ร่วมสำรวจตัวตนไปกับภาพยนตร์ชวนคิด แต่เพียงผู้เดียว
"แต่เพียงผู้เดียว" ภาพยนตร์อิสระเกี่ยวกับการสำรวจตนเองว่าตัวเราประกอบร่างขึ้นมาจากสิ่งใดบ้าง ผลงานการกำกับและเขียนบทภาพยนตร์ของ "เล็ก - คงเดช จาตุรันต์รัศมี" นำแสดงโดย "เล็ก - อภิชัย ตระกูลเผด็จไกร" นักร้องวง "กรีซซี่ คาเฟ่" และ "อ๊อฟ - ปริญญา งามวงศ์วาน"
บรรยากาศภายในงานเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง แต่เพียงผู้เดียว เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2555 ณ โรงภาพยนตร์ลิโด้ เริ่มต้นด้วยการร้องเพลงและเล่นเปียโนของนักแสดงหนุ่ม เล็ก กับเพลง "ป่าสนในห้องหมายเลข 1" เพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ที่เจ้าตัวลงมือแต่งด้วยตนเอง และต่อเนื่องในเพลง "สิ่งเหล่านี้" ก่อนจะพูดคุยกับผู้กำกับและนักแสดงนำของเรื่อง
ผู้กำกับ เล็ก พูดถึงที่มาของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ที่มาของหนังเรื่องนี้ ถ้าในแง่ของพล็อตเรื่องช่างกุญแจเนี่ยมันได้มาจากตอนที่ผมกำกับเรื่อง กอด แล้วผู้ช่วยผู้กำกับของผมทำกุญแจเข้าห้องหาย แล้วมาเล่าเรื่องประหลาดให้ฟัง คือพอเข้าห้องไม่ได้ก็โทรเรียกช่างกุญแจมา แล้วช่างกุญแจที่ปรากฏตัวเป็นป้าแก่ๆ คนนึงแล้วก็จูงลูกอายุไม่ถึง 10 ขวบมา คือลุกส์ไม่ใช่ช่างกุญแจแน่ๆ มันก็ไม่แน่ใจว่าจะสะเดาะได้หรือเปล่า แต่ปรากฏว่ามาถึงเขาก็ดูแล้วก็สอนลูกไปด้วย ลูกนี่มัน เยล นะ ลูกไม่ถึง 10 ขวบอ่ะ นี่มันเยลนะต้องใช้เหล็กเบอร์นี้ ไม่ถึง 30 วินาทีอ่ะมันถูกสะเดาะออกอย่างง่ายดายอะไรอย่างนี้
ตั้งแต่วันนั้นเราเริ่มระแวงว่าเวลาที่เราไม่อยู่ในห้อง มันมีคนที่มีความสามารถที่จะเข้าไปในห้องเราได้ เราก็เลยพลอยระแวงเวลาที่กลับไปในห้อง แล้วเราพบว่ามีของบางอย่างไม่อยู่ที่เดิม เราเป็นคนย้ายมันเองหรือเปล่าแล้วเราลืม หรือว่าแบบมีคนเข้ามาในห้องเรา พล็อตช่างทำกุญแจก็เลยมาจากเรื่องนั้น แล้วก็มาผนวกกับคอนเซ็ปต์ของหนังด้วยเรื่องของการสำรวจตัวตนว่าตัวเราประกอบร่างขึ้นจากอะไรบ้าง ก็เลยกลายเป็นหนังเรื่อง แต่เพียงผู้เดียว"
สำหรับแนวของภาพยนตร์ ผู้กำกับบอกว่า "พอมันเป็นหนังอิสระเนี่ยเราเลิกพูดเรื่องแนวกันแล้ว มันไม่ใช่หนังผี มันไม่ใช่หนังรัก มันก็เป็นดราม่าอ่ะฮะ เพียงแต่ว่ามันเป็นดราม่าที่มีวิธีเล่าที่แปลก เพราะว่ามันก็จะไม่ได้เล่าจาก 1 ถึง 10 มันเริ่มจาก 7 แล้วมันก็ไป 2 แล้วมันก็กลับมา 6 แล้วมันก็ไป 8 แล้วที่สำคัญผมไม่ได้ให้ทุกชิ้นด้วย บางชิ้นผมหยิบออกไปแล้วก็ให้คนดูลองคิดเอง เติมเต็มช่องว่างที่หายไปเอง เพราะว่ามันเป็นโจทย์ที่เราวางไว้ให้กับคนดูตั้งแต่แรก ว่าอยากจะให้เขากลับไปตั้งคำถามกับตัวเองเหมือนกันว่าตัวเขาประกอบขึ้นจากอะไรบ้าง"
ก่อนจะเอ่ยถึงความแตกต่างระหว่างการกำกับภาพยนตร์แนวอิสระ และภาพยนตร์แนวทั่วไปให้ฟังว่า "การกำกับไม่แตกต่างหรอกฮะ เพียงแต่ว่าเวลาเราคิด เราก็อิสระมาก แล้วก็ไปได้สุดทาง เราสามารถทดลองความรู้สึกคนดูได้เต็มที่กว่า มันก็จะอิสระกว่า เรียกว่าอิสระกว่า แล้วเราก็ทำได้สุดกว่า ได้ลองอะไรเยอะแยะไปหมด"
ด้านนักร้องนักแสดงหนุ่ม เล็ก กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "เราว่าเป็นเรื่องตื่นเต้นมากนะ ก่อนอื่นคือเราอยากขอบคุณคงเดชอีกครั้งนึง ที่ให้โอกาสเราได้ลองอะไรอย่างนี้ แล้วก็ทำไปทำมามันก็เป็นอะไรที่แบบเราไม่เคยทำ เคยลองนิดหน่อยครับแต่ไม่เคยจริงจังขนาดนั้นครับ แต่ว่าพอมาลองก็สนุกดี อยากให้คนที่มาดูไม่คาดหวังอะไรกับการมาดูอ่ะครับ มาดูแล้วก็ใช้เวลาไปกับมัน ค่อยๆ ดูสิ่งที่เกิดขึ้นบนจอมากกว่าที่จะคาดหวังอะไรก่อนหน้านั้นครับ" และพูดว่าตนเองรับบทเป็นช่างทำกุญแจ "เป็นช่างกุญแจ ก็จะนิ่งๆ อ่ะครับ เงียบๆ ผ่านอะไรมาพอสมควร แล้วก็ผ่านเรื่องราวอะไรบางอย่างที่ในที่สุดแล้วมันเป็นเรื่องเขาจำไม่ได้จริงๆ หรือเป็นเรื่องที่เขาอยากจะลืมจริงๆ อันนี้ต้องมาดูเอาเองว่ามันเป็นยังไง"
เล็ก เผยคาแรกเตอร์ในภาพยนตร์จะมีบุคลิกนิ่งกว่าตนเอง "เราว่ามันนิ่งกว่านะ เราว่านิ่งกว่าคือจะไม่ค่อยขี้เล่น ไม่อะไรเท่าไร แต่ตัวจริงจะแบบขี้เล่นกว่านั้นครับ" เมื่อถูกถามว่ายากไหมกับการแสดง นักแสดงหนุ่มเปิดใจว่า "ก็ยากนะ เพราะว่าเราก็มือใหม่หัดขับมาก แต่ว่าเราก็ดีที่ได้มีทีมงานที่น่ารักมาก แล้วก็ผู้กำกับ ผู้อำนวยการสร้าง ที่น่ารัก แล้วทุกคนก็เอาใจช่วย ทุกคนก็เฮๆ กัน ช่วยๆ กัน อยากให้มันออกมาดีที่สุด แล้วก็ไม่ได้กดดันอะไร แต่ว่าเรากดดันตัวเราเองว่าเราอยากให้มันดีที่สุดอะไรอย่างนี้ครับ"
นอกจากนี้ เล็ก พูดถึงการร่วมงานกับผู้กำกับคนนี้ให้ฟังว่า "คืองานคงเดชมีความเป็นตัวของตัวเขาชัดเจนมาก ไม่ว่าจะเป็นจากเรื่อง เฉิ่ม สยิว หรือ กอด ก็เป็นเรื่องที่มีอะไรบางอย่างที่น่าสนใจในนั้น พอมีการเชิญชวนเกิดขึ้นตอนแรกเราคิดว่าเป็นการอำ แต่พอจริงจังแล้วเราก็ดีใจมากนะที่ถ้าเกิดจะเริ่มเล่นจริงจังก็ได้เล่นหนังคงเดชครั้งแรก เราโอเคมาก"
ฟากผู้กำกับเล่าถึงเหตุผลที่เลือก เล็ก มาแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ตอนแรกไม่ได้ตั้งใจอ่ะฮะ หนึ่งคือพอมันเป็นหนังอิสระเราไม่มีกะตังค์จ้างดาราแน่ๆ คือในบทเนี่ยเราก็ไม่อยากได้ดาราอยู่แล้ว ตอนแรกก็แบบหาโนเนมเลยอ่ะฮะ เป็นชาวบ้านธรรมดามาแคสต์ดู แล้วปรากฏว่ามันไม่เวิร์ก เราค้นพบว่าบทที่เราเขียนมันต้องการการเพอร์ฟอร์ม แต่เราไม่อยากได้ดารา อย่างนั้นมันก็ต้องเป็นคนที่อยู่กึ่งกลางระหว่างคนธรรมดากับดารา ต้องเป็นคนที่เพอร์ฟอร์มเป็น แสดงความรู้สึกได้เก่ง ซึ่งพี่เล็กเก่งอยู่แล้ว แล้วก็ในบทก็ต้องมีอายุหน่อยพอสมควร ดวงตาต้องผ่านเรื่องอะไรมาเยอะพอสมควร ซึ่งพี่เล็กตอบโจทย์หมดเลย แล้วก็พอทำเทปแคสต์เราก็ไม่เลือกคนอื่นแล้ว เราเอาพี่เล็กเลย"
ส่วนจุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ ผู้กำกับกล่าวว่า "สำหรับคนทั่วไปอ่ะฮะผมก็คิดว่าน่าจะเป็นพี่เล็ก คือพี่เล็กเขาก็จะมีแฟนที่ค่อนข้างเหนียวแน่นของแกแล้วก็น่ารักมากทุกคน ผมคิดว่าใครที่ชอบเพลงพี่เล็กก็น่าจะชอบหนังเรื่องนี้ได้ไม่ยาก เพราะว่าเพลงของพี่เล็กก็เป็นเพลงที่ตั้งคำถามแล้วก็หาคำตอบบางอย่าง หนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังแบบนั้นเหมือนกันคือตั้งคำถาม มีวิธีที่อาจจะไม่คุ้นชินกับหนังทั่วไป ใครที่ไม่ได้ชอบดูแต่หนังที่บดมาให้เรียบร้อยแล้วเป็นอาหารบดอาหารเด็กอ่ะ แต่ว่าชอบที่ได้คิดเอง ได้ตั้งคำถามอะไรบางอย่างกับตัวเอง ผมว่าน่าจะชอบหนังเรื่องนี้"
สำหรับ ป่าสนในห้องหมายเลข 1 เพลงประกอบภาพยนตร์ของเรื่องเป็นฝีมือการแต่งเพลงของ เล็ก ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า "ใช่ฮะ จริงๆ แล้วคงเดชเขาไม่ได้ขอให้แต่งเลย แต่ว่าเป็นช่วงเวลาที่เราเล่นไปสักพักนึง แล้วเรารู้สึกว่าเรื่องพวกนี้มันอยู่ในหัวของเล็กในตัวแสดง แล้วเราอยากเอามันออกมาแค่นั้นเอง แม้แต่ชื่อเพลงหรืออะไรอย่างนี้ ป่าสนในห้องหมายเลข 1 มันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ ในบางซีนของในหนัง แล้วเราก็เอามันมารวมกัน ซึ่งตอนที่ส่งให้คงเดชเรายังไม่แน่ใจเลยว่าคงเดชจะเอาไปใช้หรือเปล่า ถ้าไม่ใช้ไม่เป็นไรแต่เราอยากทำมาก"
นักแสดงหนุ่ม เล็ก เอ่ยฝากภาพยนตร์ว่า "อยากให้คนมาดูกันเยอะๆ นะครับ เหมือนกับหลายๆ คนที่พูดกันกับหนังหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้อยากให้มาดูจริงๆ เพราะว่ามันก็เป็นการแสดงครั้งแรกของเราแบบเต็มๆ จริงๆ แล้วสำหรับคนที่ติดตามผลงานเรามา อยากให้เขามาเห็นในอีกมุมนึงที่ไม่ใช่ดนตรีครับ ว่ามันเป็นการแสดงอะไรอย่างนี้ แล้วลองดูว่ามันเป็นยังไง แล้วก็เราอยากรู้คอมเมนต์ด้วยก็มาพูดคุยกันในเฟซบุ๊กได้ฮะ"
ผู้กำกับทิ้งท้ายว่า "ฝากด้วยนะฮะ หนังจะเข้าวันที่ 19 กรกฎาคม นะครับ เข้า 2 โรงที่ เอสพลานาด (เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดาภิเษก) กับ ลิโด้ นะครับ แล้วก็หลังจากนั้น 3 สัปดาห์คือวันที่ 9 สิงหาฯ ก็จะไปฉายที่เชียงใหม่นะครับ ก็อยากจะฝากคือพอมันเป็นหนังอิสระปุ๊ปเนี่ยแล้วมันก็ฉายชนกับ แบทแมน ด้วย (หัวเราะ) ผมไม่อยากให้รอกันอ่ะฮะ คือแบทแมนเนี่ยอาทิตย์แรกเขายังไม่ลดค่าตั๋วนะครับ ก็มาดู แต่เพียงผู้เดียว ก่อน
เพราะว่าหนังอิสระรอบแรกๆ มันค่อนข้างสำคัญสำหรับว่าจะต่อชีวิตไปได้นานขนาดไหน คืออุตสาหกรรมหนังมันบัดซบอ่ะฮะ มันเป็นอย่างนี้เสมอ ดังนั้นก็ไม่อยากให้เย็นใจ คือรู้ว่ามีคนอยากดูก็ไม่น้อย แต่ว่าบางทีเย็นใจ เดี๋ยวค่อยดูก็ได้ เดี๋ยวเข้าเดือนนึงมั้ง อยากให้รีบมาดูกันเพื่อว่ามันจะต่ออายุไปโดยอัตโนมัติอ่ะ"
ร่วมสำรวจตัวตนของเราได้ในภาพยนตร์เรื่อง แต่เพียงผู้เดียว ฉายวันละ 2 รอบ เวลา 16.30 น. และ 20.30 น. สำหรับโรงภาพยนตร์ลิโด้ และ เวลา 14.00 น. และ 20.00 น. สำหรับโรงภาพยนตร์เอสพลานาด ซีนีเพล็กซ์ รัชดาภิเษก เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ตั้งแต่วันที่ 19-25 กรกฎาคม 2555