สร้างจิตสำนึกความรักและสามัคคีต่อชาติไทยใน บางระจัน 2

หลังจากผู้กำกับ "ปื๊ด - ธนิตย์ จิตนุกูล" หยิบเรื่องราวอิงประวัติศาสตร์ของกลุ่มชาวบ้านที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ เพื่อต่อต้านกองทัพของพม่า มาสร้างเป็นภาพยนตร์เรื่อง "บางระจัน" ที่สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเองจนเป็นที่โด่งดังเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ผู้กำกับคนนี้ก็ขอยกเอาเรื่องราวความรักชาติมาสร้างเป็นภาคต่อให้ชวนติดตามอีกครั้งกับ "บางระจัน 2" โดยเปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 23 มีนาคม ที่ผ่านมา ณ บริเวณโรงภาพยนตร์ เอสเอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์

เปิดงานด้วยเพลง "บางระจัน 2" ซึ่งปกติ "บ่าววี - พันจ่าอากาศเอกวีรยุทธิ์ นานช้า" จะต้องร้องคู่กับ "ยืนยง โอภากุล" หรือ "แอ๊ด คาราบาว" แต่วันนี้ บ่าววี รับหน้าที่เป็นผู้ถ่ายทอดให้ฟังเพียงคนเดียว จากนั้นได้เวลามาพูดคุยกับผู้กำกับและเหล่านักแสดง อาทิ "นก - ฉัตรชัย เปล่งพานิช" "บอล - ภราดร ศรีชาพันธุ์" "ภูริ หิรัญพฤกษ์" "ต๊อบ - ชัยวัฒน์ ทองแสง" "ตูน - เรืออากาศโทณยศ เสาว์ทองหยุ่น" "พริ้ว วิริยะพาณิชย์" "แพร - อรุณี ชัยปรีชาวิทย์" "เพ่ยเพ่ย - รัมภา จิรสมิทธา" "กิ๊ก - รติกาล ศรศิลป์" และ "ตี๋ - ธีรยุทธ ปรัชญาบำรุง" ถึงเรื่องราวในภาพยนตร์

ปื๊ด บอกถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เกิด บางระจัน 2 ว่า "ในช่วงเวลานี้จะต้องมีหนังสักเรื่องหนึ่ง สามารถที่จะเป็นตัวแทนของการที่จะบอกกล่าวคนในรุ่นนี้ว่าเรื่องราวในอดีต เรื่องราวของคนยุคเมื่อ 200-300 ปีที่แล้ว เขาทำอะไรไว้บ้าง เพื่อจะเตือนใจคนยุคนี้ ต้องรวมหัวใจไทย เพราะปัจจุบันนี้มันร้าวลึกมาก ฉะนั้นต้องมีหนังสักเรื่องนึง เราก็เลยเลือกเรื่อง บางระจัน 2 ทำออกมา"

ผู้กำกับอธิบายถึงบทบาทที่ นก แสดงว่า "พี่นกเล่นเป็นพระยาเหล็กครับ เป็นทหารกรุงศรีฯ รับมือพม่าอยู่รอบนอก จริงๆ แล้วเราหยิบยืมคาแรกเตอร์จากพระเจ้าตากสินมานะครับ" ด้าน นก ก็เล่าถึงบทบาทที่ตนได้รับว่า "พระยาเหล็กก็มีกองทัพของตัวเองอยู่เล็กๆ อยู่ แต่ว่าเขาไม่สามารถที่จะกลับไปสู้กับข้าศึกได้ จนกระทั่งไปเจอกับนายมั่น นายมั่นมาช่วยก็เลยตามกลับไปที่เขานางบวช ไปเจอกับพระอาจารย์ธรรมโชติ ก็มารวมตัวกัน แต่ในระหว่างรวมตัวกันก็มีความผูกพันแล้วก็แตกแยกกัน เหมือนกับเวลานี้ที่มีเรื่องราวต่างๆ เกิดขึ้น เกิดความแตกแยกกัน แต่ว่าจริงๆ แล้วคนไทยถ้ารวมกันแล้วสามัคคีกัน จะทำให้ประเทศไทยอยู่ได้ครับ"

ด้านอดีตนักเทนนิสมือวางระดับต้นๆ ของโลก บอล ก็พูดถึงการแสดงเรื่องแรกว่า "เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกนะครับ สำหรับบทบาทเรื่องนี้เป็นหัวหน้าของชุมเขานางบวช ตามคาแรกเตอร์จะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด แต่ว่าจะคอยเป็นห่วงดูแลชาวบ้าน ถามสารทุกข์สุขดิบ แล้วก็มาเจอกับพระยาเหล็ก ทะเลาะเบาะแว้งกันเองในชุมเขาด้วยกัน แต่สุดท้ายก็เป็นไปได้ด้วยดี แล้วก็ร่วมรบครับ ถือดาบถือยากกว่าไม้เทสนิสครับ ต้องถือ 2 มือ ดาบหนักใช้ได้ครับ"

ปื๊ด ก็บอกถึงเหตุผลที่เลือก บอล มาเล่นว่า "ในคาแรกเตอร์ คนดูจะต้องเชื่อว่าคนๆ นี้น่าจะเป็นคนที่เกิดในยุคนั้นได้ ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกก่อนต่อไปก็จะเป็นเรื่องคาแรกเตอร์ รูปลักษณ์ภายนอกบอล เราเชื่อมั่นไปแล้ว แต่ว่าเราหนักใจเรื่องการแสดงว่าเขามาเล่นหนังเขาจะทำได้ไหม แต่คิดว่าเดี๋ยวจะได้เซอร์ไพรส์กับการแสดงของเขาครับ"

ส่วน ภูริ ก็กล่าวว่า "ในเรื่องนี้รับบทเป็นนายแดง เป็นนักรบที่เคียงข้างกับนายมั่น นายมั่นเขาจะเป็นเหมือนแม่ทัพ ผมจะเป็นเหมือนนักรบที่บ้าเลือดหน่อย มีอะไรเขาก็จะใช้ผมไปก่อน เข้าไปลุยก่อน ในเรื่องผมจะสนิทกับพระอาจารย์ธรรมโชติมาก จะเป็นคนที่ช่วยพระอาจารย์ธรรมโชติออกมา เป็นคนดูแลแล้วก็รักพระอาจารย์ธรรมโชติมาก" บ่าววี เล่าถึงความสำคัญของบทที่ได้รับว่า "เราเคยเป็นทหารมาก่อนแล้วก็ไปอยู่ในชุมเขานางบวช ก็มีนายมั่นที่เป็นเพื่อน เป็นตัวเชื่อมความเข้าใจกันระหว่างทหารกับชาวบ้านในชุมให้เข้าใจซึ่งกันและกัน"

ต๊อบ เล่าว่า "ผมก็รับบทเป็นหมื่นหาญ เป็นทหารของพระยาเหล็ก คาแรกเตอร์ของหมื่นหาญจะเป็นคนมุทะลุดุดัน บู๊เก่ง คิดเก่ง แต่ว่ามีสิ่งหนึ่งที่ไม่เป็น คือรักไม่เป็น" ตูน บอกว่า "ในเรื่องรับบทเป็นขุนพันครับ คาแรกเตอร์จะแตกต่างกับต๊อบตรงที่ว่าผมจะค่อนข้างนิ่ง แล้วก็ใจเย็น ค่อนข้างสุขุมนะครับ"

มาถึงบทบาทของสาวๆ ในเรื่องกันบ้าง เริ่มที่ พลิ้ว บอกว่า "ในเรื่องรับบทเป็นจำปี เป็นภรรยาของนายมั่น เป็นคนที่คอยให้คำปรึกษาแล้วก็อยู่เคียงข้างค่ะ" ด้าน แพร พูดว่า "รับบทเป็นชบาค่ะ เป็นคนรักของนายแดงหรือว่าพี่ภูริค่ะ เหมือนเป็นตัวแทนความรักในยุคนั้นว่าสวยงามยังไง จะต้องเทียบกันว่าเราจะเอาความรักของตัวเองหรือว่าความรักของชาติ จะเลือกทางไหน" ส่วน เพ่ยเพ่ย เล่าว่า "รับบทชื่อมะขามนะคะ ในเรื่องจะเป็นผู้หญิงที่ขี้อาย เรียบร้อยอ่อนหวาน เก่งเรื่องทำอาหาร ในเรื่องก็จะเป็นคู่กิ๊กกับพี่ต๊อบค่ะ" และ กิ๊ก กล่าวว่า "รับบทเป็นลำดวนค่ะ เป็นคนไทยที่โดนจับไปอยู่ในพม่า เป็นเชลย ทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองแล้วก็แม่อยู่รอดค่ะ"

บอล ฝากทิ้งท้ายถึงภาพยนตร์ว่า "ภาพยนตร์เรื่อง บางระจัน 2 ก็เป็นภาพยนตร์ที่เกี่ยวกับชาติไทย นักแสดงทุกคน ผู้กำกับ ทุกคนทำเกินร้อยหมด ผมเองก็ได้มีโอกาสมาสัมผัสในวงการนี้ แล้วก็เป็นครั้งแรกด้วย ผมรู้สึกว่าทุกครั้งที่เราเห็นงานแสดงออกมา บางทีเราคิดว่ามันง่าย แต่ว่าจริงๆ แล้วเป็นสิ่งที่ยากมาก กว่าที่จะผลิตออกมาได้สักชิ้นหนึ่ง อยากจะฝากเรื่องนี้ไว้กับคนไทย อยากให้คนไทยได้ดูทุกคน เพราะว่าจะให้รู้สึกถึงความรักชาติ ความสามัคคีกันมากขึ้นครับ"

ส่วนผู้กำกับบอกว่า "พ่อแม่พี่น้องครับ หนังเรื่องนี้มีสารที่ทางทีมงานอยากจะสื่อไปถึงคนไทยทุกคน แผ่นดินต้องการใจทุกใจมารวมกันแล้วนะครับ อย่ามองแค่ตัวเองให้มองไปถึงคนอื่นก่อน ไทยเข้มแข็งจะเข้มแข็งเอง หนังเรื่องนี้ต้องการจะบอกสิ่งเหล่านี้ให้กับอนุชนรุ่นหลังได้สัมผัสนะครับ"

สร้างจิตสำนึกความรักและความสามัคคีต่อชาติไทยไปพร้อมกับ บางระจัน 2 ได้ในโรงภาพยนตร์ 25 มีนาคม นี้