รัก 7 ปี ดี 7 หน ภาพยนตร์ 3 เรื่องรักที่เชื่อมโยงด้วยเลข 7
ได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนภาพยนตร์มาตลอด พอถึงวาระครบรอบ 7 ปีค่ายภาพยนตร์อารมณ์ดี จีทีเอช เลยจัดส่งภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง "รัก 7 ปี ดี 7 หน" ออกมาร่วมฉลองกับแฟนๆ โดยเป็นภาพยนตร์ 3 เรื่องรักจาก 3 ผู้กำกับ "เก้ง - จิระ มะลิกุล" "ปิ๊ง - อดิสรณ์ ตรีสิริเกษม" และ "กอล์ฟ - ปวีณ ภูริจิตปัญญา" ซึ่งเป็นการรวมตัวนักแสดงดังที่เคยสร้างชื่อเสียงให้กับภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง อย่าง "คริส - ศิริน หอวัง" "ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์" "โอปอล์ - ปณิสรา พิมพ์ปรุ" "เก้า - จิรายุ ละอองมณี" "ปันปัน - สุทัตตา อุดมศิลป์" และ 2 นักแสดงหน้าใหม่ของค่ายแต่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ทั้งนักร้องหนุ่มชาวไทย "คุณ - นิชคุณ หรเวชกุล" หนึ่งสมาชิกศิลปินเกาหลีวง "ทูพีเอ็ม" (2PM) และผู้ประกาศข่าวสาว "ขวัญ - สู่ขวัญ บูลกุล" ที่พลิกมาแสดงภาพยนตร์เป็นครั้งแรก
เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานเปิดตัวรอบปฐมทัศน์ขึ้น ณ ลานอินฟินิซิตี้ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ซึ่งนอกจากจะมีผู้กำกับและนักแสดงนำทั้ง 7 คนแล้ว ก็ยังมีเหล่านักแสดงที่เคยร่วมงานกับ จีทีเอช มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง อาทิ "สมบูรณ์สุข นิยมศิริ" หรือ "เปี๊ยก โปสเตอร์" "พลอย - เฌอมาลย์ บุญยศักดิ์" "ก้อย - รัชวิน วงศ์วิริยะ" "เต๋อ - ฉันทวิชช์ ธนะเสวี" "พีค - ภัทรศยา เครือสุวรรณศิริ" "แพทตี้ - อังศุมาลิน สิรภัทรศักดิ์เมธา" "ไอซ์ - ปรีชญา พงษ์ธนานิกร" "พีช - พชร จิราธิวัฒน์" และ "แจ็ค - เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์" ที่มาร่วมเดินพรมแดงเพื่อเป็นการเฉลิมฉลองอย่างยิ่งใหญ่ นอกจากนี้ยังได้นักร้องสาวเสียงทรงพลัง "ดา เอ็นโดรฟิน" หรือ "ธนิดา ธรรมวิมล" มาทำหน้าที่ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ "อยากรัก ต้องไม่กลัวคำว่าเสียใจ" ให้อีกด้วย
กอล์ฟ เผยถึงสาเหตุที่เลือก เก้า มาคู่ ปันปัน ในตอน 14 ว่า "พอเป็นโปรเจกต์พิเศษของจีทีเอช เราก็อยากได้นักแสดงที่เคยร่วมงานกันมาครับ ก็เลยนึกถึงน้องเก้าก่อนเลย เพราะว่าเคยทำงานด้วยกันมาแล้ว แล้วก็น่าจะเป็นดาราวัยรุ่นดาวรุ่งที่น่าจับตาที่สุดตอนนี้ครับ เลือกมาเลยครับ ไม่แคสติ้งเลย ส่วนน้องปันปันก็เห็นฝีมือมาจาก ลัดดาแลนด์ แล้ว แต่ว่าคราวนี้ต้องพลิกบทบาทนิดนึง จากดราม่ามาเป็นโรแมนติกหวานๆ ซึ่งน้องเขาก็ทำได้ดีครับ เข้าคู่กันได้ดี น่ารัก"
เก้า เล่าถึงเนื้อหาในตอน 14 ว่า "เป็นตอนที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงในความรักช่วงวัยรุ่น ก็จะเป็นช่วงเวลาที่มีป๊อปปี้เลิฟ เป็นรักครั้งแรกแล้วก็มีการเปลี่ยนแปลงที่มันเกิดขึ้นครับ มีเรื่องของโซเชียลเน็ตเวิร์กเข้ามา ปัจจุบันเด็ก 14-15 ก็พบรักกันในอินเตอร์เน็ตหรือว่าบางทีอาจจะคุยกันผ่านอินเตอร์เน็ตซะส่วนใหญ่ ก็จะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลง" ด้าน ปันปัน พูดถึงบทบาทที่ตนเองได้รับว่า "เรื่องนี้เล่นเป็นผู้หญิงที่ชื่อมิลค์ค่ะ เป็นผู้หญิงธรรมดาที่อยากมีความรักแล้วก็อยากให้ความรักตัวเองไพรเวตค่ะ ไม่อยากบอกให้คนอื่นรู้มากค่ะ"
กอล์ฟ บอกถึงสิ่งที่คนดูจะได้รับหลังจากชมภาพยนตร์ว่า "อย่างแรกที่ได้น่าจะเป็นความสนุกสนาน อย่างตอนของผมก็คงจะทำให้นึกย้อนกลับไปถึงความรักครั้งแรกสมัยเราอยู่มัธยม แล้วก็ยังสอดแทรกเรื่องของความรัก ทุกวันนี้ใช้โซเชียลเน็ตเวิร์กเข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตประจำวัน บางคนอาจจะใช้มากเกินไปอาจจะส่งผลลบก็ได้ แต่ว่าถ้าเราใช้ในทางที่ถูกต้องก็จะมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นครับ"
เก้า ฝากผลงานในตอนของตนเองว่า "ฝากภาพยนตร์เรื่อง รัก 7 ปี ดี 7 หน นะครับ ผมกับปันปันก็ทำงานกันอย่างเต็มที่ คิดว่าหลายๆ คนน่าจะชอบ ทั้งตอนของเราตอน 14 แล้วก็ตอนของพี่ซันนี่กับพี่คริส แล้วก็พี่สู่ขวัญกับพี่นิชคุณนะครับ ฝากด้วยครับภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าวันที่ 26 กรกฎาคม นี้ ยังไงก็ฝากติดตามชมกันด้วยครับ"
ผู้กำกับ ปิ๊ง เผยถึงชื่อตอน 21/28 ให้ฟังว่า "เป็นช่วงอายุครับ หนังเรื่องนี้พูดถึงการเติบโตการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลา 7 ปี ซึ่งทางโหราศาสตร์เชื่อว่าทุกๆ 7 ปีจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในชีวิตคน หนังตอน 21/28 จะเล่าเรื่องของตัวละคร 2 คนในช่วงตอนที่เขาอายุ 21 แล้วก็ช่วงตอนที่อายุ 28 ก็จะเปรียบเทียบกันว่าเขาแตกต่างกันยังไง มีความเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นกับชีวิตพวกเขา"
ปิ๊ง เล่าให้ฟังว่าตอน 21/28 นี้ต้องเป็น ซันนี่ แสดงเท่านั้น "ตอนที่เขียนยังไม่ทันจะเป็นบท คือเป็นพล็อตเราก็รู้ว่าตัวละครตัวเนี้ยต้องการคนที่พิเศษมากๆ ไม่ใช่แค่ต้องการคนที่เล่นหนังเก่งอย่างเดียว ต้องการคนที่พร้อมทุ่มเททุกอย่างเพื่อโปรเจกต์นี้ ซึ่งผมนึกออกแค่ซันนี่คนเดียว ก็ไปคุยกับเขาว่าเขาอยากเล่นไหม ถ้าเขาไม่อยากเล่นผมก็ไม่ทำ ผมก็เปลี่ยนเป็นเรื่องอื่นแค่นั้นเอง แต่เขาอยากเล่น ผมไม่รู้ว่ามาก่อนด้วยว่าเขาว่ายน้ำไม่เป็น แต่ตามบทเขาต้องเป็นนักประดาน้ำ ซันนี่จะเตรียมตัวก่อนคนอื่นประมาณ 6 เดือน เพราะว่าต้องเพิ่มน้ำหนักต้องเรียนว่ายน้ำ เรียนดำน้ำแล้วก็เทรนเป็นเจ้าหน้าที่ให้อาหารปลากระเบนให้อาหารปลาฉลามด้วย เขาบอกว่าเขาเป็นคนมั่นใจ เมื่อเขาตั้งใจเขาทำได้ ก็มีเรียนว่ายน้ำ มีจ้างครูสอนว่ายน้ำ จ้างฟิตเนสเทรนเนอร์มาดูแลเขาโดยเฉพาะครับ"
ส่วนสำหรับสาว คริส ผู้กำกับอยากเห็นนางเอกสาวในมุมที่แตกต่างจากภาพยนตร์เรื่อง "รถไฟฟ้า..มาหานะเธอ" บ้าง "พอเราได้ซันนี่แล้วชื่อคริสก็ตามมา เพราะว่าคริสกับซันนี่เป็นนักแสดงที่เคยร่วมงานด้วย แล้วก็เราเคยแมตต์เขาในหัวเล่นๆ ว่าถ้า 2 คนนี้มาเล่นด้วยกันน่าจะดีแล้วพอมีโปรเจกต์นี้ขึ้นมาเราก็เลยคิดว่ามันเวิร์กก็เลยจับมาคู่กันเลย ส่วนเรื่องที่ต้องเปลี่ยนสีผม ผมก็อยากเห็นเขาไม่ใช่เหมยลี่คนเดิมครับ"
คริส ก็พูดถึงเรื่องราวในตอน 21/28 ว่า "จริงๆ เรา 2 คนได้รับหน้าที่เป็นดาราซุปเปอร์สตาร์ในเรื่อง เหมือนต้องมาทำมิชชันอะไรบ้างเพื่อที่จะนู่นนี่นั่น แล้วเรื่องส่วนตัวของเราก็ดำเนินไปด้วยพร้อมๆ กันในเรื่อง ก็เลยทำให้ดูตอนอายุ 21 กับ 28 ว่าแตกต่างกันยังไงค่ะ จริงๆ ในหนังก็จะเห็นว่าทำไมความคิดของ 21 กับ 28 มันต่างกันมากแค่ไหน ให้เข้าใจง่ายๆ ถ้าตอนนี้ใครอายุ 28 หรือเลย 28 แล้วกลับไปมองแค่แฟนเก่าๆ เรา เราก็จะรู้สึกว่าสิ่งต่างๆ ที่เราทำไปตอนนั้นทำไปได้ยังไง ทำไมตอนนั้นเสียใจขนาดนั้น" ซันนี่ ช่วยเสริมเรื่องความแตกต่างของความรักที่อยู่ระหว่างวัย 21 ปีกับ 28 ปีว่า "ต่างเรื่องความคิดครับ คนเราโตขึ้นก็จะคิดอะไรเปลี่ยนแปลงไป บางทีเราใช้อารมณ์ ไม่ได้คิดว่ามันคืออะไรครับ"
ซันนี่ ยอมเพิ่มและลดน้ำหนักเพื่อภาพยนตร์ "มันเป็นระยะทางที่จะต้องไปถึงตัวบทก็เลยไม่ได้คิดว่ายากหรือง่ายครับ คือมันต้องทำครับ" ส่วน คริส ที่ต้องมารับบทดาราสาวสุดเปรี้ยวในเรื่อง ก็ลงทุนเปลี่ยนสีผมเป็นสีแดง ก็บอกว่าที่ต้องเปลี่ยนสีผมสลับไปสลับมาเป็นเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับ ซันนี่ "จริงๆ ถ้าเทียบกับสิ่งที่นักแสดงคนนึงต้องทำ อย่างซันนี่ต้องอ้วนขึ้นผอมลง 14 กิโลภายในเวลา 2 เดือน ของคริสแค่ย้อมผมกลับไปกลับมา 3-4 รอบเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อยมากค่ะ"
ส่วนตอนที่ 3 ที่มีชื่อว่า 42.195 ที่ได้ผู้กำกับรุ่นใหญ่ เก้ง มาลงมือกำกับเอง เล่ามุมมองของความรักในตอนนี้ว่า "ผมมองว่ามันเป็นแรงบันดาลใจที่ผ่านทางการวิ่งมาราธอนครับ คือในขณะที่ผู้หญิงคนนึงกำลังรู้สึกว่าเจอดิเอนออฟเดอะเวิลด์ ผู้ชายคนนึงก็มาชวนเขาไปวิ่งมาราธอน แต่ว่าในการวิ่ง 42 กิโลกว่าเนี่ยมันทำให้คนเราค้นพบอะไรในการดำเนินชีวิตได้เหมือนกัน"
เก้ง ปฏิเสธไม่ได้เป็นคนเลือก คุณ มาเล่นภาพยนตร์ แต่เป็น คุณ ที่เป็นคนเลือกมาแสดงให้มากกว่า "ผมว่านิชคุณเขาเลือกผมมากกว่า คือผมก็ไม่คิดว่าเขาจะรับเล่นเรื่องนี้ เมื่อวันจักรีปีที่แล้วนิชคุณเขามาถ่ายโฆษณาแล้วผมมีโอกาสได้เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง มีเวลาในตอนทานอาหารเย็นแล้วก็เล่าเรื่องนี้ให้เขาฟัง ก็รู้สึกชอบเขามากจากการที่ได้ทานข้าวด้วยกัน แต่ผมไม่คิดว่าเขาจะรับเล่นเลย ด้วยความว่าเขาก็เป็นดาราระดับเอเชีย ผมไม่คิดว่าเขาจะมีคิวมาเล่นหนังจริงจังขนาดนี้ ปรากฏว่า 2-3 เดือนผ่านมา เขาก็ตอบมาว่าอยากเล่นมาก ชอบไอเดียของเรื่อง ชอบบทหนังครับ"
ผู้กำกับมากฝีมือชม คุณ น่าจะไปได้ไกลกับการแสดง "ผมว่าเขาเป็นคนมีพรสวรรค์นะ วันไหนที่เขาอยากจะเป็นนักแสดงจริงๆ จังๆ ผมว่ามีอนาคตเลยครับ แล้วก็สิ่งที่ได้เปรียบ ตัวเขาเองเป็นคนที่มีเสน่ห์ มองตาใครแล้วก็เคลิ้ม เราจะรู้สึกว่าเขาเป็นคนมีชีวิตชีวามาก สามารถจะให้พลังชีวิตกับใครๆ ก็ได้ครับ"
ขวัญ เผยถึงการตัดสินใจรับเล่นภาพยนตร์เป็นเรื่องแรกว่า "อันดับแรกก็คงเป็นเพราะตัวผู้กำกับนี่แหละค่ะ เพราะว่าพี่ขวัญก็ชื่นชมในผลงานของพี่เก้งมานานแล้วนะคะ ถึงแม้ว่าพี่เก้งจะเป็นรุ่นพี่พี่ขวัญที่นิเทศฯ จุฬาฯ แต่ว่าโดยส่วนตัวไม่เคยเจอกันเลย แล้วพอพี่เก้งติดต่อมาพี่ขวัญก็ค่อนข้างแปลกใจ แต่ว่าเป็นผู้กำกับที่เราชื่นชมในดวงใจของเราอยู่แล้ว แล้วก็รู้ว่างานของพี่เก้งไม่ใช่งานหนังปกติธรรมดาเล่าเรื่องจบ ก็เลยสงสัยเหมือนกันว่าสิ่งที่พี่เก้งต้องการที่จะให้พี่ขวัญไปร่วมคืออะไร
เพราะฉะนั้นตอนที่พี่ขวัญคุยกับพี่เก้งครั้งแรก แล้วก็รู้ว่าคอนเซ็ปต์ของเรื่อง แมสเสจสำคัญของ 42.195 คืออะไร โดนใจพี่ขวัญมาก จริงๆ แล้วพี่ขวัญก็แค่คิดว่าถ้าพี่ขวัญสามารถที่จะเป็นผู้หญิงคนนั้นในจินตนาการของพี่เก้งได้ แล้วทำให้เรื่องราวในจินตนาการของพี่เก้งสมบูรณ์ แล้วสามารถที่จะถ่ายทอดเนื้อหาในตอนนี้ไปถึงคนดู แล้วเกิดผลอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นคำตอบของชีวิตหรือว่าแรงบันดาลใจให้กับใครหลายๆ คนได้ จะเป็นสิ่งที่พี่ขวัญภูมิใจมากที่สุด พี่ขวัญก็เลยคิดว่าถ้าจะลองทำอะไรสักครั้งในชีวิตที่ไม่เคยทำน่าจะดีค่ะ"
ขวัญ เล่าถึงการร่วมงานกับ คุณ ว่า "น้องคุณก็มืออาชีพมากนะคะ จริงๆ พี่ขวัญก็ไม่เคยได้เจอหรือรู้จักกับน้องคุณมาก่อน คือได้ยินแต่ทุกคนเล่าให้ฟังว่าน้องคุณประสบความสำเร็จมากแค่ไหนในต่างประเทศนะคะ แต่พอมาร่วมงานด้วยกันตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันเลย สิ่งที่พี่ขวัญรู้สึกก็คือการได้ทำงานกับนิชคุณเหมือนการทำงานกับมืออาชีพคนนึงนะคะ แล้วก็บทบาทสำหรับการเป็นนักแสดงเต็มตัวครั้งนี้ของน้องคุณที่เป็นครั้งแรก พี่ขวัญมีความรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่เปิดกว้างมาก เป็นเด็กที่พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ยินดีที่จะรับทั้งคำติแล้วก็คำชมรวมไปถึงคำแนะนำต่างๆ แล้วก็เป็นคนที่ทุ่มเทมาก พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อที่จะให้ผลงานครั้งนี้ครั้งแรกของเขาออกมาอย่างดีที่สุดค่ะ"
คุณ กล่าวความรู้สึกถึงภาพยนตร์เรื่องแรกว่า "ตื่นเต้นครับ ตื่นเต้นจริงๆ เพราะว่าเป็นหนังเรื่องแรกด้วย แล้วก็รู้สึกว่าแฟนคลับแล้วก็คนหลายๆ คนให้ความคาดหวังไว้มากเหมือนกันนะครับ ไม่ทราบว่าจะออกมาถูกใจหรือไม่ถูกใจคนดูยังไงนะครับ ฝีมือการแสดงอาจจะยังไม่เป๊ะขนาดนั้น แต่ก็ทำเต็มที่ครับ เรื่องนี้เป็นหนังที่มีความหมายสำหรับคุณ แล้วคุณเชื่อว่ามีความหมายสำหรับพี่เก้ง พี่สู่ขวัญแล้วก็ทางบริษัทจีทีเอชด้วย ขอให้ทุกคนดูเรื่องนี้ ขอให้สนุกกับเรื่องนี้แล้วก็ได้อะไรกลับไป ได้ข้อคิดหรือว่าได้แรงบันดาลใจกลับไปก็น่าจะดีครับ"
นักร้องหนุ่มเล่าถึงมุมมองความรักที่สื่อผ่านตอน 42.195 ว่า "จะเป็นรักแบบผู้ใหญ่ แล้วก็ช่วยกันเป็นแรงบันดาลใจให้กันและกัน จะมีมุมมองที่ว่าความรักไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ไม่จำเป็นต้องจับมือกันหรือว่ากอดกัน ความรักคือการให้กันและกันโดยที่เราอยู่ข้างๆ กันก็พอ เราเป็นกำลังใจให้กันก็พอครับ"
คุณ กล่าวทิ้งท้ายว่า "อยากจะฝากบอกว่าคุยกับพี่เก้งมาเยอะแล้วว่าหนังเรื่องนี้มีความหมายกับหลายๆ คนหลายๆ ฝ่าย ทั้งนักแสดง ทีมงาน บริษัททำหนังนะครับ หนังเรื่องนี้มีความหมายกับทุกๆ คนก็หวังว่าทุกคนดูหนังเรื่องนี้แล้วอยากให้หนังเรื่องนี้มีความหมายกับคนดูด้วยนะครับ ไม่ได้มีแค่หน้าตา ไม่ได้มีแค่การแสดง ความคิดข้อคิดที่ซ่อนอยู่ในหนังเรื่องนี้ที่อยากให้ทุกคนได้รับไป แล้วก็หวังว่าจะเปลี่ยนแปลงชีวิตทุกคนให้ดีขึ้นได้นะครับ แล้วก็หวังว่าทุกคนจะรักการวิ่งขึ้นมาโดยฉับพลันได้ มาราธอนเป็นอะไรที่มีเสน่ห์มากครับ แล้วก็หวังว่าทุกคนจะสุขภาพแข็งแรงหลังจากดูหนังเรื่องนี้ครับ"
ติดตาม 3 เรื่องความรักของ 3 ช่วงวัยที่มาพร้อมการเปลี่ยนแปลงและการผูกพันของเลข 7 จาก 3 ฝีมือ 3 ผู้กำกับ ได้ในภาพยนต์ รัก 7 ปี ดี 7 หน เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ ตั้งแต่วันที่ 26 กรกฎาคม 2555 เป็นต้นไป