ค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่หลังประตูกับภาพยนตร์ ใคร...ในห้อง
เปิดรอบปฐมทัศน์ไปแล้วกับภาพยนตร์สยองขวัญรูปแบบใหม่ "ใคร...ในห้อง" หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า "Who Are You" กับเรื่องราวของผู้มีอาการแยกตัวออกจากสังคมหรือที่เรียกว่า ฮิคิโคโมริ ซึ่งเรื่องนี้ได้ผู้กำกับภาพยนตร์แนวสยองขวัญอย่าง "เพื่อน - ภาคภูมิ วงษ์จินดา" นั่งแท่นกำกับ และได้ผู้เขียนบทมือดีที่เคยสร้างชื่อเสียงกับภาพยนตร์แนวนี้มาแล้วใน "บอดี้ ศพ#19" นั่นคือ "เอก - เอกสิทธิ์ ไทยรัตน์" โดยงานในครั้งนี้จัดขึ้นที่ โรงภาพยนตร์ เอสเอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ก่อนที่จะไปชมภาพยนตร์กันนั้น ผู้กำกับและนักแสดงนำซึ่งได้แก่ "นก - สินจัย เปล่งพานิช" "ตาล - กัญญา รัตนเพชร์" "สตาร์บัคส์ - พงศ์พิชญ์ ปรีชาบริสุทธิ์กุล" และ "บี๋ - ธีรพงศ์ เหลียวรักวงศ์" ก็ได้มาร่วมพูดคุยกับที่มาที่ไปของภาพยนตร์เรื่องนี้ เริ่มต้นด้วยคำถามที่ใครๆ ก็อยากจะรู้ว่า ใครอยู่หลังประตูบานนั้น ผู้กำกับเคยเผลอบอกบ้างหรือไม่ "ก็อยากบอกครับ อยากบอกเหมือนกัน ก็จะโยนให้สตาร์บัคส์ตลอดเลยว่า เฮ้ย จะบอกว่าไงดี ก็ไปกันตลอด ค่อนข้างจะสนิทกันแหละ ก็จะโยนสตาร์บัคส์ตอบละกัน" โดยหนุ่ม สตาร์บัคส์ ก็ตอบคำถามนี้แบบติดตลกซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องจริงว่า "เอ่อ น่าจะเป็น คุณสมเกียรติ ศุวัฒนเสถียร นะฮะ"
ผลงานการกำกับของ เพื่อน เรื่องนี้เป็นลำดับที่ 4 แล้ว โดยเจ้าตัวได้ให้เหตุผลที่กลับมากำกับแนวสยองขวัญอีกครั้งหลังจาก "รับน้องสยองขวัญ" ว่า "ตอนแรกที่จริงอยากทำหนังแนวอื่นเหมือนกัน มีตลกมีนู่นมีนี่อะไรมากมาย แต่ไปเสนอใครเขาก็ไม่ยอม เขาบอกว่าทำหนังอย่างนี้ดีแล้ว เขาว่าอย่างนั้น" พร้อมทั้งบอกถึงมุมมองพิเศษที่แตกต่างจากเรื่องที่ผ่านมา คือความแปลกและแนวคิดใหม่ๆ "ก็คือได้ทำงานกับคนมากขึ้น ได้เอาไอเดียดีๆ จากหลายๆ คนมารวมกัน ผมว่ามันเป็นการพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง เพราะว่ามันไม่ใช่เราที่อยู่คนเดียวแล้ว มันมีการรวบรวมไอเดียดีๆ เข้ามา"
ด้านนักแสดงมากความสามารถอย่าง นก คิดว่าสิ่งที่น่าสนใจและท้าทายที่จะรับบท นิดา ในเรื่องนี้ คือ ตัวผู้กำกับ เพราะยังไม่เคยได้ร่วมงานกันมาก่อน "ผู้กำกับค่ะ เพราะว่าเราแปลกแต่ผู้กำกับแปลกกว่า เป็นแรงจูงใจ คือยังไม่เคยร่วมงานกัน ไม่เคยเจอ ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ตอนที่มาติดต่อ ตอนแรกส่งบทมาก่อน ก็คุยกันแล้วก็โปรดิวเซอร์พยายามตาม เจอกันได้ไหม นัดกันหน่อยอะไรอย่างนี้ค่ะ ก็อ่านบทแล้วก็โอเคนัดเจอกัน
วันแรกที่ได้เจอกัน คือแปลกตั้งแต่แบบ ติดต่อมาเล่นคนเดียวแต่เหมือนมาทั้งกองถ่าย ผู้ช่วยผู้กำกับ อาร์ตไดฯ โปรดิวเซอร์ มาเต็มโต๊ะไปหมด แนวบังคับยังไงไม่รู้ คือมาปฏิเสธไม่ได้นะ ก็ดูหน้าแต่ละคน ดูท่าทางจะแปลกดีนะ ผู้กำกับก็ดูแปลกๆ ดูแบบว่าเหมาะกับหนังแนวนี้อะไรอย่างนี้ น่าสนใจ น่าจะได้มีอะไรน่าค้นหา"
นอกจากนี้ นก ยังบอกด้วยว่าสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง เป็นบทบาทที่ไม่เคยได้รับมาก่อน "ก็คงด้วยตัวบทด้วยว่าเป็นคาแรกเตอร์ที่ไม่ค่อยได้เล่น เป็นแม่ค้า พูดจาแบบค่อนข้างหยาบคาย รุนแรง ใช้อารมณ์อะไรอย่างนี้ แล้วก็เป็นหนังแนวที่แบบสยองขวัญ ก็เลยรู้สึกว่า เออ ยังไม่เคยเล่นหนังแบบนี้ ถ้าหนังประเภทอย่างนี้มันก็จะมีเทคนิคการถ่ายทำหรือวิธีการกำกับมันก็อีกแบบหนึ่ง ก็เลยอยากลองให้โอกาสตัวเองได้ลองเล่นหนังสไตล์แบบนี้บ้าง"
สำหรับนักแสดงรุ่นใหม่อย่าง ตาล เผยว่า "ก็จริงๆ ก่อนหน้านี้ตาลเคยร่วมงานกับพี่เพื่อนมาแล้วนะคะ เรื่องรับน้องสยองขวัญค่ะ" โดย ตาล พูดถึงความยากของการรับบทในเรื่องนี้ให้ฟังว่า "ความยากของมันนะคะ คือเราเล่นคนเดียว ส่วนใหญ่ตาลจะเล่นอยู่ในห้องอย่างเดียว แล้วก็จะจัดการทุกอย่างเองหมดเลยค่ะ มันก็จะยากตรงนี้ค่ะ"
ส่วนนักแสดงที่หลายๆ คนเคยเห็นเขามาแล้วในภาพยนตร์เรื่อง "สาระแนห้าวเป้ง" อย่าง สตาร์บัคส์ ก็พูดถึงความรู้สึกของการแสดงภาพยนตร์ที่รู้ตัวล่วงหน้าในครั้งนี้ว่า "ยากครับ แล้วก็ตื่นเต้นเพราะว่าอย่างแรกเลยต้องมาเจอกับพี่นก ก็คิดอยู่ในใจอยู่แล้วว่าพี่นกเป็นนักแสดงที่มีประสบการณ์มาเยอะ" ซึ่งเจ้าตัวบอกว่าเมื่อมาเจอกับนักแสดงที่มีประสบการณ์มากก็ทำให้ต้องมีสมาธิในการเล่นมากยิ่งขึ้น
สตาร์บัคส์ ยังเล่าว่าการเป็นครีเอทีฟรายการโทรทัศน์ในภาพยนตร์คล้ายกับอาชีพที่ทำอยู่ "มันก็ใกล้เคียงนะฮะ แต่มันจะไม่เหมือนตรงที่โดมเนี่ยเขาจะเป็นครีเอทีฟรายการแปลก เรื่องที่แบบแปลกๆ แต่ว่าเป็นเรื่องจริงอะไรอย่างนี้ แล้วก็มารู้จักกับพี่นกในเรื่อง ทำให้รู้ว่าลูกของเขาเนี่ย ขังตัวเองอยู่ในห้องมา 5 ปีแล้ว ก็เลยต้องการที่จะพาลูกของพี่นกไปออกรายการทีวี"
ด้าน บี๋ บอกถึงความแตกต่างของบทบาทคุณพ่อในชีวิตจริงกับภาพยนตร์ว่า "มันก็แตกต่างกันบ้างครับ ในเรื่องเนี่ยโอเคเราเป็นคนที่รักลูก เป็นคนที่แบบคอยดูแลคอยห่วงใยอะไรอย่างนี้ แต่ว่ากับภรรยาจะไม่ค่อยกินเส้นกันเท่าไหร่ เจอกันเมื่อไหร่ก็แว้ดๆ ใส่กันทำนองนี้"
บี๋ ยังพูดถึงว่าถ้าเกิดในชีวิตจริงลูกตัวเองขังอยู่ในห้อง 5 ปีจะทำอย่างไร "ต้องบอกเลยครับว่าตอนที่รับเล่นเรื่องนี้ ทางทีมงานได้ติดต่อไปแล้วก็ เขาบอกว่านี่มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับโรคฮิคิโคโมริ เรียกยากเหมือนกันนะครับ ก็ถามว่ามันเป็นยังไง เขาบอกว่ามันเป็นโรคที่ชอบเก็บตัวคนเดียวอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์ ผมก็ เฮ้ย มันเหมือนชีวิตจริงของเราซึ่งลูกชายผมเนี่ยเป็นอะไรที่ชอบอยู่ในห้องคอมพิวเตอร์แบบนี้ เป็นหลายๆ ชั่วโมง สี่ ห้า ถึงหกชั่วโมง ครึ่งค่อนวันเต็มๆ ก็เลยมาคิดว่า โอเคอยากจะรู้ว่ามันเกิดจากอะไร"
ทางฝั่ง นก ก็พูดถึงเหตุการณ์นี้ว่าถ้าเกิดจริงๆ ก็น่ากลัวอยู่เหมือนกัน "น่ากลัวเหมือนกันค่ะ เพราะว่าตอนแรกลูกคนแรกก็จะเป็นอย่างนั้น คือแบบว่ากลับถึงบ้านก็จะชอบอยู่ในห้อง อยู่ในห้องตลอดเวลา เรียกมากินข้าวก็ลงมา แต่กว่าจะเคลื่อนตัวออกมาจากห้องได้ต้องใช้เวลา แต่เสร็จแล้วมันก็ผ่านไป ก็เลยคิดว่าเป็นเพราะวัยของเขา เหมือนกับว่ามีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น"
ผู้กำกับอย่าง เพื่อน ก็ออกปากว่ารู้สึกตื่นเต้น และพูดถึงบทภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "คือบทภาพยนตร์เรื่องนี้นะครับ เราได้มือเขียนบทแนวสยองขวัญที่มีแฟนๆ เยอะมาก ก็คือ คุณเอกสิทธิ์ ไทยรัตน์ นะครับ ซึ่งเขียนหนังแนวนี้ได้สนุก แล้วมันมีการ์ตูน จิตหลุด ซึ่งผมเป็นแฟนการ์ตูนเขา แล้วพอได้ฟังเรื่องราวที่ออกมา ผมก็เลยรู้สึกว่า เออ เอกสิทธิ์เนี่ย เหมาะที่จะเขียนเรื่องนี้ ผมก็เลยเชิญมา ซึ่งมันมีอะไรเหนือความคาดหวังเยอะฮะ ก็คือมันเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดเหนือจินตนาการ แม้กระทั่งผมเองผมยังรู้สึกว่า เออ เขาคิดได้"
ท้ายสุด เพื่อน ได้ฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้ว่า "ก็ขอฝากภาพยนตร์เรื่อง Who Are You ใครในห้อง เป็นงานอีกแบบหนึ่งซึ่งผมคิดว่าน่าจะสนุก นักแสดงทุกคนตั้งใจมากนะครับ แล้วก็ทีมงานทุกคนตั้งใจทำเรื่องนี้มาก ก็ขอฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วยครับ" ฝั่ง นก ก็กล่าวทิ้งท้ายว่า "ขอให้สนุกกับหนังนะคะ เพราะว่านี่ก็จะเป็นรอบแรกของนักแสดงทุกคนเหมือนกันที่จะได้ดูไปพร้อมๆ กัน ก็หวังว่าน่าจะระทึกขวัญอย่างที่เราพูดกันมาตลอดนะคะ"
ติดตามภาพยนตร์ระทึกขวัญ ใคร...ในห้อง ที่พร้อมให้ทุกคนมาค้นหาแล้วว่าหลังประตูบานนี้จะยังเป็นคนที่คุณรู้จักอยู่อีกหรือไม่ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ นี้ ในโรงภาพยนตร์