บทสรุปความรักของหนุ่มไทยสาวลาวใน สะบายดี วันวิวาห์
และก็มาถึงตอนสุดท้ายของภาพยนตร์ไตรภาค เรื่องราวความรักของหนุ่มไทยกับแม่หญิงชาวลาว "สะบายดี วันวิวาห์" กับผู้กำกับคนเดิม "โป๋ย - ศักดิ์ชาย ดีนาน" ที่มาเปิดเผยถึงเรื่องราวของภาพยนตร์ไตรภาคนี้ โดยนางเอกของเรื่องก็ยังคงเป็น "คำลี่ พิลาวง" เช่นเคย ส่วนพระเอกได้หนุ่มหล่อมาดเซอร์ "บอย - ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์" มาสานต่อเรื่องราวในครั้งนี้ พร้อมด้วยนักแสดงสาวอีกหนึ่งคน "จุก - ธนิยา อำมฤตโชติ" โดยเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน
คำลี่ นางเอกสาวสวยจากประเทศลาวเล่าเกี่ยวกับบทบาทที่ได้รับในภาคนี้ว่า "ในเรื่องนี้ คำลี่ ก็รับบทบาทเป็นคำหล้าค่ะ บทบาทก็เป็นผู้หญิงลาวพื้นบ้านคนหนึ่งแล้วพี่บอยมาตกหลุมรัก แล้วก็แต่งงานกัน" ฝ่ายพระเอกหนุ่มเผยรับบทเป็นนักเขียน "ในเรื่องผมก็รับบทเป็นเชนนะครับ เป็นผู้ชายที่เหมือนกับเดินทางท่องเที่ยวไปในหลายๆ ที่เพื่อเขียนหนังสือ วันหนึ่งก็ได้มาที่ประเทศลาวแล้วก็มาเจอกับคำหล้า และก็เหมือนกับว่าผมมีภารกิจต้องกลับมาประเทศไทยก็เลยสัญญากันไว้ว่าอีก 6 เดือนข้างหน้าเราจะมาเจอกันใหม่" ตามด้วย จุก กับบทบาทที่ได้รับในเรื่องนี้ "รับบทเป็นฝนค่ะ เป็นแฟนเก่าของพระเอกก็เป็นแฟนที่คบกันมาตั้งนานแล้ว และก็ทำงานก็ห่างหายกันไป วันหนึ่งก็มารู้ว่าเขาจะแต่งงาน มาร่วมงานแต่งงาน และก็มาเจอพระเอกทำให้พระเอกกับนางเอกเกิดเรื่องราว"
ฟากผู้กำกับกล่าวถึงที่มาที่ไปของภาคนี้ให้ฟังว่า "คือมันเป็นไตรภาคที่เชื่อมกันด้วยการเล่าถึงประเทศลาว ความเป็นอยู่จากมุมมองของคนจากเมืองกรุง คือภาคแรกเราอยากเห็นเมืองลาวทั้งประเทศ ก็เลยเป็นหนังโรดมูฟวี่ เดินทางท่องเที่ยวเริ่มจากภาคใต้ ภาคกลาง และไปภาคเหนือหลวงพระบาง พอภาคสองเล่าถึงเมืองเล็กๆ ที่เป็นแรงบันดาลใจให้คนๆ หนึ่งทำตามความฝันตัวเอง พอภาคสามเราก็คิดว่าอยากจะเล่าถึงวัฒนธรรมประเพณี หรือความเป็นเมืองลาวที่ลึกขึ้นหรือชัดเจนขึ้นก็เลยเน้นไปที่เรื่องของคนไทยไปแต่งงานกับสาวลาว"
พร้อมกับบอกต่อว่าที่เลือกหนุ่ม บอย มาเล่นเป็นพระเอกของภาคนี้เพราะคิดว่าเหมาะสมมากที่สุด "อันดับแรกคือเลือกส่วนที่คล้ายเราที่สุดก่อนแล้วก็ไล่มาทุกคน อันนี้พูดเล่น (หัวเราะ) ผมทำให้นักแสดงไทย 3 คนเสียความมั่นใจที่ให้เล่นแบบผม ทำแบบผม จริงๆ แล้วคือเลือกบอยเพราะว่าในเรื่องพูดถึงชายหนุ่มจากเมืองกรุงที่กำลังเริ่มต้นทำงานยี่สิบสี่ยี่สิบห้า คือคนหนุ่มแบบนี้เราคิดว่าเขายังอยากใช้ชีวิตจากการทำงาน แต่วันที่เขาต้องเลือกการแต่งงานและอยู่เมืองเล็กๆ เป็นสิ่งที่เขาต้องปรับตัวและผมรู้สึกว่าบอยคือภาพชัดเจนที่สุดแล้ว ความเป็นหนุ่มแบบนี้ วัยแบบนี้"
สำหรับการทำงานร่วมกับผู้กำกับ โป๋ย พระเอกหนุ่มเปิดเผยว่า "ความจริงแล้วตอนที่ได้เริ่มอ่านบทก็คุยกับพี่โป๋ย ก็ถามถึงคาแรกเตอร์ก็คุยกันว่าคาแรกเตอร์ที่พี่โป๋ยวางไว้เป็นยังไงบ้าง ความจริงแล้วคาแรกเตอร์หลักๆ ของตัวเชนก็คือเป็นนักเขียน แต่ว่าเรื่องอุปนิสัยใจคอหรือว่าอะไรเนี่ยพี่โป๋ยก็บอกว่าคือเหมือนเป็นตัวผมเอง เพราะว่าด้วยตัวละครค่อนข้างตรงกับผมอยู่แล้วด้วยอายุ คือพี่โป๋ยจะเน้นไปที่เรื่องของสถานการณ์ที่ต้องเผชิญในเรื่องมากกว่า พี่โป๋ยก็บอกว่าเป็นผมนั่นแหละให้คิดว่าถ้าผมต้องมาแต่งงานกับคนต่างถิ่นที่มีวัฒนธรรมที่ต่างกันออกไป และก็ด้วยวัยของผมที่ยังไม่พร้อมจะแต่งงานจะเผชิญหน้าและจะแก้ไขปัญหาตรงนี้ยังไง"
ในส่วนของนางเอกที่ยังคงเป็นสาว คำลี่ นั้น ผู้กำกับกล่าวว่า "คือจริงๆ เปลี่ยนบุคลิกการแสดงของเขา ต่างจากเรื่องแรกที่เล่นเป็นไกด์โก๊ะๆ งงๆ หน่อย พอมาภาคสองก็เป็นนักเรียนนอกจะหยิ่งๆ หน่อย พอมาภาคสามเล่นเป็นสาวชาวบ้านในเมืองเล็กๆ คือเขาเป็นนักแสดงที่มีความตั้งใจและก็ผมรู้สึกว่าสมบทบาทที่เล่นตามบทได้ ด้วยบุคลิกก็เลยเลือกคำลี่มาเล่น" ด้านนางเอกสาวเล่าถึงความแตกต่างของตัวละครในภาคนี้คือจะมีความเศร้ามากกว่าเดิม "คาแรกเตอร์ก็จะออกแนวดราม่าขึ้นนิดหนึ่งค่ะ ก็จะเป็นการครุ่นคิดมีการร้องไห้ สำหรับการเตรียมการบ้านคือการอ่านบท ทำความเข้าใจกับบทให้มากขึ้น กับบทผู้หญิงคนหนึ่งที่มีผู้ชายต่างชาติมาชอบและก็แต่งงานกัน" พร้อมกับบอกความรู้สึกกับการทำงานครั้งแรกกับหนุ่ม บอย ว่า "สำหรับพี่บอยก็เป็นคนนิสัยดีค่ะ อัธยาศัยดี มีความสนุกตลอด ก็เป็นคนชอบแกล้ง และก็ตั้งใจค่ะ"
มาที่พระเอกหนุ่มกับการร่วมงานครั้งแรกก็แอบชมนางเอกว่าเป็นคนที่น่ารักและตั้งใจทำงาน "ตอนแรกๆ ที่เจออาลี่ อาลี่ก็นิ่งๆ ไม่ค่อยคุยเท่าไร เพราะว่ายังไม่ค่อยคุยกันด้วยและผมก็ไม่กล้าคุยด้วย เขาก็ดูนิ่งๆ เราก็ไม่กล้าไปแหย่เขามาก แต่พอต้องทำงานด้วยกันก็อยากจะให้สนิทกันหน่อย ก็เลยไปแหย่เขาบ้างแกล้งเขาบ้าง ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าบางทีเขาก็มีแซวมีอำกลับมาบ้างเหมือนกัน ความจริงอาลี่ก็เป็นน้องที่น่ารักตั้งใจทำงานและก็ที่ชอบเขาอีกอย่างหนึ่งก็คือเขาเป็นคนง่ายๆ ลุยๆ ติสต์ๆ คือบางที่พี่โป๋ยก็จะพาไปถ่ายที่ร้อนๆ หน่อย อาลี่เขาก็จะไม่บ่น เขาก็เต็มที่กับงานครับ"
ด้าน จุก ที่รับบทเป็น ฝน แฟนเก่าของ เชน ในเรื่องก็ขอชี้แจงว่า "จริงๆ เรามาดีนะคะ ไม่ได้เป็นนางร้ายค่ะ เป็นแฟนเก่าเป็นเพื่อนกันมากกว่าค่ะ แต่ว่าในมุมมองของนางเอก เขามองเขาก็อาจจะคิดว่าถ่านไฟเก่าหรือเปล่าประมาณนี้" ฟากหนุ่ม บอย เสริมขึ้นว่า "ความจริงคือในเรื่องผมกับจุกเหมือนกับว่าความสัมพันธ์ยังคลุมเครือกันอยู่ คือเหมือนกับว่าไม่ได้พูดกันว่าเลิกหรือไม่เลิกแล้วผมต้องมาแต่งงาน จุกก็เหมือนกับตามมาเพื่อหาคำตอบมากกว่า อยากรู้คำตอบจากผมมากกว่าว่าที่ผมทำไปเพราะอะไร ไม่ได้มาไม่ดีอะไร"
สำหรับความประทับใจที่ได้รับจากการที่ไปถ่ายทำกันที่ประเทศลาวนั้นสาว จุก บอกว่า "จริงๆ ก็ถือว่าเป็นการไปลาวครั้งแรกเลยไม่เคยไปเที่ยวมาก่อน ก็ประทับใจค่ะจริงๆ มีเวลาไปเที่ยวน้อยมากเพราะว่าก็ไปทำงานใช่ไหมคะ ก็เป็นในเรื่องของความเป็นอยู่ ธรรมชาติมากกว่า ได้มีการทดลองทานอาหารที่นั่น และก็ได้ไปเดินดูวิวธรรมชาตินิดๆ หน่อยๆ ก็ชอบคนที่นั่นดูอบอุ่นดีค่ะ ให้ความเป็นกันเองด้วย เหมือนที่นั่นทุกคนจะให้ความสำคัญกับครอบครัว เลิกงานเสร็จรีบกลับไปกินข้าวร่วมกัน ก็เป็นแบบสังคมเมืองที่บ้านเราไม่มี ไม่ค่อยเห็นคนรีบกลับบ้านไปกินข้าวกัน ก็ดีค่ะ สนุกดีค่ะ"
ด้านพระเอกหนุ่มบอกประทับใจทุกอย่าง "ความจริงก็ถ้าพูดรวมๆ ก็คือประทับใจทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบ้านเมืองเขาด้วยที่ดูอยู่สบายๆ เรื่องของอาหารและก็เรื่องของผู้คน ความจริงสาวลาวก็น่ารัก รวมๆ แล้วคนลาวจะคล้ายๆ กับคนไทย คือจะมีนิสัยยิ้มแย้มและก็มีนิสัยต้อนรับ เวลาไปร้านอาหารเขาก็จะยิ้มต้อนรับ บางทีเขาก็มีจำผมได้ก็เข้ามาคุย สาวลาวก็น่ารักดีครับ" แต่พอถูกถามว่าไม่คิดที่จะเป็นเขยลาวบ้างเหรอ เจ้าตัวก็ออกตัวว่าขอใช้ชีวิตโสดให้เต็มที่ก่อน "เดี๋ยวขอใช้ชีวิตโสดให้สนุกก่อนละกัน"
สุดท้ายทั้งนักแสดงและผู้กำกับก็ขอฝากไปถึงคนดูทุกคน โดย คำลี่ กล่าวว่า "ก็ขอฝาก สะบายดี วันวิวาห์ นะคะ ใครที่ดูภาคแรกและภาคสองมาก็อยากให้ติดตามภาคนี้ต่อไปด้วยค่ะ ใครที่ยังไม่ได้ดูก็อยากให้เข้ามาดูวิวงามของประเทศลาว วัฒนธรรมการแต่งตัวของบ้านเรา เป็นเรื่องความรักที่น่ารักๆ อย่าลืมมาชมกันนะคะ" ตามด้วยพระเอก บอย ที่ขอฝากไปถึงทุกคนว่า "ฝากด้วยนะครับสำหรับคนที่เคยดู 2 ภาคแรก ภาคนี้ก็ยังคงคอนเซ็ปต์ของหนัง สะบายดี หลวงพระบาง อยู่นะครับ ก็เป็นหนังรักดูง่ายๆ ไม่ได้ซีเรียสอะไรมากและก็อยากให้มาดูกันว่าบทสรุปของหนังไตรภาคเรื่องนี้เป็นยังไง ฝากด้วยครับ"
ด้าน จุก กล่าวว่า "ก็ภาคที่สามแล้วก็ยังคงความสนุกเหมือนเดิมค่ะ ก็เป็นหนังที่ดูแล้วก็สบายๆ อมยิ้ม และก็มีมุมมองความรักและก็เห็นวัฒนธรรมประเพณีบางอย่างที่แอบแฝงไว้ ยังไงก็มาดูด้วยละกันนะคะ" ปิดท้ายที่ผู้กำกับฝากไปถึงทุกๆ คนเช่นกันว่า "ฝากถึงผู้ชมที่เคยชมหนังของผมมา 2 เรื่อง ที่เจอบ่อยก็บนรถทัวร์ที่มาชมว่าดูแล้วหลับสบาย ครั้งนี้ก็มาดูในโรงก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวรถทัวร์ค่อยไปดูทีหลัง รีบๆ มาดูหน่อยจะได้เก็บเงินไว้ทำเรื่องต่อไป ขอบคุณครับ"
เรื่องราวความรักระหว่างหนุ่มไทยและสาวลาวจะลงเอยอย่างไร ทั้งเขาและเธอแน่ใจได้อย่างไรว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความรักจริงๆ ร่วมลุ้นและติดตามไปกับความรักของทั้งสองใน สะบายดี วันวิวาห์ ตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน นี้ในโรงภาพยนตร์