ค่าน้ำนม ภาพยนตร์ที่ทำให้รู้จักคำว่ารักของคุณแม่มากขึ้น
"ค่าน้ำนม" ภาพยนตร์แนวดราม่าเทิดทูนพระคุณแม่ ผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ "ปู - นะติ พันธุ์มณี" ที่รับหน้าที่ถ่ายทอดเรื่องราวความเสียสละและความรักของแม่ที่มีต่อลูก ซึ่งจุดมุ่งหมายของการทำภาพยนตร์เรื่องนี้ คือเพื่อปลูกฝังเยาวชนไทยให้รู้จักคำว่าแม่มากขึ้น นำแสดงโดย "ชุ - ชุดาภา จันทเขตต์" "โบวี่ - อัฐมา ชีวนิชพันธ์" "อิงอิง - สิวิภา เจือรัศมี" "หมู - ธีรภัทร์ แย้มศรี" "ข้าวโอ๊ต - รุจิกร มั่งมี" "ผู้พันต๊อด - พ.ท. วินธัย สุวารี" และ "แอนนา ชวนชื่น"
เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2555 ณ โรงภาพยนตร์เมเจอร์รัชโยธิน ได้มีงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง ค่าน้ำนม ซึ่งบรรยากาศภายในงานเริ่มต้นด้วยการร้องเพลง "ใกล้รุ่ง" "ค่าน้ำนม" และ "ใครหนอ" ของผู้กำกับและเหล่านักแสดงในเรื่อง ร่วมกับวงดนตรีกองสวัสดิการตำรวจ กรมตำรวจแห่งชาติ ก่อนจะถึงช่วงเวลาพูดคุยเกี่ยวกับภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ
ผู้กำกับ ปู พูดถึงเหตุผลที่ทำภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ผมว่าตอนนี้เยาวชนรุ่นใหม่นะครับ เราอยากปลูกฝังให้มารู้จักคำว่าแม่มากขึ้น แล้วอีกอย่างนึงผมดูแล้วเยาวชนยุคใหม่เนี่ยค่อนข้างจะทำอะไรเป็นตัวเองมาก ผมเลยพยายามดึงความรู้สึกของเยาวชนกลับมาว่าแม่ลำบากแค่ไหนส่งเราเรียน แล้วก็เวลาท่านลำบาก ท่านไม่เคยบ่น ให้เรากลับมีความรู้สึกแบบนี้บ้าง แค่นี้เองครับ"
ปู เล่าเรื่องราวของ ค่าน้ำนม ให้ฟังว่า "เรื่องราวของ ค่าน้ำนม ก็เป็นเหมือนกับว่าแม่ทำทุกอย่างเพื่อลูกได้นะครับ ไม่ว่าลูกจะกิน จะนอน หรือจะหิว แม่ก็พยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกได้อิ่ม แล้วลูกได้สบาย ถึงแม่จะลำบากก็แล้วแต่ เพราะว่าภาพแม่ของผมเนี่ยไม่มีบ่นเลยครับ แล้วก็ผมคิดว่าเลือกพี่ชุมาเนี่ยไม่ผิดเลยครับ เพราะว่าพี่ชุเวลาแกเศร้า ถึงแกจะมีความรู้สึกว่าแกเหนื่อย เศร้า ความรู้สึกของแกเหมือนว่าเต็มที่กับบทคำว่าแม่นะครับ แล้วเวลาแกดีใจ แกยิ้มแบบ โห ผมมองเวลาผมตัดไปด้วย แล้วก็ผมดูแกไปด้วย ผมมีความรู้สึกว่าแกคือแม่ที่แท้จริงครับ"
ด้านนักแสดงหญิง ชุ กล่าวถึงบทบาทของตนเองว่า "หนังเรื่องนี้นะคะก็เป็นบทที่หนักพอสมควรเลยค่ะ เพราะว่ามันจะเป็นเรื่องของผู้หญิงคนนึงนะคะ ที่เป็นแม่แล้วก็เลี้ยงลูก ทั้งสามีตายตั้งแต่ยังเล็ก แล้วก็มีลูกที่พิการ คนเล็กด้วย ก็เป็นความยากลำบากของแม่คนหนึ่ง แต่ว่ามีความรักลูก แล้วก็ทุ่มเทในการที่จะเลี้ยงลูกให้ดีค่ะ เป็นเรื่องของแม่ น่าจะเป็นตัวแทนของผู้หญิงทุกคนในความเป็นแม่ค่ะ" และเสริมว่า "ลำบากเพราะว่าเลี้ยงลูกคนเดียว แล้วก็ลำบากยากจน บางครั้งจะต้องเอาอาหารไปส่งลูกที่โรงเรียน แล้วก็ทำงานขายขนมไปด้วย บางทีเดินๆ ไปรองเท้าขาดก็ต้องย่ำเท้าเปล่าไปกลางทุ่งนา ดินแตก เลือดไหลค่ะ"
นอกจากนี้ ชุ ยังเผยว่าฉากยากให้ฟังว่า "หลายๆ ซีน มันก็ โอ้โห ก็ยากสูสีแล้วเนอะ น่าจะเป็นฉากไปดูลูกชกมวย สำหรับพี่นะ เพราะพี่มีความรู้สึกว่ามันยากนะ ต้องใช้ความเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ ว่าเวลาที่ลูกโดนต่อยแล้วแม่รู้สึกยังไง แต่ในขณะเดียวกันลูกก็ชนะ คืออารมณ์จะซับซ้อน หลายอารมณ์ จะดีใจหรือจะเสียใจหรือจะอะไร แล้วก็ต่อเนื่องด้วยการที่ลูกมาขอโทษนะคะ เอาเงินมาให้อะไรอย่างนี้ พี่ว่ามันไม่ง่ายค่ะ แต่ว่าก็ผ่านไปได้ พอไหว (หัวเราะ)"
ฟาก โบวี่ เอ่ยว่าตนเองแสดงเป็นเด็กอายุสิบเจ็ด "คือในเรื่องมันจะมีแม่ เล่นโดยพี่ชุนะคะ แล้วก็มีลูกสองคน ก็คือ ลูกคนโตก็จะเป็นหมู แล้วโบก็เล่นเหมือนเป็นลูกคนเล็กค่ะ ก็ในเรื่องเล่นเป็นเด็กสิบเจ็ด เรียนอยู่ ม. 5 เป็นเด็กต่างจังหวัดค่ะ แล้วก็ได้มีโอกาสเข้าเมืองกรุงฯ แล้วก็มาเจอสังคมคนเมืองกรุงฯ ประมาณนี้ค่ะ" ส่วน อิงอิง บอกว่า "เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์เรื่องที่สองค่ะ สำหรับ ค่าน้ำนม ค่ะ เรื่องนี้ก็รับบทเป็นตัวร้ายปะทะกับพี่โบวี่ค่ะ ก็เล่นยากพอสมควรค่ะ เพราะว่ามันเป็นพลิกบทบาทจากที่เคยเล่นเรื่องแรก (ภาพยนตร์เรื่อง แวมไพร์ สตรอเบอร์รี่) ก็เป็นน้องของ พี่ปิ๊งปิ๊ง (รภัทร เอกนิธิเศรษฐ์) ค่ะ ก็ยากพอสมควรค่ะ"
นักแสดงชาย ข้าวโอ๊ต ที่ผันตัวจากการเป็นนักร้อง "ไนซ์ ทู มีท ยู" มาแสดงภาพยนตร์ เผยว่า "ในเรื่องคือรับบทเป็น โอม ครับผม ซึ่งเป็นเด็กวัยรุ่นนะฮะที่อยู่กรุงเทพฯ แต่ว่ามีการพัวพันกับยาเสพติดครับผมด้วยเหตุจำเป็นนะครับ คือเราต้องหาเงินเลี้ยงแม่เรา" ส่วนนักแสดงตลก แอนนา เปิดใจว่าเรื่องนี้ค่อนข้างยาก เพราะมีฉากเสียน้ำตาด้วย "เรื่องนี้ถามว่าเล่นยากไหม ยากสุดๆ เพราะว่าชีวิตการแสดงภาพยนตร์ผมมาหลายเรื่อง ผมไม่เคยน้ำตาไหล เรื่องนี้น้ำตาไหล เป็นเรื่องแรกที่แอนนาร้องไห้ คือเข้าไปดูน้ำตาท่วมจอแน่ แต่ร้องไห้ประมาณไหนก็ไม่รู้ ก็ไปดูกันเอาเอง ผมเล่นแต่ซิตคอมมาตลอด แต่เรื่องนี้ปูบอกพี่แอน ผมขอร้องไม่เอาตลกเลย เอาดราม่าอย่างเดียว ไม่รู้ผมจะทำดีแค่ไหน ลองไปพิสูจน์เอาเอง เล่นเป็นพ่อ ตรี (รับบทโดย นันทรัตน์ ชาวราษฎร์) เป็นลูกสาว"
ชุ เอ่ยว่าเรื่องนี้สะท้อนชีวิตของผู้เป็นแม่ "เรื่องนี้น่าจะเป็นหนังที่สะท้อนความเป็นแม่ ผู้หญิงไทยก็จะชัดเจนนะพี่ว่า เพราะว่าผู้หญิงไทยจำนวนเยอะมากเลยที่บางทีจะต้องเลี้ยงลูกคนเดียว แล้วก็มีความลำบากในชีวิต แล้วก็กัดฟันเลี้ยง ซึ่งมีอีกเยอะมาก อาจจะเป็นแสน หลายแสนที่เราไม่ทราบใช่ไหมคะ เราอาจจะได้ยินมาบ้าง หรือบางคนอาจจะมีประสบการณ์เนี่ยเราก็โตมาแบบนี้ พี่ชุเองจริงๆ เนี่ยคุณแม่ก็ใกล้เคียงแล้วนะ ใกล้เคียงเรื่องนี้ เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ทำงานหนักขนาดนั้น คุณแม่ตัดเสื้อผ้า แล้วก็ค้าขาย แต่คุณพ่อเสียเหมือนกัน ตั้งแต่คุณพ่อเสียก็ลำบาก คุณแม่ก็ลำบากมาตลอด แล้วคุณแม่ก็เล่าให้ฟังว่าลำบากเป็นยังไง แต่ว่าตอนที่เราโตมาเราไม่รู้อ่ะ แต่เวลามานั่งย้อนนึกกลับไปเนี่ย โอ้โห เขาผ่านมาได้ มหัศจรรย์มาก"
สำหรับความคาดหวังของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้กำกับกล่าวว่า "ผมว่าก็ให้ประชาชนตัดสินใจอ่ะครับ เพราะในความรู้สึกผม บางคนก็ว่าทำหนังแบบนี้ คนจะยอมรับเหรอ คนจะดูเหรอ เพราะหนังแบบนี้ หนังดราม่า คนไม่ค่อยชอบ แต่ผมมีความรู้สึกว่าทำแล้วผมสบายใจนะครับ บางคนบอกทำแล้วคงไม่ได้ตังค์หรอก ผมบอกไม่เป็นไร ก็จะทำ เพราะมีความรู้สึกว่าอยากให้ได้ดู แค่นั้นล่ะครับ ถึงไม่ได้ดู ก็อยากให้เขาได้เห็น ในทีเซอร์ตอนนี้เราก็ไปทั่วในเน็ต ในยูทูบ แล้วยิ่งมาดูในโรงเต็มๆ เนี่ยเขาจะประทับคำว่าแม่ สำหรับคนมีแม่อยู่ในดวงใจแล้ว ผมคิดว่าต้องดูหนังเรื่องนี้นะครับ"
ด้าน หมู พูดเชิญชวนให้คนมาชมภาพยนตร์ว่า "ผมว่าอย่างแรกเนี่ยคือคุณพาแม่มาดู พาคนที่อยู่ข้างๆ กาย ไม่ใช่พาแฟนมา คือหนังเรื่องอื่นพาแฟนดูได้ แต่สักเรื่องนึงในปีนึงเนี่ย อาจจะมีแค่เรื่องเดียวที่พาแม่ พาครอบครัวมาดู" ก่อนที่นักแสดงหญิง ชุ จะทิ้งท้ายว่า "ก็ฝากไว้ด้วยนะคะ วันที่ 2 สิงหาฯ นะคะ จะเป็นการเข้าฉายวันแรก แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เป็นภาพยนตร์ที่ดราม่าเคล้าน้ำตาของแม่อย่างเดียว จริงๆ แล้วตอนที่อ่านบทไปเนี่ยสนุกครบรสมากเลย เป็นวัยรุ่นก็จะมีช่วงชีวิต มีบู๊ มีรอยต่อเยอะแยะมากมาย แล้วเราอ่านบทไปเรายังสนุกอยากดูเลย คิดว่าชักชวนกันมาดูนะคะ ไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ ฝากไว้ด้วยนะคะ"
ติดตามเรื่องราวชีวิตของผู้เป็นแม่ และร่วมระลึกถึงพระคุณท่านได้ในภาพยนตร์เรื่อง ค่าน้ำนม เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป