ร่วมย้อนรอยประวัติศาสตร์ปนความฮาใน ฟ้าใส ใจชื่นบาน
เปิดตัวกันไปแล้ว สำหรับภาพยนตร์อิงประวัติศาสตร์ "ฟ้าใส ใจชื่นบาน" ที่หยิบยกเอาเรื่องราวอีกด้านของเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 มานำเสนอ โดยมีผู้กำกับหน้าใหม่ ผู้ที่คร่ำหวอดอยู่วงในวงการโทรทัศน์มาหลายปีอย่าง "บิน - เกริกชัย ใจมั่น" ร่วมด้วยเหล่านักแสดง "บี - พิชญะ วัชจิตพันธ์" "เพลง - ร่มฉัตร ขำศิริ" "ที - สุรสิทธิ์ เอี่ยมโอภาสวงศ์" "ใหญ่ - ฝันดี จรรยาธนากร" และ "ค่อม ชวนชื่น" มาร่วมพูดคุยถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ เมื่อวันที่ 7 มกราคม ที่ผ่านมา บริเวณโรงภาพยนตร์ เอสเอฟเอ็กซ์ ซีนีม่า เซ็นทรัล ลาดพร้าว
เปิดงานด้วยการแสดงจินตลีลาประกอบเพลง "เพื่อมวลชน" จากนั้นก็มาเริ่มพูดคุยกับผู้กำกับและเหล่านักแสดง โดยผู้กำกับเล่าถึงจุดเริ่มต้นของภาพยนตร์ว่า "เริ่มต้นจากที่เราเคยกำกับรายการมาหลายปี แล้วผู้ใหญ่ให้โอกาสมีโปรเจกต์หนังโปรเจกต์นึง ในโอกาสที่จะได้ทำหนัง เราสนใจเหตุการณ์ 6 ตุลา 2519 ซึ่งเหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่เซนสิทีฟ ค่อนข้างที่จะอ่อนไหว
ถ้าคนดูแวบแรกของเหตุการณ์นี้จะเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่เคร่งเครียด แต่ว่าในข้อมูลของเหตุการณ์นี้ เราไปเจอเหตุการณ์ที่มันไม่น่าเชื่อว่ามันมีเรื่องที่สนุกสนาน ความน่ารัก ความตลก มีเรื่องของความรักของคนที่เข้าไปอยู่ในป่าในยุคๆ นั้น เราก็จับเหตุการณ์นี้มานำเสนอให้คนดูได้รู้จัก เป็นอีกมิตินึงของ 6 ตุลา 19 ซึ่งเราก็ไม่ได้ลบหลู่เหตุการณ์จริง เพราะเรารู้ว่าเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์และสำคัญกับคนไทย"
เมื่อถูกถามว่ากลัวจะได้รับผลกระทบจากการเอาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ มานำเสนอในมุมมองที่สนุกสนานหรือไม่ ผู้กำกับ ตอบว่า "ส่วนนึงเราบอกว่าเราไม่ได้ล้อเลียน เราไม่ได้เอามาทำเป็นเรื่องเหลวไหลไร้สาระ เราแค่เสนอมุมมอง 6 ตุลา 19 ในอีกมิตินึง ในมุมมองที่ทำให้คนดูรู้ว่าคนที่เข้าไปอยู่ในป่าเขามีเรื่องราวเหล่านี้อยู่จริง เราอยากให้คนดูรู้จักในอีกมิตินึง อีกแง่มุมนึงที่มันไม่ซีเรียส เรารีเสิร์ชข้อมูลเป็นปี ข้อมูลที่ดูเหมือนเป็นเรื่องตลก มุมตลกเราก็เอาเหตุการณ์พวกนี้มาร้อยเรียงเป็นเรื่องราว เราอยากทำสิ่งที่มีประโยชน์ที่ดูอารมณ์ดี เราก็เลยเอา 2 อย่างนี้มามิกซ์รวมกันระหว่างประวัติศาสตร์กับอารมณ์ขัน"
ผู้กำกับยังบอกถึงเหตุผลที่เลือกพระเอกนางเอก 2 คนนี้ว่า "เราไม่อยากให้เป็นดาราดัง ด้วยความที่ว่าคนจะเข้าถึงบทได้ยาก เพราะว่าคนที่เขามีชื่อเสียงดังมากๆ เขาจะมีภาพติดมา เป็นการยากที่คนดูจะอินเข้าไป เราอยากให้คนดูอินกับตัวละครเร็วที่สุด เราก็เลยใช้น้องๆ ที่ยังไม่ดังมาก อย่างน้องบีมีผลงานแค่เรื่องเดียว คือเรื่อง มหา'ลัย เหมืองแร่ แล้วก็ไปเรียนต่อที่อังกฤษ พอดีกลับมาบังเอิญได้เจอกับเขา ก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้พูดจาเหมือนคนโบราณ น้ำเสียงเหมือนคนสมัยก่อน ซึ่งเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ไม่พูดอย่างนั้น ส่วนน้องเพลงมีบุคลิกที่ตรงกับตัวละครที่เราเขียนไว้พอดี เขาเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงเหมือนตัวละครในเรื่องนี้ที่ต้องดูสง่า มีความมั่นใจ มีอุดมการณ์ ซึ่งตรงข้ามกับพระเอก บีเขาดูเป็นคนอารมณ์ดี"
ด้านพระเอก บี ที่หายไปเรียนต่อ กล่าวความรู้สึกที่ได้กลับมาเล่นภาพยนตร์อีกครั้งว่า "รู้สึกแปลกๆ เหมือนกัน ไม่คิดว่าจะได้กลับมาเล่นหนังอีก ดีใจที่ยังได้มีโอกาสได้มาเล่นตรงนี้อีก ในเรื่องเล่นเป็นก้อง ออกแนวกวนๆ พยายามเล่นให้เหมือนตัวเรา ไม่ต้องไปแอ็กติ้งอะไรมาก อารมณ์ต่างไหมต่างครับ ในเรื่องนี้ผมคิดว่ามันคล้ายกับตัวเองมากกว่า อย่างเรื่องที่แล้วเราเล่นเป็นคุณอาจินต์ (อาจินต์ ปัญจพรรค์) เหมือนกึ่งๆ อัตชีวประวัติ จะเล่นแหวกแนวมากก็เกรงใจเขา แต่เรื่องนี้เป็นคาแรกเตอร์ที่สร้างขึ้นมา เราสามารถใส่ความเป็นตัวเราลงไปได้มากกว่า"
ด้านนางเอกหน้าใหม่ เพลง พูดถึงการทำงานเรื่องแรกว่า "ก็ต้องปรับตัวพอสมควรในตอนแรกๆ แต่ว่าโชคดีที่ทีมงาน พี่ๆ นักแสดงทุกคนน่ารักมาก ก็เลยทำให้การทำงานเป็นไปได้ด้วยดี สนุกสนาน ก็เลยไม่เครียดค่ะ การถ่ายทำก็ค่อนข้างยาก เพราะว่าผู้กำกับละเอียดมากต้องการทุกมุม บุกป่าฝ่าดงกันตลอดเวลา ต้องการให้สมจริง อยากให้ภาพที่ออกมาสวยให้ได้มากที่สุด ก็เลยค่อนข้างยากนิดนึงค่ะ" ส่วน หมอที ทันตแพทย์หนุ่มที่ก้าวเข้ามาในวงการบันเทิงอีกคนก็บอกว่า "สำหรับผมเรื่องแรกก็ถือว่ายากนะครับ เพราะว่าไม่เคยแสดงมาก่อน แต่ว่าก็ตั้งใจเต็มที่"
เพลง ยังบอกความตั้งใจในการนำเสนอของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ตอนแรกก็กังวลเหมือนกันว่าถ้าเรานำเสนอไปในมุมมองที่เป็นตลก ความรัก ซะมาก จะทำให้บุคคลในประวัติศาสตร์รู้สึกไม่ดี แต่จริงๆ แล้วเราไม่อยากจะทำให้เกิดความรู้สึกนั้นเลย เพียงแต่ว่าเราอยากนำมุมมองของเหตุการณ์นั้นที่ยังไม่มีใครเคยเห็นออกมาให้ได้เห็นกัน เพราะว่าการใช้ชีวิตไม่ได้มีแต่ความเครียดเพียงอย่างเดียว การเข้าไปอยู่ในป่าก็มีความสนุกสนานเกิดขึ้น ก็อยากเอามุมมองนั้นมาให้ได้ดูกัน เหตุการณ์ที่อยู่ในเรื่องเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ก็เลยอยากฝากไว้ด้วยว่าจริงๆ แล้วเป็นหนังที่ไม่เครียด ดูได้ทุกคนทุกเพศทุกวัย ต้อนรับปีใหม่กับฟ้าใสใจชื่นบานนะคะ"
หมอที ฝากทิ้งท้ายว่า "หนังกำลังจะเข้าวันที่ 15 มกราคมนี้นะครับ ถ้าเกิดว่าสนใจอยากจะดูหนังแปลกแหวกแนวที่ไม่เคยมีมาก่อน รับรองว่าดูแล้วจะประทับใจ เพราะว่าจะมีฉากธรรมชาติสวยๆ ของเมืองไทย และเพลงที่เพราะ อยากให้ดูกัน ก็ได้ข้อคิดด้วย แฝงคติเอาไว้ว่าความสุขมันอยู่ที่ตรงไหน ก็ลองไปค้นหาดูว่าจริงๆ แล้วสิ่งที่เราทำกันอยู่ทุกวันมันใช่ความสุขรึเปล่า ลองไปดูครับ"
พบกับอีกหนึ่งแง่มุมของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ 6 ตุลาคม 2519 ที่มาพร้อมกับความสุขความสนุกสนานในภาวะตึงเครียดได้ใน ฟ้าใส ใจชื่นบาน วันที่ 15 มกราคม นี้ ในโรงภาพยนตร์