อบอุ่นหัวใจไปกับความรักในภาพยนตร์ ความสุขของกะทิ

"ความสุขของกะทิ" ภาพยนตร์ที่สร้างจากนวนิยาย ซึ่งได้รับรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน หรือ ซีไรต์ เมื่อปี พ.ศ. 2549 จากปลายปากกาของ "งามพรรณ เวชชาชีวะ" เป็นภาพยนตร์ที่พูดถึงเรื่องราวความรักความอบอุ่นในครอบครัวของสาวน้อยที่ชื่อ กะทิ ซึ่งเป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของ "เจน - เจนไวย์ ทองดีนอก" และได้สาวน้อย "พลอย - ภัสสร คงมีสุข" มารับบท กะทิ โดยเปิดตัวพร้อมกับฉายรอบปฐมทัศน์กันไปแล้ว เมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ผ่านมา

บรรยากาศในงานคราคร่ำไปด้วยสื่อมวลชนและแขกผู้มีเกียรติ รวมไปถึง "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรี น้องชายของเจ้าของบทประพันธ์ มาร่วมแสดงความยินดี เริ่มงานกันด้วยพิธีกร "คมสัน นันทจิต" ที่เป็นหนึ่งในนักแสดงของภาพยนตร์เรื่องนี้ พูดถึงความสำเร็จของหนังสือเรื่อง ความสุขของกะทิ ที่ประทับใจผู้อ่าน จนได้รับการแปลไปหลายภาษา ก่อนจะให้ "นภ พรชำนิ" ผู้ร่วมสร้างสรรค์ดนตรีและเพลงประกอบภาพยนตร์ออกมาขับกล่อมคนในงานด้วยเพลง "ความสุข"

จากนั้นมาถึงช่วงพูดคุย เริ่มจาก งามพรรณ เจ้าของหนังสือและร่วมเขียนบทภาพยนตร์ พูดถึงความรู้สึกที่ตัวอักษรได้มาโลดแล่นบนแผ่นฟิล์มว่า "รู้สึกดีใจ จากการทำงานแค่คนๆ เดียว มาวันนี้ ได้มีหลายๆ คนเข้ามาร่วมทำงานด้วย เราเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ทุกคนที่นั่งอยู่บนเวที ทุกคนที่อยู่ข้างล่าง พวกเราคิดตรงกันว่าอยากทำให้ ความสุขของกะทิ มีคนรู้จักมากขึ้นไปอีก" ส่วนผู้กำกับกล่าวว่า "อยากให้ทุกคนดำรงชีวิตอย่างมีสติแบบน้องกะทิครับ ที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร เข้าใจความเศร้า จริงๆ แล้วมันจำเป็นต่อชีวิต เพราะว่ามันจะทำให้เห็นความสุขง่ายขึ้น อยากให้ทุกคนมาร่วมกันมีความสุขแบบกะทิครับ"

ด้านเหล่านักแสดงที่รับบทเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของกะทิ ได้พูดถึงความประทับใจในภาพยนตร์เรื่องนี้แตกต่างกันไป เริ่มจาก "สะอาด เปี่ยมพงษ์สานต์" ผู้รับบท คุณตาของกะทิ บอกว่า "ความสุขของกะทิ ที่ผมได้มีโอกาสมาร่วมงานด้วย มันเหมือนเราไปรื้อฟื้นความรักที่เราเคยพบ เคยเห็น เคยประสบมา ได้นำกลับคืนมาสู่ชีวิตจริงในปัจจุบัน ซึ่งบ้านเราค่อนข้างจะขาดเรื่องความรักมากไปหน่อย ถ้าหากว่าใครก็ตามที่ได้ดูหนังเรื่องนี้ และเก็บความรักแบบในหนัง หรือความรักของกะทิไปใช้ ผมว่าคงจะเกิดประโยชน์กับสังคมไทยมากๆ เลย"

ในขณะที่ "ไมเคิล เชาวนาศัย" ที่รับบท ลุงตอง เล่าว่า "ในกองถ่ายที่ทำงานด้วยกัน สนุกดีครับ เหมือนอยู่บ้าน เราได้มีเพื่อนๆ มาอยู่ด้วยกัน เป็นครอบครัวที่ไม่จำเป็นจะต้องสวยหรูเพอร์เฟ็กต์อย่างที่วาดภาพกันไว้ เมื่อคนอยู่ด้วยกัน และมีความรักต่อกัน ครอบครัวก็จะเป็นแบบนี้ เรากินข้าวร่วมกัน นอนที่เดียวกัน เราก็ต้องรู้จักกันในระดับหนึ่ง" ส่วน "น้อย - กฤษฎา สุโกศล แคลปป์" ที่รับบทเป็น น้ากันต์ บอกว่า "ผมประทับใจทีมงาน นักแสดง โดยเฉพาะตัวเอก น้องพลอย มีพลังส่งมายังทุกคนได้ดีมาก ผมมีความสุขมากจริงๆ กับหนังเรื่องนี้ น้องพลอยเป็นคนน่ารัก สนุกกับงาน พวกเราทุกคนที่ได้แสดงกับเธอก็มีความสุข"

มาถึงสาวสวย "เชอร์รี่ - เข็มอัปสร สิริสุขะ" ที่นอกจากจะได้รับบทเป็น น้าฎา แล้ว ยังรับหน้าที่เป็นผู้ช่วยผู้กำกับอีกหนึ่งตำแหน่ง พูดถึงความประทับใจในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ประทับใจที่วรรณกรรมดีๆ ที่ได้รับรางวัลซีไรต์มาถ่ายทอดบนแผ่นฟิล์ม และที่สำคัญคือผู้เขียนวรรณกรรมเรื่องนี้ได้มาถ่ายทอดร่วมกับผู้ทำงานหนังด้วย และเราเป็นแฟนหนังสืออยู่แล้ว ทำให้สิ่งที่เราคิดเอาไว้ถูกถ่ายทอดออกมาค่อนข้างตรงใจมาก และดีใจที่หนังไทย เมืองไทย จะได้มีหนังที่เรียบง่าย ให้ความสุข ให้ความอบอุ่นกับหัวใจค่ะ"

สำหรับงานเบื้องหลังนั้น เชอร์รี่ เผยว่า "ต้องขอบคุณพี่เจนไวย์ค่ะ ที่ได้ให้โอกาสได้เรียนรู้เป็นผู้ช่วยผู้กำกับ ได้เรียนรู้อะไรมาพอสมควร เพราะว่าสนใจงานเบื้องหลังอยู่บ้าง" ในขณะที่ผู้กำกับ บอกว่า "ปกติผมจะดูดุครับ ผิวก็คล้ำด้วย ตอนทำงานก็เครียด ก็จะส่งเชอร์รี่ไปคุยกับช่างไฟ ช่างกล้อง คุยกับเด็กก็ง่ายขึ้น เพราะว่าคนน่ารักคุยกับใครก็สบาย" ส่วนนักแสดงเด็ก "ไอซ์ - นิธิศ โค้วสกุล" ซึ่งรับบท พี่ทอง กล่าวว่า "ตื่นเต้นมากครับ และดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์เรื่องนี้ ชอบพี่ๆ ทีมงาน ใจดี แล้วก็ชอบฉาก เพราะเป็นธรรมชาติมากครับ"

ส่วนผู้ที่มารับบทเป็น คุณแม่ของกะทิ อย่าง "นก - รัชนก แสงชูโต" ก็บอกว่า "ความสุขของกะทิ เป็นความสุขของแม่กับลูก เป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีข้อผูกมัด เป็นความรักที่ใสๆ อยากให้กะทิมาส่งความสุขให้กับทุกคนค่ะ" และ นก ยังได้พูดถึงความรู้สึกที่ได้เล่นเรื่องนี้ว่า "ประทับใจทุกอย่างเลยค่ะ น้องพลอยเล่นเก่งมาก นกไม่ได้เล่นภาพยนตร์มาเจ็ดปี ทุกอย่างดูใหม่หมดสำหรับนก และได้มาเจอกับนักแสดงเด็กๆ ตอนแรกเราคิดว่าเราจะต้องส่งแรง ส่งกำลังให้เค้า กลายเป็นว่าเค้าส่งกำลังให้เรา น้องพลอยช่วยได้มาก เค้าให้นกรับความรู้สึกที่เค้าเป็นลูกได้จริงๆ ค่ะ"

มาทางด้านสาวน้อยผู้รับบทบาทเป็น กะทิ กันบ้าง พลอย กล่าวว่า "วันนี้ตื่นเต้นและดีใจมากเลยค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้เป็นนักแสดงนำของเรื่อง" และสาวน้อยยังเล่าถึงฉากประทับใจว่า "เป็นฉากร้องไห้ค่ะ เพราะน้องพลอยตั้งใจเล่นเต็มที่และก็พี่ๆ นักแสดงทุกคนมาคอยช่วยดูแลหลายเรื่องๆ และมาบิวต์อารมณ์ให้ด้วยค่ะ"

ผู้กำกับ เจน พูดถึงฉากนี้ว่า "ประทับใจฉากนี้มาก ตอนถ่ายทำก็หลายเทกมาก ให้น้องวิ่งร้องไห้ ประมาณ 4-5 เทก ถ้าเป็นนักแสดงทั่วไป แค่วิ่งร้อยเมตรก็เหนื่อยแล้ว แต่น้องเค้าอดทนมาก ร้องไปวิ่งไป ผมก็ตะโกนเสียงดังมาก ให้น้องวิ่งถึงจุดนี้ น้ำตาต้องไหล แล้วล้มลงไป สักพักให้มองขึ้นไปและเงียบด้วย ซึ่งเด็กทั่วไปจะทำไม่ค่อยได้ เวลาร้องแล้วจะร้องไม่หยุด แต่เค้าจะฟังเสียงผมตลอด และสามารถกำหนดได้ด้วยว่าร้องและหยุดตรงไหน เป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก อยากให้ไปชมกันครับ"

เมื่อถามเจ้าของบทประพันธ์ว่า พลอย ตรงตามจินตนาการ หรือไม่ งามพรรณ ตอบว่า "ตรงค่ะ จริงๆ เคยพูดไว้ว่าไม่ได้เป็นห่วงเรื่องรูปร่างหน้าตามากกว่าบุคลิกนะคะ อยากเห็นเด็กที่มีความสดใส และสนใจเรื่องครอบครัว โดยเฉพาะสนใจความรู้สึกของคนที่อยู่ข้างๆ ที่ให้ความรัก และน้องพลอยก็ให้ความรักกับพวกเรา เพราะเป็นเด็กที่น่ารักค่ะ"

ผู้กำกับได้ฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ว่า "ขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกคน สื่อมวลชน ทีมงานทุกคน และคุณแม่ของผม อยากจะบอกทุกคนว่าความสุขแบ่งปันกันได้จริง หนังเรื่องนี้ก็จะเป็นบทพิสูจน์และเป็นตัวอย่างให้ทุกคนเห็น" ส่วนสาวน้อย พลอย บอกว่า "ขอบคุณพี่ๆ สื่อมวลชนที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ขอบคุณพี่ๆ นักแสดงด้วยค่ะ ช่วยสอนการแสดงให้น้องพลอยมากมาย และพี่ๆ ทีมงานที่คอยช่วยบิวต์อารมณ์และอยู่กับน้องพลอย ขอบคุณมากๆ ค่ะ"

และสุดท้าย เจ้าของหนังสือ ความสุขของกะทิ ทิ้งท้ายไว้ว่า "จริงๆ แล้วมีอะไรที่อยากจะพูดเยอะ แต่ดูเหมือนทุกคนจะลืมพระเอกคนหนึ่งไปเลย ซึ่งดิฉันนับถือท่านมาก ก็คือ เสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) ที่ทุกคนรู้จัก จะมีใครสักกี่คนที่คิดว่าหนังสือเล่มเล็กๆ เล่มนี้จะสามารถมาเป็นภาพยนตร์ได้ ภาพยนตร์ที่อวดผู้คนได้เต็มปากเต็มคำ ภูมิใจว่านี่คือหนังไทยของบริษัทคนไทย พวกเราทุกคนทำด้วยใจรักจริงๆ และเราอยากเห็นภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่ได้หยุดอยู่แค่ที่เมืองไทย อยากให้ไปไกลกว่านั้น

ทำให้ทุกคนรู้ว่านักเขียนคนหนึ่งสามารถสร้างงานระดับนี้ได้ และอยากให้งานเขียนของนักเขียนคนอื่นทำให้คนทำหนังคนอื่นๆ สนใจที่จะทำหนัง และเปิดประตูให้งานวรรณกรรมได้โลดแล่นไปอีกรูปแบบหนึ่ง คงไม่ฝากอะไรเกินความเป็นจริง อยากฝากให้คนดูหนังด้วยใจที่เปิดกว้าง เรายินดีรับคำวิจารณ์ทั้งหมด แต่ถ้าจะเป็นไปได้ อยากให้สุดท้ายแล้วทุกคนได้รับความสุขกลับไปจากการดูหนังเรื่องนี้ค่ะ"

ร่วมสัมผัสความรัก ความอบอุ่นจากครอบครัวของสาวน้อยกะทิได้ในภาพยนตร์ ความสุขของกะทิ เข้าฉายต้อนรับเทศกาลวันเด็ก ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมนี้ ในโรงภาพยนตร์