ประกาศแล้วผลรางวัล แกรมมี อวอร์ดส์ ครั้งที่ 59
เวียนมาเป็นครั้งที่ 59 แล้ว สำหรับงานประกาศรางวัลทางดนตรี "แกรมมี อวอร์ดส์" (Grammy Awards) ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่นของลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา อันเป็นสถานที่จัดงาน ซึ่งปีนี้ได้ตัวพิธีกรตลก "เจมส์ คอร์เดน" (James Corden) มารับหน้าที่ดำเนินรายการหลักแทน "แอลแอล คูล เจ" (LL Cool J) ศิลปินแร็ปผู้เคยรับหน้าที่นี้ติดต่อกันเป็นเวลา 5 ปีแล้ว โดยปีนี้เป็นอีกปีที่ "อเดล" (Adele) มาลุยกวาดรางวัลทรงเครื่องเล่นแผ่นเสียงกลับประเทศอังกฤษไป หลังชนะรางวัลสาขาใหญ่ๆ ไปได้ถึง 5 รางวัล ซึ่งแบ่งเป็นรางวัลที่ได้จากเพลง "Hello" ได้แก่ รางวัลบันทึกเสียงยอดเยี่ยมแห่งปี เพลงแห่งปี และการแสดงเพลงป๊อปยอดเยี่ยมจากศิลปินเดี่ยว กับรางวัลที่ได้จากอัลบั้ม "25" คือ รางวัลบันทึกเสียงยอดเยี่ยมแห่งปี และอัลบั้มเพลงป๊อปยอดเยี่ยม
ขณะศิลปินสาวมากพลังเสียงขึ้นรับรางวัลบันทึกเสียงยอดเยี่ยมแห่งปีนั้น นอกจากจะพูดถึงการดิ้นรนเป็นคุณแม่แล้ว ยังพูดยกย่อง "บียอนเซ โนวล์ส" (Beyonce Knowles) ศิลปินที่ได้เข้าชิงสาขาเดียวกันผู้กำลังตั้งครรภ์ลูกแฝดด้วยว่า "ฉันไม่สามารถรับรางวัลนี้ได้จริงๆ ฉันรู้สึกไม่คู่ควรเลยค่ะ และก็รู้สึกขอบคุณจริงๆ ค่ะ แต่ว่ายอดศิลปินของฉันคือ บียอนเซ และอัลบั้มนี้ อัลบั้ม Lemonade นี้สำหรับฉันแล้วมันยิ่งใหญ่มากค่ะ บียอนเซ มันเป็นชิ้นงานที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ค่ะ แถมยังคิดมาอย่างฉลาด สวยงามและยังเปลือยจิตวิญญาณ พวกเราจึงได้เห็นคุณในอีกด้านหนึ่งที่คุณไม่ได้ให้พวกเราเห็นอยู่ตลอด และเราก็ชื่นชมด้านนั้นของคุณค่ะ พวกเราศิลปินทุกคนที่อยู่ที่นี่รักคุณ คุณเป็นแสงสว่างของพวกเราค่ะ" ภายหลังศิลปินชาวอังกฤษได้หักถ้วยรางวัลเป็นสองส่วน และยกส่วนหนึ่งให้ บียอนเซ ไป
ทาง บียอนเซ ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงมากที่สุดที่ 9 สาขาในปีนี้ กลับยึดรางวัลไว้ได้เพียง 2 รางวัลเท่านั้น ได้แก่ รางวัลอัลบั้มเพลงเออร์เบินร่วมสมัยยอดเยี่ยมจากผลงานชุด "Lemonade" และรางวัลมิวสิกวิดีโอขนาดสั้นยอดเยี่ยมจากเพลง "Formation" งานนี้เมื่อ บียอนเซ อยู่บนเวทีเพื่อรับรางวัล เธอได้ถือโอกาสกล่าวถึงชีวิตของคนผิวสีด้วยว่า "เราต่างเคยประสบความเจ็บปวดและการสูญเสีย และหลายครั้งที่เราถูกทำให้เงียบ ความตั้งใจของฉันที่อยู่เบื้องหลังการสร้างภาพยนตร์และอัลบั้มนี้คือเพื่อสร้างงานที่จะมอบเสียงให้แก่พวกเรา การดิ้นรนของพวกเรา ความมืดมนของพวกเรา และประวัติศาสตร์ของพวกเรา เพื่อให้เราเผชิญหน้ากับเรื่องราวที่ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจค่ะ"
สำหรับศิลปินผู้ล่วงลับ "เดวิด โบวี" (David Bowie) ที่มีชื่อติดเข้าไปลุ้นรางวัลถึง 5 สาขา ก็รวบรางวัลกลับไปได้ทั้งหมด 5 รางวัลที่เข้าชิง คือ รางวัลเพลงร็อกยอดเยี่ยมและการแสดงเพลงร็อกยอดเยี่ยมจากเพลง "Blackstar" รางวัลอัลบั้มเพลงอัลเทอร์เนทีฟยอดเยี่ยม รางวัลหีบห่อเพลงยอดเยี่ยม และอัลบั้มที่มีการผสมเสียงยอดเยี่ยมจากผลงานชุด "Blackstar" ด้านหน้าใหม่ "ชานซ์ เดอะ แรปเปอร์" (Chance the Rapper) ออกตัวได้สวย คว้ารางวัลศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยมไปอย่างสวยงาม พร้อมรั้งอีก 2 รางวัล อย่างการแสดงเพลงแร็ปยอดเยี่ยมจากเพลง "No Problem" และอัลบั้มเพลงแร็ปยอดเยี่ยมจากผลงานชุด "Coloring Book" ฝั่งสองหนุ่ม "ทเวนตีวันไพลอตส์" (Twenty One Pilots) ฉวยรางวัลการแสดงเพลงป๊อปยอดเยี่ยมจากศิลปินคู่หรือกลุ่มไปสำเร็จจากเพลง "Stressed Out" ส่วนศิลปินที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงมากถึง 8 สาขา ทั้ง "เดรก" (Drake) "ริอานนา" (Rihanna) และ "คานเย เวสต์" (Kanye West) กลับต้องอกหัก มีเพียง เดรก เท่านั้นที่เพลง "Hotline Bling" ผลักดันให้เขาคว้ารางวัลเพลงแร็ปยอดเยี่ยมไว้ได้หนึ่งรางวัล
มาดูด้านการแสดงที่เหล่าศิลปินทั้งที่ได้เข้าชิงและไม่ได้เข้าชิงก็พากันขึ้นอวดพลังเสียงและลีลากันอย่างสนุกสนาน อาทิ "อเดล" (Adele) ที่นอกจากจะพาเพลง Hello ขึ้นเวทีแล้ว เธอยังขึ้นแสดงเพลง "Fastlove" เป็นการอาลัยแด่ "จอร์จ ไมเคิล" (George Michael) ศิลปินผู้เสียชีวิตไปเมื่อปลายปี 2016 เช่นเดียวกับ "บรูโน มาร์ส" (Bruno Mars) ที่ไม่เพียงมาสนุกกับเพลง "That's What I Like" แต่ยังจับมือกับ "เดอะ ไทม์" (The Time) เมดเลย์เพลง "Jungle Love" "The Bird" และ "Let's Go Crazy" อุทิศแด่อีกตำนานไร้ลมหายใจอย่าง "พรินซ์" (Prince) อีกด้วย ด้าน "เลดี้ กาก้า" (Lady Gaga) สามัคคีกับ "เมทัลลิกา" (Metallica) แสดง "Moth into Flame" ท่ามกลางไมโครโฟนที่ไม่ค่อยเป็นใจ ส่วนสาว "เคที เพอร์รี" (Katy Perry) ที่แต่งตัวเลียนแบบ "ฮิลลารี คลินตัน" (Hillary Clinton) ร่วมร้องเพลง "Chained to the Rhythm" กับ "สกิป มาร์ลีย์" (Skip Marley)
สรุปรางวัลสำคัญ Grammy Awards 2017
- บันทึกเสียงยอดเยี่ยมแห่งปี: Hello จาก Adele
- อัลบั้มแห่งปี: 25 จาก Adele
- เพลงแห่งปี: Hello จาก Adele
- ศิลปินหน้าใหม่ยอดเยี่ยม: Chance the Rapper
- การแสดงเพลงป๊อปยอดเยี่ยมจากศิลปินเดี่ยว: Hello จาก Adele
- การแสดงเพลงป๊อปยอดเยี่ยมจากศิลปินคู่หรือกลุ่ม: Stressed Out จาก Twenty One Pilots
- อัลบั้มเพลงป๊อปยอดเยี่ยม: 25 จาก Adele
- อัลบั้มเพลงป๊อปดั้งเดิมยอดเยี่ยม: Summertime: Willie Nelson Sings Gershwin จาก Willie Nelson
- เพลงแดนซ์ยอดเยี่ยม: Don't Let Me Down จาก The Chainsmokers ร่วมร้องโดย Daya
- อัลบั้มเพลงอิเล็กทรอนิกหรือแดนซ์ยอดเยี่ยม: Skin จาก Flume
- การแสดงเพลงฮาร์ดร็อกหรือเมทัลยอดเยี่ยม: Dystopia จาก Megadeth
- การแสดงเพลงร็อกยอดเยี่ยม: Blackstar จาก David Bowie
- เพลงร็อกยอดเยี่ยม: Blackstar จาก David Bowie
- อัลบั้มเพลงร็อกยอดเยี่ยม: Tell Me I'm Pretty จาก Cage the Elephant
- อัลบั้มเพลงอัลเทอร์เนทีฟยอดเยี่ยม: Blackstar จาก David Bowie
- การแสดงเพลงอาร์แอนด์บียอดเยี่ยม: Cranes in the Sky จาก Solange
- การแสดงเพลงอาร์แอนด์บีแบบดั้งเดิมยอดเยี่ยม: Angel จาก Lalah Hathaway
- เพลงอาร์แอนด์บียอดเยี่ยม: Lake By the Ocean จาก Maxwell
- อัลบั้มเพลงอาร์แอนด์บียอดเยี่ยม: Lalah Hathaway Live จาก Lalah Hathaway
- อัลบั้มเพลงเออร์เบินร่วมสมัยยอดเยี่ยม: Lemonade จาก Beyonce Knowles
- การแสดงเพลงแร็ปยอดเยี่ยม: No Problem จาก Chance the Rapper ร่วมร้องโดย Lil Wayne และ 2 Chainz
- เพลงแร็ปยอดเยี่ยม: Hotline Bling จาก Drake
- อัลบั้มเพลงแร็ปยอดเยี่ยม: Coloring Book จาก Chance the Rapper
- การแสดงเพลงคันทรียอดเยี่ยมจากศิลปินเดี่ยว: My Church จาก Maren Morris
- การแสดงเพลงคันทรียอดเยี่ยมจากศิลปินคู่หรือกลุ่ม: Jolene จาก Pentatonix ร่วมร้องโดย Dolly Parton
- เพลงคันทรียอดเยี่ยม: Humble and Kind จาก Tim McGraw
- อัลบั้มเพลงคันทรียอดเยี่ยม: A Sailor's Guide to Earth จาก Sturgill Simpson
- อัลบั้มเพลงแจ๊ซยอดเยี่ยม: Take Me to the Alley จาก Gregory Porter
- อัลบั้มเพลงแจ๊ซบรรเลงยอดเยี่ยม: Country for Old Men จาก John Scofield
- อัลบั้มเพลงแจ๊ซที่รวมตัวศิลปินยอดเยี่ยม: Presidential Suite: Eight Variations on Freedom จาก Ted Nash Big Band
- อัลบั้มเพลงลาตินแจ๊ซยอดเยี่ยม: Tribute To Irakere: Live In Marciac จาก Chucho Valdes
- อัลบั้มเพลงบลูส์ร่วมสมัยยอดเยี่ยม: The Last Days of Oakland จาก Fantastic Negrito
- อัลบั้มเพลงบลูส์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม: Porcupine Meat จาก Bobby Rush
- อัลบั้มเพลงโฟล์กยอดเยี่ยม: Undercurrent จาก Sarah Jaroszh
- อัลบั้มเพลงเรกเก้ยอดเยี่ยม: Ziggy Marley จาก Ziggy Marley
- อัลบั้มเพลงลาตินป๊อปยอดเยี่ยม: Un Besito Mas จาก Jesse & Joy
- อัลบั้มเพลงลาตินร็อกยอดเยี่ยม: ile จาก iLevitable
- เพลงรีมิกซ์ยอดเยี่ยม: Tearing Me Up (RAC Remix) จาก Bob Moses
- อัลบั้มเพลงที่มีเสียงรอบทิศทางยอดเยี่ยม: Dutilleux: Sur Le Meme Accord; Les Citations; Mystere De L'instant & Timbres, Espace, Mouvement จาก Ludovic Morlot และ Seattle Symphony
- เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: Can't Stop the Feeling! จาก Justin Timberlake
- ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: Star Wars: The Force Awakens
- โปรดิวเซอร์แห่งปี: David Frost
- มิวสิกวิดีโอขนาดสั้นยอดเยี่ยม: Formation - Beyonce Knowles
- มิวสิกวิดีโอขนาดยาวยอดเยี่ยม: The Beatles: Eight Days a Week the Touring Years จาก The Beatles
- บุคคลแห่งปี: Tom Petty