Funk Me การเดินทางครั้งใหม่ในเส้นทางดนตรีของ กอล์ฟ
นักร้องหนุ่ม "กอล์ฟ - พิชญะ นิธิไพศาลกุล" ก้าวหน้าไปอีกขั้น หลังจากส่งเพลงเดี่ยว "Funk Me (ฟังฉัน)" ออกมาเรียกเสียงฮือฮา และกำลังจะมีเพลง "Wrong พื้นผิดเบอร์" ตามมาเร็วๆ นี้ เจ้าตัวยังอยู่ในระหว่างการปลุกปั้นเปิดบริษัท พิชญะ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ จำกัด เพื่อรองรับการทำงานตามความชอบของตัวเองอีกด้วย
อยากรู้ว่ากระแสตอบรับเพลง Funk Me (ฟังฉัน) ที่มีมิวสิกวิดีโอแปลกตาและภาพลักษณ์ที่ดูแตกต่างจากเมื่อครั้งทำผลงานเพลงร่วมกับน้องชาย "ไมค์ - พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล" เป็นอย่างไรบ้าง "ก็โอเคนะครับ คือกอล์ฟทำงานสร้างศิลปะมากกว่า อยากสร้างสีสันใหม่ๆ ให้วงการเพลงไทย ให้มีแนวที่แปลกใหม่ กอล์ฟเอาฟังก์ผสมกับอิเล็กทรอนิกแล้วก็ทำเอ็มวี Funk Me ตั้งแต่ชื่อแล้ว ชื่อมันถ้าฟังผ่านๆ นึกว่าอีกคำหนึ่ง แล้วก็คือเอ็มวีด้วย อาจจะมีอาร์ตที่ไม่เหมือนคนอื่น อาร์ตที่แตกต่าง เป็นแบบแปลกๆ หน่อย มีขามาเต้นอยู่ตรงหน้าเรา มีจูบ มีเป้าระเบิด เอากีตาร์ตีเลือดสาดออกมาเป็นตัวโน้ต มีอาร์ตไดเร็กชันที่ชัดเจน ก็เลยน่าจะเป็นที่จับตามองของคนที่ชอบดูอะไรสร้างสรรค์หรือเอ็มวี กอล์ฟเห็นคนที่มาชมก็คือเขาจะรู้เรื่องดนตรีจริงๆ บางคนก็แบบเบสโคตรโหดเลย สำหรับนักดนตรีแล้วการสแลปเบสแบบในเพลงกอล์ฟ ค่อนข้างเป็นอะไรที่ถือว่าเลเวลยากเหมือนกัน เพราะมันเป็นฟังก์ที่สแลปอยู่ตลอดเวลา"
อีกอย่างที่อดไม่ได้ที่จะถามคือเรื่องเปิดบริษัท นักร้องหนุ่มวัย 27 ปี เล่าว่า "คือจริงๆ บริษัทคิดสุดท้ายเพราะเอ็มวีเสร็จ มันมาจากที่มาที่กอล์ฟรู้อยู่แล้วว่าพอไม่ได้ต่อสัญญาแกรมมี่ (จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่) มันต้องเริ่มเป็นข่าวแล้วคนต้องเริ่มถามว่า เอ๊ะ แล้วถ้าไม่ต่อกับแกรมมี่แล้วไปต่อกับใคร เพลงที่ออกมาออกที่ไหน ซึ่งกอล์ฟไม่ได้คิดว่าอยากไปออกกับใคร เพราะคิดว่าอยากลองทำอะไรที่เป็นของตัวเองดูครับ เหมือนก้าวไปข้างหน้าด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง ต่อให้ต้องเจออะไรก็ยังได้เรียนรู้ ถ้าเราพลาดเราล้มเราก็รู้ว่าตรงนี้ผิดนะเอากลับมาแก้ใหม่ มันทำให้เราโตขึ้นได้อย่างแข็งแรงครับ แล้วอีกอย่างหนึ่งคือเรามีคอนเน็กชันอยู่แล้ว ทำมาเป็น 10 ปีแล้ว"
เมื่อเอ่ยว่าตั้งบริษัทเป็นของตัวเอง แน่นอนว่าภาระต่างๆ เริ่มเยอะขึ้น แต่สำหรับผู้ชายคนนี้กลับไม่มองว่าเป็นเรื่องที่กดดัน "ศิลปินบางครั้งจะกดดันมากกว่า เพราะว่าจะโดนตีกรอบโดยค่ายว่าอันนี้ห้ามทำ สมมติถ้าคิดดูถ้ากอล์ฟยังอยู่ กอล์ฟไม่สามารถทำเป้าระเบิดได้ คนจะไม่เห็นภาพว่ากอล์ฟคิดอะไรอยู่ในหัวกอล์ฟ แต่เนี่ยกอล์ฟเห็นภาพว่าอาร์ตที่ออกมาไม่ใช่อะไรที่น่าเกลียด มันเป็นอะไรที่ยุคนี้คนชอบ อะไรที่แบบทะเล้นๆ แล้วคือตัวกอล์ฟเองก็ชอบทำอะไรแบบนี้อยู่แล้ว" ส่วนความคิดที่อยากจะปั้นใครมาเป็นศิลปินร่วมบริษัท กอล์ฟ บอกว่า "คือตอนนี้ใจก็อยากทำนะ เพราะกอล์ฟเห็น อัชเชอร์ (Usher) ก็ปั้น จัสติน บีเบอร์ (Justin Bieber) ขึ้นมาใช่ไหม โอ้โห ระเบิดระเบ้อเลย คือกอล์ฟมองว่าเราจะทำฐานของตัวเราเองให้แข็งแรงก่อน ก็เป็นฟีดแบ็กที่ดีว่าเอ็มวีเราออกมาดี มีคนมาจ้างให้เราครีเอตชิ้นงานใหม่ ก็แปลว่าคุณภาพของเราก็ไม่ได้แย่นะ ถ้ามันแย่คงไม่มีใครมาจ้างเราครับ"
ย้อนกลับไปประมาณ 10 ปีที่แล้ว หลายคนรู้จักนักร้องคู่พี่น้อง "กอล์ฟ-ไมค์" ที่ตอนนั้นดังมากจนถึงขั้นไปออกผลงานที่ประเทศญี่ปุ่น แต่หลังจากทั้งสองคนออกมาประกาศแยกตัวด้วยเหตุผลที่ว่าทั้งคู่มีแนวทางในเรื่องเพลงที่ต่างกัน จริงๆ หากได้ลองฟังเพลงของแต่ละคนแล้วจะรู้ว่าแนวทางของ กอล์ฟ และ ไมค์ แตกต่างเพียงเส้นบางๆ เท่านั้น กอล์ฟ อธิบายว่า "ของไมค์ไม่มีความเป็นฟังก์ขนาดกอล์ฟ ของไมค์จะเป็นอาร์แอนด์บีที่เป็นกลองหนักๆ ดนตรีข้างหลังมีเสียงซินธ์น้อยๆ แต่ของกอล์ฟจะมีกีตาร์สับ มีอิเล็กทรอนิก คือกอล์ฟอ่ะฟังก์ที่ผสมอิเล็กทรอนิกนิดนึง ผสมแบบดับสเต็ป เน้นดนตรีสดมากกว่า คือถ้าพูดถึงของไมค์น่าจะไปโซน เจย์ ปาร์ก (Jay Park) แทยัง (Taeyang) ฟีลๆ นั้น ถ้าพูดของกอล์ฟก็ มารูน ไฟว์ (Maroon 5) มีเส้นบางๆ อยู่นิดนึง ถ้าทำเพลงกลางๆ ก็อาจจะไปพอได้ แต่ถ้าทำเพลงเร็วอ่ะมันจะยาก แต่ก็อาจจะได้ฮิปฮอปกับฟังก์ อาจจะทำได้แต่ว่าต้องทำให้ลงตัวครับ"