เมฆ ฉลองวิวาห์หวาน ยก เอ๋ คือเพื่อนชีวิตที่อยู่คู่กันไปตลอด
"เมฆ - วินัย ไกรบุตร" พระเอกร้อยล้าน ที่มีผลงานภาพยนตร์สร้างชื่อ อาทิ "นางนาก" "บางระจัน" "โรงแรมผี" "ธรณีกรรแสง" และ "ปืนใหญ่จอมสลัด" ควงนักธุรกิจสาวคนรู้ใจ "เอ๋ - ชลรดา แสนสินรังษี" หลังจากทั้งคู่คบหาดูใจกันมาได้เกือบ 2 ปี เข้าสู่ประตูวิวาห์ เมื่อวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา ซึ่งในช่วงเช้า เวลาประมาณ 08.30 น. เมฆ ได้หอบสินสอดเป็นเงิน 1.9 ล้านบาท และทองคำหนัก 20 บาท มามอบให้กับเจ้าสาว พร้อมทั้งจัดพิธีหมั้นและทำพิธียกน้ำชาตามประเพณีจีน ณ ห้องปาริชาติ และในช่วงค่ำทั้งคู่ก็ได้จัดงานฉลองพิธีมงคลสมรส ณ ห้องแกรนด์บอลรูม โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน
สำหรับรูปแบบการจัดงานทั้งคู่เน้นตกแต่งในบรรยากาศแบบธรรมชาติ เน้นสีขาวเขียว ส่วนของชำร่วยเป็นผ้าพันคอที่บรรจุเอาไว้ในชะลอมสาน เพื่อใช้มอบแทนคำขอบคุณให้กับแขกที่มาร่วมงาน โดยเวลาประมาณ 16.30 น. ก่อนเริ่มพิธี คู่บ่าวสาวก็ควงคู่กันมาให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงช่วงเวลาสำคัญในครั้งนี้
ความรู้สึกในวันนี้
เมฆ "จริงๆ แล้วตื่นเต้นนะ แล้วที่ตื่นเต้นมากที่สุด ตื่นเต้นสื่อมวลชนที่ให้เกียรติมาในวันนี้ เพราะคิดว่าตัวเองไม่ใช่ดาราดังอะไรมากมาย ไม่ได้เปรี้ยงปร้างอะไรมากมาย ให้เกียรติอย่างนี้ก็รู้สึกว่าภูมิใจมาก ต้องขอบคุณเป็นอย่างแรกเลยครับ"
เอ๋ "ก็ตื่นเต้นมากค่ะ อย่างที่พี่เมฆบอกก็คือไม่คิดว่าพี่ๆ จะให้ความสำคัญนะคะ เพราะว่าจริงๆ เราสองคนก็เป็นคนธรรมดาจริงๆ แล้วก็พอเจออย่างนี้ จากที่คิดว่าคงไม่ตื่นเต้น ตอนนี้พูดอะไรไม่ออกเลยค่ะ (หัวเราะ)"
ความประทับใจซึ่งกันและกัน
เมฆ "จริงๆ แล้วความรู้สึกส่วนตัวลึกๆ เลยนะครับ ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติมาก สำหรับผมก็คือว่าเขาเป็นผู้หญิงธรรมดา รู้สึกได้ถึงความผูกพันที่เหมือนยาวนาน คือคบกันมาเกือบ 2 ปี ไม่รู้สึกว่าเบื่อ คือบางคนเจอผู้หญิงบางคนแล้วรู้สึกว่าสวยนะ แต่ดูนานๆ แล้วรู้สึกอึดอัด แต่สำหรับเขาในสายตาผม ไม่ใช่คนสวย เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ในสายตาของผมมากกว่า น่ารัก รู้สึกว่าดูแล้วดูได้นานครับ"
เอ๋ "จริงๆ ข่าวพี่เมฆมีเยอะมาก (หัวเราะ) ข่าวว่าเจ้าชู้ แต่ว่าพอมารู้จัก สิ่งที่เคยได้ยินหรือว่าเคยอ่านเจอ แทบจะไม่มีเลยในการที่เราคบกัน กลับกลายเป็นว่าที่เราคบกัน พี่เมฆดีขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ ซึ่งเป็นอะไรที่ผู้หญิงทุกคนก็คงต้องประทับใจค่ะ"
เมฆ "คือจริงๆ วางแผนไว้แล้ว คิดว่าคนเราเวลาคบกันแรกๆ จะหวานซึ้ง ทุกอย่างจะเหมือนช่วงโปรโมชันไปหมดเลย คือป้อนข้าวให้ พาดินเนอร์ ทำโรแมนติก แต่สำหรับผมมีความรู้สึกว่าเราทำให้เกรดต่ำที่สุดเลยไหม จีบกันก็ไปกินข้าวผัดไหม อะไรที่ทำให้ดูมันไม่ใช่ผู้ชายที่น่าเทกแคร์ดีดูแลดี ถ้าให้ 10 ทำสัก 2 หรือ 3 เพราะมีความรู้สึกว่าถ้าเราทำต่ำไว้ก่อน พอหลังจากที่คบกันไปเรื่อยๆ จริงๆ เราไม่ใช่คนเกรดต่ำขนาดนั้น ก็พูดเสมอว่าวันแรกที่คบกัน ยังไงก็คืออย่างงั้น คงไม่มีเกรดลงกว่านี้ บอกเขาว่าอย่างนี้สุดๆ แล้วล่ะ ไม่อยากให้ความหวังว่าแรกๆ ทำอย่างนี้ ทำไมทำอย่างนี้ ผู้หญิงจะชอบพูดว่าวันนี้ทำแบบนี้ 2 ปีผ่านไปคุณทำแบบนี้ คือคุณเปลี่ยนไป คุณไม่รักแล้วหรือ ไม่อยากได้แบบนั้น"
ตกลงปลงใจเลือกคนๆ นี้เป็นคู่ชีวิต
เมฆ "มองหลายๆ มุมนะครับ ไม่ได้มองว่าเขาสวยหรือน่ารัก แต่มองว่าเขาเป็นคนที่ธรรมชาติ รักครอบครัว ช่วยเหลือครอบครัว ตรงคอนเซ็ปต์ที่ถ้าคุณรักเรา รักพ่อแม่เรา รับได้ในสิ่งที่เราเป็นและพ่อแม่เราเป็น คือเราก็พาไปบ้าน พาไปดูว่าบ้านผมเป็นกระต๊อบแบบนี้นะ รับได้ไหม วินัย ไกรบุตร มีแต่ชื่อนะ ไม่ได้รวยมหาศาลเหมือนคนอื่นนะ คุณจะได้เห็นเลยภาพความจริงเป็นแบบนี้ คุณรับได้ไหม
แล้ว วินัย ไกรบุตร เนี่ยไม่มีอะไรมากมายนะ ให้เห็นความจริง เพราะฉะนั้นในเมื่อเขารับได้ แล้วสิ่งที่ผมไม่ดีหลายๆ อย่าง ผมก็พูดให้เขาฟัง ผมบอกว่าไม่ต้องไม่สืบหาที่ไหน เพราะว่าเราจะบอกคุณเองว่าผมเป็นแบบนี้ๆ ดีกว่าคุณจะไปสืบ เพราะผมบอกความจริงและลึกกว่าด้วย เพราะว่ายังไงคุณต้องอยู่กับผม ถ้าคุณรู้ในสิ่งที่ผมไม่ดี แล้วคุณรับได้ มันจบ พอเขาให้ความรู้สึกว่ามันจบปั๊บ เราโอเคเลยครับ"
เอ๋ "คือไม่เคยเจอใคร ที่เจอครั้งแรกหรือว่าจีบครั้งแรกแล้วมาอย่างเถื่อนเลย (หัวเราะ) ที่เขาพูดมาเป็นอะไรที่เอ๋ไม่เคยเจอเลยจริงๆ ไม่ว่าจะพูดห้วนๆ หรือพูดเหมือนผู้หญิงหาไม่ยาก แต่ว่าพอคบไปเรื่อยๆ พี่เมฆเขาดีขึ้นเรื่อยๆ แล้วเรื่องรักครอบครัวเนี่ยสำคัญมาก เพราะว่าเอ๋ให้ความสำคัญกับครอบครัวของเอ๋มากๆ พี่เมฆเป็นคนที่กตัญญู แล้วทุกอย่างที่เราเห็นหรือเราสัมผัส เอ๋บอกตรงๆ เอ๋ไม่เคยเจอผู้ชายคนไหนเป็นแบบนี้ หรือว่าดีเท่านี้มาก่อน เอ๋กล้าพูดได้แบบนั้น"
คำสัญญาที่ให้แก่กัน
เมฆ "ไม่สัญญา คือคำสัญญาบางทีอาจจะทำไม่ได้ก็ได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่บอกได้ในเวลาที่ตกลงแต่งงานกันวันนี้เนี่ย เหมือนเป็นคำบอกอยู่แล้วว่าเราจะอยู่คู่กันตลอดชีวิต สัญญาว่าจะทำนู่นทำนี่ บางทีคนเราสิ่งที่เราสัญญาเอาไว้อาจจะทำไม่ได้ก็ได้ เพราะฉะนั้นไม่สัญญา แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่จะบอกว่าทำให้ดีที่สุด เราจะทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ เราคงไม่พยายามจนน่าเกลียดหรือว่าจนทำให้ตัวเองแย่เพื่อทำให้เขา เพราะฉะนั้นเราเองจะไม่มีความสุข ทำแล้วเรามีความสุขเขามีความสุข ผมคิดว่าถ้าหากผมเลือกเขาแล้ว เขาคงรู้ว่าในสิ่งที่ผมทำไป ถ้าทำแล้วเกินไป ไม่มีความสุข เขาคงไม่เห็นแก่ตัวขนาดนั้น เพราะฉะนั้นทำเท่าที่ทำได้และทำให้ดีที่สุด"
วางแผนเรื่องทายาท
เมฆ "ตั้งใจเลยว่าถ้าแฝดยิ่งดี มีความรู้สึกว่าตัวเองแก่ สำหรับผมอายุ 40 เนี่ยแก่ เพราะว่าเวลาไปละครเป็นพ่อแล้ว ทีนี้ก็เลยตั้งใจว่าถ้ามีลูกจะมีให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้"
เอ๋ "จริงๆ ก็คิดเหมือนกัน เพราะว่าอายุก็มากกันแล้วค่ะ สำหรับผู้หญิงนี่ก็ถือว่าเยอะแล้วเหมือนกัน การที่จะมีลูกเราก็คิดว่าเราอยากจะมี"
วางแผนว่าอยากจะมีสักกี่คน
เมฆ "ถ้าให้ดีต้องเป็น 2 เป็นคู่ครับ ผู้ชาย ผู้หญิง"
วางแผนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ที่ไหน
เมฆ "ยังหาวันฮันนีมูนไม่ได้ เพราะว่าติดละครอยู่ เรื่อง ดอกแก้ว แล้วก็ยังมีเรื่องของธุรกิจ ไหนจะปุ๋ย ไหนจะเครื่องสำอาง เลยต้องรอแป๊บหนึ่ง รอจังหวะนิดหนึ่ง แล้วก็ช่วงนี้น้ำท่วม ฝนตกด้วย คิดว่าขอรอดูแป๊บหนึ่งก่อน คนๆ นี้ไม่เคยคิดอยากจะไปอะไรไกลๆ หรือว่าไปเมืองนอกเลย ขนาดต่างจังหวัดยังไม่อยากไป
ขนาดวันปีใหม่ชวนจะไปต่างจังหวัด ไม่ไป เป็นคนที่แปลกดี ไปกินข้าวในโรงแรมหรูๆ ไหม ดื่มไวน์กันไหม ไม่ไป เอายังไงดีถ้างั้น เราก็ไม่ได้อยากไปจริงๆ แต่ว่าเราให้เกียรติเขา จะทำโรแมนติกสักครั้งหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นไปบ้านผม ซื้อไวน์ ซื้ออาหารญี่ป่นมา แล้วก็มาดื่มกันแล้วก็กลับบ้าน ง่ายๆ เราเองก็รู้สึกว่าเขาเองก็ไม่ค่อยแคร์เรื่องในสิ่งที่เป็นวันอะไรมากมาย วันเกิดเขา เราไม่อยู่ แค่โทรบอกว่าแฮปปี้เบิร์ธเดย์นะ ไม่ต้องถึงขนาดต้องมีของขวัญใหญ่อะไร เรารู้สึกว่าใช่ ถ้าจะให้ก็ให้เองหรือไม่จำเป็นต้องรีบกลับ เดี๋ยวอาจจะมีปัญหากันได้ เขาเครียดมากเรื่องพวกนั้น"
นิยามความรัก
เมฆ "จริงๆ แล้วนิยามของผมความรักก็คือคนที่เข้าใจกันและเป็นเพื่อนชีวิตกัน บอกเขาเลยว่าที่เรามาอยู่ด้วยกันเนี่ย เราเป็นเพื่อนชีวิตกันนะ หมายถึงว่าประคองกันไป จูงมือกันไป อยู่ด้วยกันเป็นเพื่อน ไม่ใช่เธอมาเป็นแม่เราหรือเราเป็นพ่อเธอ ไม่ใช่ เธออยู่กับเพื่อนยังไง เธอก็เป็นอย่างนั้น อยากให้เขาใช้ชีวิตเหมือนเพื่อน แหย่กันได้คุยกันได้ เพราะฉะนั้นบางคนจำได้ว่าเวลาเป็นสามีภรรยาแล้วจะเก็บกด อึดอัดไม่กล้าทำ ต้องไปทำกับเพื่อน เพราะว่าเพื่อนจะรู้สึกใกล้ชิดกัน ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำกับแฟนเดี๋ยวจะดูไม่ดี ผมจะบอกเขาเสมอว่าเราเป็นเพื่อนชีวิตกันนะ ช่วยเหลือกันเวลามีปัญหา ยามขัดสน ต่างคนต่างช่วยกันครับ จริงๆ ผมว่าอย่าไปวางอะไรมากมาย นี่ก็ 40 แล้ว อีก 20 ปีไม่รู้จะยังไง จะทำให้ดีที่สุด"
ระยะเวลาที่คบหาดูใจกัน
เมฆ "เกือบ 2 ปี ใช้เวลาคุยกัน ติดต่อกันทางโทรศัพท์ ทางอินเตอร์เน็ตเกือบ 5 เดือนกว่าจะเจอหน้ากันครับ ผมกำลังหาเว็บไซต์ที่ปลูกผม ทีนี้ไปเจอ ทำยังไงไม่ต้องกินยาก็เลยเจอเขา ผมก็เอ๊ะเหรอ ของจริงเหรอ คุยกันไปคุยกันมาจริงหรือเปล่า เพราะผมเสียเงินไปเยอะแล้ว ผมก็ไปร้านเขาไปเจอที่ร้าน ก็โดนมาหลายตังค์ แต่ก็ดีขึ้น เพราะผมนี่เองครับ เขาทำเกี่ยวกับออร์แกนิก ไม่ใช้เคมี แล้วผมเองก็ทำปุ๋ยอินทรีย์"
เรือนหอ
เมฆ "บ้านผมเองครับ ที่กรุงเทพฯ ครับ ต่างจังหวัดยังไม่กลับไป เพราะว่ายังไม่มีบ้าน เป็นบ้านแม่ บ้านที่กรุงเทพฯ ซื้อมาเกือบ 10 ปี เพราะฉะนั้นก็ใช้เป็นเรือนหอ ถือโอกาส"
งานในวงการ
เมฆ "จริงๆ แล้วงานวงการบันเทิงก็ทำอยู่ครับ ก็ทำเรื่อยๆ ถ้ามีโอกาสก็จะทำ ละคร หนัง ถ้ามีโอกาส ผู้หลักผู้ใหญ่ให้โอกาสก็จะทำตรงนี้อยู่ไม่ทิ้งครับ ธุรกิจก็ทำไป"
จากนั้นคู่บ่าวสาวก็ไปเตรียมตัวเพื่อต้อนรับแขกที่มาร่วมงาน สำหรับคนในวงการบันเทิงที่มาร่วมแสดงความยินดีกับทั้งคู่ ก็มี "สมรักษ์ ณรงค์วิชัย" "อุ๋ย - นนทรีย์ นิมิบุตร" "เวฟ - สาริน บางยี่ขัน" "โจนัส แอนเดอร์สัน" "คริสตี้ กิ๊บสัน" "โน้ต - วัชรบูล ลี้สุวรรณ" "สมเจต พยัฆโส" ครอบครัวของ "วีระชัย หัตถโกวิท" รวมถึง "ต้น - จักรกฤษณ์ อำมะรัตน์" ที่ควงคู่มากับภรรยา ในส่วนพิธีการบนเวทีก็ได้เพื่อนซี้ "หนุ่ม - คงกระพัน แสงสุริยะ" มาทำหน้าที่เป็นพิธีกรให้
เริ่มด้วยการกล่าวคำอวยพรจากประธานในพิธี ต่อด้วยการนั่งพูดคุยแบบสบายๆ ที่ทั้งคู่มาบอกเล่าจุดเริ่มต้นเรื่องราวความรักของ เมฆ และ เอ๋ ที่รู้จักกันผ่านอินเตอร์เน็ตและพูดคุยกันทางโทรศัพท์ เพราะ เมฆ ต้องการคำปรึกษาเกี่ยวกับสภาพเส้นผม ซึ่ง เอ๋ ก็เปิดร้านทำธุรกิจเกี่ยวกับเรื่องสภาพเส้นผมอยู่พอดี เมฆ จึงได้เข้าไปทำการรักษาที่ร้าน เมื่อได้ทำความรู้จัก พูดคุย จนเกิดความประทับใจในความเป็นผู้หญิงเก่งและเป็นคนรักครอบครัวเหมือนกัน เมฆ ก็เดินหน้าจีบ เอ๋ ทันที จนในที่สุดทั้งคู่ก็ได้ตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน
เมฆ พูดความรู้สึกถึงการตกลงใช้ชีวิตคู่ครั้งนี้ว่าว่า "จริงๆ แล้วไม่คิดว่าตัวเองจะมีวันนี้ แต่วันนี้มาถึงแล้ว แล้วไม่เคยคิดว่าคนอย่างผมจะจัดงานแต่งงานใหญ่ขนาดนี้ ไม่เคยคิดครับ แต่พอมาเจอคุณเอ๋ ทำให้รู้สึกว่าต้องจัด ไม่เคยรู้สึกเลยว่าต้องแต่งงาน วันนี้ต้องยอมรับว่าไม่ได้ตั้งเป้าเอาไว้เลย ที่ผมต้องขอบคุณมากๆ ขอบคุณญาติทางฝ่ายเจ้าสาว เหนียวแน่นมาก ทำให้เรารู้สึกว่าต่อไปนี้คงมีญาติมากกว่าเดิม ปกติอยู่กรุงเทพฯ อยู่คนเดียว มาจากกระบี่ แต่วันนี้พอมาเจอรู้สึกได้ว่าเรามาถูกทางแล้ว ต้องขอบคุณมากนะครับ" ด้าน เอ๋ ก็กล่าวขอบคุณทั้งน้ำตาว่า "ขอบคุณปะป๊า หม่าม้านะคะที่เลี้ยงดูมาเป็นอย่างดี บอกได้คำเดียวว่าเอ๋ดีใจมากที่ได้เกิดมาเป็นลูกป๊ากับม้านะคะ"
จากนั้นก็ได้เวลาของพิธีการสำคัญ เมื่อ เมฆ จูงมือ เอ๋ ไปจุดเทียนชัยและตัดเค้ก เพื่อนำไปมอบให้กับญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ต่อด้วยการนำพวงมาลัยมากราบคุณพ่อคุณแม่ของทั้งฝ่ายเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เพื่อรับคำอวยพรที่เป็นสิริมงคลกับชีวิตคู่ ปิดท้ายด้วยช่วงเวลาสำคัญของหนุ่มโสดและสาวโสด กับการโยนช่อดอกไม้จากมือเจ้าสาว และการโยนตุ๊กตาหมีจากมือของเจ้าบ่าว