No Puedo Vivir Sin Ti โดดเด่นในงาน ม้าทองคำ ปี 2009

งานประกาศรางวัลทางภาพยนตร์ "โกลเดน ฮอร์ส อวอร์ดส์" (Golden Horse Awards) หรือม้าทองคำ ปี 2009 ผ่านพ้นไปเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ที่กรุงไทเป ไต้หวัน และในปีนี้ ภาพยนตร์ไต้หวันที่มีชื่อเป็นภาษาสเปนว่า "No Puedo Vivir Sin Ti" ซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษแบบตรงตัวได้ว่า I Can't Live Without You กลายเป็นภาพยนตร์ไต้หวันเรื่องแรกในรอบ 7 ปีที่ได้รางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจากงานนี้
No Puedo Vivir Sin Ti สร้างจากเรื่องจริงของคุณพ่อคนหนึ่งที่ต่อสู้กับทางการเพื่อให้ได้สิทธิ์ในการดูแลลูกสาวของตน โดยถ่ายทำเป็นขาวดำ และใช้ทุนเพียง 6 ล้านเหรียญไต้หวัน หรือ 187,500 เหรียญสหรัฐเท่านั้น นอกจากรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังกวาดรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมโดย "ไต้ลี่เหริ่น" บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมที่ผู้กำกับร่วมเขียนกับ "เฉินหยิงปิน" ปิดท้ายด้วยรางวัลภาพยนตร์ไต้หวันที่โดดเด่นแห่งปี
ไต้ลี่เหริ่น ยอมรับว่าเขารู้สึกแปลกใจกับความสำเร็จอันงดงามครั้งนี้ พร้อมทั้งกล่าวว่า "ผมอยากขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ ที่ปรึกษาของผม เอ็ดเวิร์ด หยาง และนักแสดงทุกคนในภาพยนตร์เรื่องนี้" นอกจากนี้ ผู้กำกับยังอุทิศความสำเร็จนี้แก่บ้านเกิดเมืองนอนของเขา โดยกล่าวขณะรับรางวัลภาพยนตร์ไต้หวันที่โดดเด่นแห่งปีว่า "ภาพยนตร์เรื่องนี้เติบโตขึ้นมาได้เพราะไต้หวัน มันได้ซึมซับพลังงานมาอย่างเต็มที่จากผืนแผ่นดินนี้ครับ"
รางวัลที่สร้างความแปลกใจมากที่สุด คือนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมที่มีผู้ชนะถึง 2 คน ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์รางวัลม้าทองคำที่มีมายาวนาน 46 ปี ผู้ชนะ ได้แก่ "จางเจียฮุย" กับบทบาทอดีตนักมวยที่ผันตัวมาเป็นอาชญากรลักพาตัวใน "The Beast Stalker" และ "หวงโป" จาก "Cow" ภาพยนตร์ตลกร้ายเกี่ยวกับชาวบ้านที่ปกป้องโคนมของเขาจากทหารญี่ปุ่นที่เข้ามารุกราน ซึ่งเรื่องหลังนี้ได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยมอีกด้วย
หวงโป กล่าวติดตลกขณะรับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมว่า "ผมอยากขอบคุณที่รักของผม แม่โคนมตัวโต เดี๋ยวจะกลับไปให้อาหารดีๆ นะจ๊ะ" ทางฟาก "หลี่ปิงปิง" จากภาพยนตร์จารกรรมระทึกขวัญ "The Message" เอาชนะคู่แข่งคนอื่นๆ รวมถึง โจวซวิ่น เพื่อนนักแสดงจากเรื่องเดียวกัน ขึ้นรับรางวัลนักแสดงนำฝ่ายหญิงทั้งน้ำตา โดยกล่าวว่า "ฉันไม่คาดคิดว่าจะได้รับการยอมรับเช่นนี้ ฉันไม่รู้จะพูดอะไรดี ฉันรู้สึกโชคดีจริงๆ ที่ได้มายืนที่นี่"
รางวัลสำหรับนักแสดงอื่นๆ ได้แก่ นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม ตกเป็นของดาราฮ่องกงรุ่นเก๋า "ฮุ่ยอิงหง" ในบทคุณแม่ตัวคนเดียวที่ลูกชายต้องโทษกระทำชำเราผู้อื่นใน "At the End of Daybreak" ส่วนนักแสดงสมทบชายและนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมนั้นมาจากภาพยนตร์ว่าด้วยอุปรากรจีนใน "Forever Enthralled" นั่นคือ "หวังเสวียฉี" และ "หยูเส่าฉิน" ตามลำดับ
"KJ: music and life" โดดเด่นไม่น้อยเช่นกัน เพราะคว้าไปได้ทั้งรางวัลภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม ตัดต่อยอดเยี่ยม และเทคนิคเสียงยอดเยี่ยม โดยผู้กำกับ "จางเจียงเวย" รับผิดชอบทั้ง 2 แผนกด้วยตัวเอง ส่วน "Face" ได้ไป 2 รางวัลคือกำกับศิลป์ยอดเยี่ยม และแต่งหน้าแต่งกายยอดเยี่ยม ขณะที่ภาพยนตร์รัก "Like A Dream" ของผู้กำกับชาวออสเตรเลีย "คลารา ลอว์" ซึ่งได้เข้าชิงสูงสุด 9 รางวัล ต้องกลับบ้านมือเปล่าไปอย่างน่าเสียดาย
ผลรางวัล Golden Horse Awards ประจำปี 2009
- ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: No Puedo Vivir Sin Ti
- ผู้กำกับยอดเยี่ยม: ไต้ลี่เหริ่น (Dai Li Ren หรือ Leon Dai) จาก No Puedo Vivir Sin Ti
- นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม: จางเจียฮุย (Cheung Ka Fai หรือ Nick Cheung) จาก The Beast Stalker และ หวงโป (Huang Bo) จาก Cow
- นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม: หลี่ปิงปิง (Li Bingbing) จาก The Message
- นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม: หวังเสวียฉี (Wang Xue Qi) จาก Forever Enthralled
- นักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยม: ฮุ่ยอิงหง (Wai Ying Hung) จาก At the End of Daybreak
- นักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยม: หยูเส่าฉิน (Yu Shao Qun) จาก Forever Enthralled
- บทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยม: ไต้ลี่เหริ่น (Dai Li Ren หรือ Leon Dai) และ เฉินหยิงปิน (Chen Wen Pin) จาก No Puedo Vivir Sin Ti
- บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม: ก่วนหู่ (Guan Hu) จาก Cow
- กำกับภาพยอดเยี่ยม: เฉายู่ (Cao Yu) จาก City of Life and Death
- ตัดต่อยอดเยี่ยม: จางจิงเหว่ย (Cheung King Wai) จาก KJ: music and life
- กำกับศิลป์ยอดเยี่ยม: หลี่เทียนเจวี๋ย (Lee Tian Jue) อแลง-ปาสกาล อูซิโอซ์ (Alain-Pascal Housiaux) และ ปาทริก เดอเชิส์น (Patrick Dechesne) จาก Face
- แต่งหน้าและแต่งกายยอดเยี่ยม: คริสติยอง ลาครัวซ์ (Christian Lacroix) หวังเจียฮุ่ย (Wang Chia Hui) และ อานน์ ดุนส์ฟอรด์ (Anne Dunsford) จาก Face
- ออกแบบฉากต่อสู้ยอดเยี่ยม: หงจินเป่า (Sammo Hung) และ เหลียงเสี่ยวสง (Leung Siu Hung) จาก Ip Man
- ดนตรีประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: โต้วเหวย (Dou Wei) และ ปี้เสี่ยวตี๋ (Bi Xiao Di) จาก The Equation of Love and Death
- เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม: For My Heart จาก Death Dowry แต่งดนตรีและคำร้องโดย เจิงเหยียน (Zeng Yan) ขับร้องโดย เถาหง (Tao Hong) และ ถันเหวยเหวย (Tan Wei Wei)
- วิชวลเอฟเฟกต์ยอดเยี่ยม: หวังเจี้ยนสง (Wang Jian Xiong) เฉินจิงหมิน (Chen Jing Min หรือ Jimmy Chen) และ หลี่ลี่ผิง (Li Liping) จาก Crazy Racer
- เทคนิคเสียงยอดเยี่ยม: จางจิงเหว่ย (Cheung King Wai) จาก KJ: music and life
- ภาพยนตร์สั้นยอดเยี่ยม: Sleeping With Her
- ภาพยนตร์สารคดียอดเยี่ยม: KJ: music and life
- ภาพยนตร์ไต้หวันที่โดดเด่นแห่งปี: No Puedo Vivir Sin Ti
- ผู้สร้างภาพยนตร์ไต้หวันที่โดดเด่นแห่งปี: หลี่หลงยู่ (Lee Lung Yue)
- ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมโดยนักวิจารณ์ (FIPRESCI Award): Yang Yang
- รางวัลผู้ประสบความสำเร็จในชีวิต: จี้หมิง (Ji Ming)
- รางวัลพิเศษ: จอร์จ หวัง (George Wang)