื่อง "ต้มยำกุ้ง" และก็ได้เวลาของ จา ที่ออกมาแสดงศิลปะการต่อสู้ที่ผสมทั้งไทย จีน ญี่ปุ่น เกาหลี มาให้ดูเป็นการเรียกน้ำย่อย แล้วมาเริ่มต้นด้วยการพูดคุยกับ 3 ผู้อยู่เบื้องหลังอย่าง "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ในฐานะผู้ควบคุมงานสร้าง "พันนา ฤทธิไกร" ผู้กำกับและผู้ควบคุมฉากบู๊ และ "เอก เอี่ยมชื่น" ผู้ออกแบบงานสร้างรวมถึงเป็นผู้เขียนบทสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ กับคำถามที่ถามว่าถ้าให้เลือกฉากที่คิดว่าทุกคนจะต้องกล่าวถึงในภาพยนตร์เรื่องนี้จะเลือกฉากไหน
ปรัชญา บอกว่า "คงเป็นทุกฉากที่มีการแสดงสัมพันธ์กับช้าง เพราะว่ามีฉากเกี่ยวกับช้างอยู่หลายฉาก ผมว่าทุกฉากที่เกี่ยวกับช้างเป็นฉากไฮไลต์ทั้งหมดอยากให้ลองเข้าไปดู อย่างฉากที่ก็กระโดดขึ้นบนหลังช้างก็เป็นหนึ่งในหลายฉาก แล้วก็มีอีกหลายฉากที่ต่อสู้กันเพื่อให้สัมพันธ์กับสรีระของช้าง อันนี้ต้องยกความดีให้กับศิลปะการต่อสู้ของพันนาและของจา"
ด้าน พันนา เลือกฉากต่อสู้สุดท้ายของเรื่องโดยเล่าว่า "เป็นฉากต่อสู้ที่เราเอาศิลปะการต่อสู้ทุกประเภท ทุกชาติมารวมกัน คือจา เขาไปเรียนศิลปะการต่อสู้ของจีน ญี่ปุ่น เกาหลี เอาหลายชาติมารวมกัน รวมทั้งของไทยด้วยที่คิดค้นขึ้นมาใหม่ เราก็จะออกแบบท่าทางให้สมกับศิลปะของชาตินั้นๆ แล้วค่อยๆ ไต่ระดับไปจนสูงขึ้นเรื่อยๆ ยากขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นไฮไลต์ของซีนนี้ ซึ่งใช้เวลานานกว่าจะเกิดซีนนี้ขึ้นมาได้ และต้องใช้พละกำลังมาก"
เอก เอี่ยมชื่น อธิบายถึงฉากที่เป็นฉากสุดยอดในภาพยนตร์ให้ฟังว่า "เป็นฉากลอบสังหารซึ่งเป็นฉากใหญ่ ในเนื้องานสร้างเป็นฉากที่ใหญ่ที่สุดเป็นพระราชวังขอมเมืองใหม่ที่เพิ่งสร้าง เพราะฉะนั้นก็เป็นการรวมศิลปะขอมโบราณ ใช้เวลานานมากในการสร้าง สร้างฉากประมาณปีนึงแล้วก็สร้างเป็นปิรามิดขึ้นไปมีพระราชวังอยู่ด้านบน มีลานช้างซึ่งจะได้เห็นการต่อสู้ระหว่างคนแล้วก็ช้างซึ่งยิ่งใหญ่ที่สุด ผมคิดว่าน่าจะเป็นฉากใหญ่ต้นๆ ของประเทศ ใช้เนื้อที่ในการสร้าง 25 ไร่ งบในการสร้างฉากนี้ฉากเดียวก็เกือบๆ 25 ล้าน"
จากนั้นมาพบกับเหล่านักแสดงอย่าง "หนิง - นิรุตติ์ ศิริจรรยา" "เอก - สรพงษ์ ชาตรี" "หนุ่ม - สันติสุข พรหมศิริ" "ดี้ - ปัทมา ปานทอง" "เดี่ยว - ชูพงษ์ ช่างปรุง" "จ๊ะจ๋า - พริมรตา เดชอุดม" และ "ต๊อก - ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ" ที่มากล่าวถึงความประทับใจที่ต่อภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยเริ่มจากนักแสดงอาวุโส หนิง ที่กล่าวว่า "ก็คงจะเหมือนกับการทำงานเกือบทุกๆ เรื่องว่าเราจะต้องสนุก ชอบ และประทับใจกับงานไม่ว่างานจะใหญ่หรือว่าเล็ก แต่ว่างานครั้งนี้ที่เราได้ร่วมด้วยเป็นงานที่ค่อนข้างยากตั้งแต่ผมได้ร่วมแสดงมา"
ด้าน เอก สรพงษ์ พูดว่า "ผมแสดงมา 39 ปี 400 กว่าเรื่อง ส่วนมากเป็นหนังบู๊ แต่ว่ายังไม่เคยเห็นบู๊เรื่องไหนเหมือนกับองค์บาก 2 เพราะว่ามีเทคนิคบู๊เยอะ บู๊แล้วต้องหลั่งน้ำตา อันนี้แตกต่างจากบู๊ที่เคยแสดงมา" ฟาก หนุ่ม บอกถึงความรู้สึกว่า "ผมก็เล่นหนังมาเยอะเหมือนกัน แต่ผมก็ไม่เคยเล่นหนังเรื่องไหนที่มีความละเอียดขนาดนี้ ไม่เคยเล่นภาพยนตร์ที่ฉากเดียวถ่าย 4-5 วัน เรื่องนี้ละเอียดมากรับรองออกมาเนี่ยเป็นงานคุณภาพจริงๆ "
ส่วนที่นักแสดงที่หายหน้าไปนานอย่าง ดี้ พูดว่า "เป็นหนังบู๊ที่รวมเอาความรู้สึกในทุกๆ อารมณ์ของมนุษย์มีทั้งโกรธ แค้น ความรัก ความเสียใจ แล้วก็รู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมงานเรื่องนี้ด้วย เพราะว่าเป็นหนังที่จาเขาทุ่มเท แล้วก็ตัวเองก็ทุ่มเทกับการทำงานครั้งนี้มากๆ" ส่วนความประทับใจของนักบู๊รุ่นน้อง เดี่ยว เล่าว่า "ผมก็รู้สึกภูมิใจนะครับที่ได้มาเล่นหนังแอ็กชั่น ผมว่าผมมีวาสนาที่ดีคือมีโอกาสได้เล่นกับพี่พันนา ซึ่งเป็นระดับอาจารย์ แล้วก็มาเล่นกับพี่จาในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นวาสนาที่ดีในเรื่องของการเล่นแอ็กชั่น เพราะว่าไม่ใครเทียบทั้ง 2 คนนี้ได้ ผมเป็นคนแรกที่ได้ร่วมงานกับทั้ง 2 คนผมภูมิใจมากครับ"
ทางด้านสาวตาโต จ๊ะจ๋า พูดว่า "สำหรับจ๊ะจ๋าเองก็ดีใจแล้วก็เป็นเกียรติมากๆ ที่ได้ร่วมเล่นหนังที่คนทั้งโลกรอชมขนาดนี้นะคะ ตัวจ๊ะจ๋าเองก็ทำงานเต็มที่ อยากบอกทุกคนว่าอยากให้ดูหนังเรื่องนี้เพราะว่าเกินความคาดหวังแน่นอนค่ะ" และ ต๊อก กล่าวว่า "ถือว่าเป็นหนังแอ็กชั่นที่เวลาทำงานแล้วทุกคนเงียบที่สุดที่เคยสัมผัสมา เพราะจาเขาตั้งใจ มีระเบียบวินัยมากๆ สมาธิสูงมาก ทุกซีนทุกคัท จาเขาให้ความสำคัญอย่างยิ่งเลยครับ"
แล้ว จา ก็ออกมาทักทายทุกคนอีกครั้ง ก่อนจะมากล่าวความรู้สึกถึงภาพยนตร์จากการกำกับเรื่องแรกที่กำลังจะเข้าฉายแล้วว่า "รู้สึกดีใจมากๆ ครับ ตอนเด็กๆ ผมชอบดูหนังแล้วเป็นเด็กดูหนังกลางแปลง ชอบดูหนังบู๊ แต่ในวันนี้ผมได้มาทำและกำกับเองเป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจที่ได้มีวันนี้ ต้องขอบคุณบุคคลหลายๆ ท่านที่ทำให้เกิดภาพยนตร์เรื่อง องค์บาก ภาค 2
ผู้ที่อยู่บนเวทีที่เป็นส่วนประกอบที่สำคัญ เพราะว่าในองค์บาก ภาค 2 เราเลือกสรรบุคคลที่มีฝีมือระดับหนึ่งของประเทศไทยในการทำภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นฉากแอ็กชั่น โปรดักชั่นที่สวยงามโดยฝีมือคุณเอก เอี่ยมชื่น ผู้ควบคุมฉากแอ็กชั่น อาจารย์พันนา และเราก็ยังมีกลุ่มนักแสดงที่ล้วนแล้วแต่มีฝีมือ และที่ขาดไม่ได้กับพี่ที่ทำให้ผมมีโอกาสมาเล่น องค์บาก ภาคแรก คุณปรัชญา ปิ่นแก้ว ที่ทำให้ผมมีชื่อเสียงและทำให้ผมมีโอกาสทำหนัง องค์บาก ภาค 2 และผู้อำนวยการสร้างเสี่ยเจียง สมศักดิ์ รัตนประเสริฐ"
จา ขอพูดฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ว่า "ผมอยากให้คนไทยสนับสนุนหนังไทย เนื่องจากหนัง องค์บาก ภาคแรก แล้วก็ ต้มยำกุ้ง ประสบความสำเร็จก็ทำให้ชาวต่างชาติรู้จักหนังไทยมากขึ้น หนังไทยหลายเรื่องที่เคยสร้างชื่อ ไม่ว่าจะเป็น ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สุริโยไท หรือหนังไทยอีกหลายๆ เรื่อง ที่ทำให้ชาวต่างชาติรู้ว่านี่คือฝีมือของคนไทย และผมก็มีความคิดเห็นว่าชาวต่างชาติน่าจะเห็นสิ่งที่ดีๆ ในเมืองไทย หนังเรื่อง องค์บาก 2 น่าจะเป็นอะไรที่พวกเราได้ร่วมมือกันสร้างให้ชาวต่างชาติได้เห็นในสิ่งที่ดีๆ ผมมีความภาคภูมิใจว่าผมมาจากประเทศไทยและนี่คือทีมงานไทย เวลาไปต่างประเทศก็สามารถบอกกับคนทั้งโลกได้อย่างภาคภูมิใจว่านี่คือผลงานของคนไทย"
ปิดท้ายที่ "เสี่ยเจียง - สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ" กับคำกล่าวที่ว่า "ผมดีใจมากที่ได้เห็นภาพยนตร์เรื่องนี้ ผมมีความพยายามตั้งแต่แรกที่จะสร้างหนังไทยไปสู่ตลาดโลกให้คนต่างประเทศได้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น วันนี้ผมรู้สึกภูมิใจที่ผมได้ทำสำเร็จแล้วอย่างน้อยทั่วโลกก็อยากดูหนังผม หนังที่จาเล่น และผมอยากให้พวกเราทุกคนมีความชื่นชม อยากให้ได้ดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วท่านจะรู้ว่านี่คือหนังไทยที่เมืองนอกไม่กล้าดูถูกเรา ผมสามารถทำหนังไทยไปต่างประเทศได้ และภูมิใจอย่างยิ่งในฐานะคนไทยคนนึงที่สามรถทำให้คนทั้งโลกรู้จักประเทศไทยมากขึ้น"
จับตาดูผลงานการกำกับเรื่องแรกของ จา ที่มาพร้อมกับการต่อสู้ที่แปลกใหม่ได้ใน องค์บาก 2 เข้าฉายต้อนรับวันพ่อ 5 ธันวาคม นี้ ในโรงภาพยนตร์