ติดตามความสยองขวัญปนเศร้าในภาพยนตร์ ผ้าพันคอแดง
"ผ้าพันคอแดง" ภาพยนตร์สยองขวัญปนเศร้าที่ปักหลักถ่ายทำกันที่ประเทศลาว ผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ "โป๋ย - ศักดิ์ชาย ดีนาน" ต้นตำรับ "สะบายดี หลวงพะบาง" นำแสดงโดย 2 นักแสดงชาวลาว ได้แก่ "คำลี่ พิลาวง" และ "อนุสอน วงคำมนตรี" ซึ่งเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2555 ณ โรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน ได้มีงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ผ้าพันคอแดง โดยมีผู้กำกับ โป๋ย และนักแสดงหญิง คำลี่ ร่วมพูดคุยถึงเรื่องราวความสยองขวัญนี้
โป๋ย กล่าวถึงเหตุผลที่ผันตัวมาทำภาพยนตร์ผีว่า "คือหลังจากทำหนังรักไป 4 เรื่อง (ภาพยนตร์เรื่อง สะบายดี หลวงพระบาง, สะบายดี 2 ไม่มีคำตอบจากปากเซ, สะบายดี วันวิวาห์ และ คิดถึงทุกคืน) หนุ่มไทยรักสาวลาว แล้วก็รู้สึกว่าชีวิตจริงไม่เหมือนในหนังเท่าไร เนื่องจากพยายามทำแล้วไม่สำเร็จแบบนั้น ก็เลยหยิบเรื่องที่เป็นเรื่องชีวิต เรื่องชะตาของคน เอาเรื่องศาสนาเรื่องความตายที่ทำให้ชีวิตคนมีห่วง อยากเล่าเรื่องชีวิตจริงบ้าง พอเริ่มแก่แล้วไม่เพ้อฝัน (หัวเราะ)"
ผู้กำกับบอกที่มาของชื่อเรื่องว่า "คือในเรื่องนี้ คำลี่ ที่เล่นเป็นเมียของหมอยาที่จะเดินทางเข้าไปแขวงในตอนหน้าหนาว เขาก็ทอผ้าพันคอแดงให้แฟนเขา แล้วพอแฟนเขากลับมาคอมันมีแผลแล้วมันเหมือนจะหลุด ต้องเอาผ้าพันคอแดงนั้นพันไว้ตลอด เพราะว่าสีแดงกับสีเลือดจะทำให้คนดูไม่รู้ว่าคอเขาจะขาด ก็เลยเป็นชื่อ ผ้าพันคอแดง"
ผู้กำกับเผยถึงสาเหตุที่เลือก คำลี่ มาร่วมงานอีกครั้งว่า "คือในเรื่องนี้บทจะเป็นเรื่องชีวิตที่ค่อนข้างจะหนัก แล้วก็เป็นอารมณ์ของคนที่โตขึ้นมาที่จะเข้าใจเรื่องการสูญเสีย ซึ่งคำลี่ส่วนนึงเขาก็มีประสบการณ์จากการเล่นมาแล้ว คือเขาเป็นคนที่มีความตั้งใจในการแสดง แล้วก็ศึกษาบุคลิกตัวละคร ก็เลยรู้สึกว่าถ้าเป็นนักแสดงใหม่ก็คงไม่สามารถถ่ายทอดเรื่องตรงนี้ออกมาได้ดีเท่าไร ก็เลยเลือกคำลี่อีกครั้ง"
นักแสดงสาว คำลี่ พูดว่าเรื่องนี้มีฉากอารมณ์เยอะกว่าภาพยนตร์รักที่ผ่านมา "ที่เปลี่ยนไปคือจะดราม่าเยอะขึ้นค่ะ แต่ว่าคล้ายๆ กับ สบายดี 3 (สะบายดี วันวิวาห์) เน้นที่ความตกใจ การจินตนาการในการเห็นสิ่งแปลกประหลาดเยอะขึ้น จะยากตรงนี้ค่ะ คิดว่ายากกว่าเรื่องที่ผ่านมาเยอะเลยค่ะ เพราะต้องใช้เทคนิคและจังหวะในการถ่ายด้วยค่ะ"
คำลี่ เอ่ยถึงความรู้สึกในการร่วมงานกับ โป๋ย อีกครั้งว่า "จากเรื่องแรก (สะบายดี หลวงพระบาง) ถึงเรื่องนี้พี่โป๋ยก็ยังเป็นคนเก่า เป็นผู้กำกับคนเดิมค่ะ คือให้ความสำคัญในการให้นักแสดงอ่านบท เข้าใจในบท แล้วแสดงออกมาก่อน ถ้ามีอันนี้ที่ยังไม่ใช่ พี่โป๋ยก็จะบอกอีกทีนึง ทำให้เข้าใจกันมากขึ้นค่ะ เพราะว่าได้ร่วมงานกันมา 4 เรื่องแล้วค่ะ"
โป๋ย เล่าให้ฟังว่า ผ้าพันคอแดง เป็นภาพยนตร์ผีเรื่องแรกในรอบ 70 ปีของประเทศลาว "ครับ คือที่ลาวเขาจะมีหนังน้อยด้วยความที่โรงเขาก็มีน้อย ก็เลยทำมาตั้งแต่หนังสงครามโลกมาจนถึงหนังนี่น่าจะไม่ถึง 20 เรื่อง หรืออย่างมากก็ 20 กว่าเรื่อง ซึ่งแนวที่เขาทำส่วนใหญ่เมื่อก่อนจะเป็นแนวรักชาติ พวกแนวสมจริงแล้วก็หนังตลก แต่เรื่องนี้เป็นหนังผีเรื่องแรกที่ทำที่ลาว แล้วก็ฉายที่ลาวเป็นภาษาลาวออกมา"
เมื่อถามว่าถือเป็นการเปิดตลาดภาพยนตร์ในลาวหรือเปล่า ผู้กำกับตอบว่า "จริงๆ ผมถือว่าเป็นการเปิดสำหรับบ้านเรามากกว่า เพราะว่าไม่เคยมีหนังที่นักแสดงลาวทั้งหมดเล่น หรือพูดภาษาลาวทั้งหมดแล้วเข้ามาฉายที่ไทย อันนี้ถือว่าเป็นเรื่องแรกที่เข้ามาเพราะว่าตอนทำ สะบายดีฯ ผมก็เป็นนักแสดงไทยอยู่ เป็นหนังไทย-ลาวมากกว่า แต่เรื่องนี้มีความเป็นหนังลาวมากที่สุดแล้ว" ฝ่าย คำลี่ บอกว่าชาวลาวตื่นเต้นกับภาพยนตร์เรื่องนี้มาก "รู้สึกว่าทุกคนตื่นเต้นมากที่จะได้ดูหนังผีในรอบหลายปีมาก เพราะก่อนหน้านี้ไม่เคยมีหนังผีมาก่อนเลยค่ะ ก็มีคนติดตามอยู่ค่ะ การตอบรับถือว่าดีเหมือนกันนะคะ เพราะทุกคนให้ความสนใจค่ะ"
ผู้กำกับพูดถึงความแตกต่างของภาพยนตร์หลอนเรื่องนี้กับเรื่องอื่นๆ ว่า "คือไปๆ มาๆ แล้วกลายเป็นว่าผมไม่ค่อยดูหนังผี แต่ว่าตอนเด็กผมดูยุค แม่นาคพระโขนง ที่ สมบัติ (สมบัติ เมทะนี) ปรียา (ปรียา รุ่งเรือง) แสดงอ่ะนะ กลายเป็นว่าผมจำได้เหมือนอารมณ์ตัวเองตอนเป็นเด็กแล้วก็ทำแบบนั้น เพราะว่าผมชอบแบบนั้นมากกว่าแบบหนังยุคสมัยใหม่ รู้สึกว่ามีเสียงหมาหอนผมชอบมากเลย เวลาผมทำหนังผมก็เลยอยากจะเอาอารมณ์แบบที่ตัวเองเจอในสมัยเด็กมาใช้แล้วก็มาทำ ก็เลยกลายเป็นหนังผีที่เหมือนหนังผียุคเก่า"
ด้านความน่ากลัวที่คนดูจะได้สัมผัสในเรื่องนี้ โป๋ย กล่าวว่า "คือกลัวตรงที่บรรยากาศ เราจะเห็นบรรยากาศบ้านเก่าๆ ชนบทเก่าๆ ซึ่งมันจะชวนรู้สึกเหมือนเราเจอในสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ คือผีที่มาเหมือนกับว่าเขาหวงบ้านหรือหวงคนที่อยู่บ้าน ไม่อยากให้คนรับรู้ ตรงนี้จะเป็นบรรยากาศที่เรารู้สึกว่าแปลกตาสำหรับคนไทย" สาว คำลี่ เอ่ยว่าไม่เคยเจอสิ่งแปลกๆ ระหว่างการถ่ายทำเลย "จริงๆ ไม่เคยเจอนะคะ แต่เจอความลำบากคือว่าบางสถานที่คือป่าช้า คนลาวจะถือว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ค่ะ ไม่กล้าไปตอนกลางคืน แต่กองถ่ายไปถ่ายทำกันตอนกลางคืนค่ะ"
โป๋ย เปิดใจถึงสิ่งที่ยากที่สุดในการสร้างภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ทำหนังผีเราคาดคะเนอะไรไม่ได้ อย่างหนังรักเราจะรู้ตอนเราถ่าย แต่หนังผีมันต้องไปพึ่งหลายอย่าง ทั้งเทคนิคทั้งดนตรี แล้วนักแสดงเล่นกล้องถ่ายอย่างนี้เขาก็บอก นี่นะ จะมีผีอยู่ที่นั่น หันไปแล้วก็ตกใจนะ หันไปทีมงานก็นั่งเล่นยิ้มอยู่ ซึ่งหนังผีเป็นหนังที่ต้องจินตนาการเอง เราต้องเอาไปตัดต่ออีกทีนึงหรือตอนทำดนตรีถึงจะรู้อารมณ์มัน ซึ่งผมถ่ายไปจนจบเรื่องผมยังไม่รู้เลยครับ ถ่ายไปงงไป (หัวเราะ)"
ส่วนเรื่องที่ โป๋ย จะทำภาพยนตร์เกี่ยวกับประเทศลาวเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้าย เจ้าตัวแจงว่า "คือรู้สึกว่ามุมมันยังไม่มีมุมใหม่ ก็เลยอยากจะเปลี่ยนที่ไปที่อื่นบ้าง จนวันนึงถ้าเรามีมุมอื่นที่อยากจะเล่าที่แตกต่างจากที่เราไปทำก็อาจจะกลับไปทำ แต่ว่าช่วงนี้คงไม่ได้ทำ คงทำเรื่องนี้เป็นเรื่องสุดท้ายที่ลาวครับ" คำลี่ พูดฝากภาพยนตร์ว่า "ก็หวังว่าทุกคนจะได้มีโอกาสเข้ามาชมหนังเรื่องนี้นะคะ คงจะได้แง่คิดกลับมาไปนะคะ แล้วก็มีความสนุกในการชมหนังเรื่องนี้ค่ะ"
ผู้กำกับ โป๋ย กล่าวทิ้งท้ายว่า "คือผมอยากจะเล่าเรื่องของชีวิตคนที่เราเห็น คือเราเห็นชะตากรรมของคนที่ตายไปอาจจะเป็นคนรู้จักหรือเพื่อนเรา แต่จริงๆ เราช่วยเขาไม่ได้ เราไม่สามารถไปช่วยชีวิตใครได้หรอก คือเราเห็นแล้วมาเตือนตัวเองว่าเวลาในชีวิตมีค่า ถ้าอยากทำอะไรหรือต้องการที่จะทำอย่าไปรอวันข้างหน้า เราไม่รู้ว่าชีวิตจะเกิดอะไรขึ้น คือเหมือนคำสอนศาสนาพุทธ เกิดมา ตั้งอยู่ แล้วดับไป คืออยากจะเล่าเรื่องตรงนี้ให้คนดู ถ้าเขารู้สึกว่ารับตรงนี้ไปแล้วเขาออกจากโรงมาแล้วเขาไปทำชีวิตเขา จะเป็นเรื่องที่ผมดีใจมาก"
ติดตามความสยองขวัญของภาพยนตร์เรื่อง ผ้าพันคอแดง ได้ในโรงภาพยนตร์เฉพาะในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และ เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ ตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2555 เป็นต้นไป