โดม ดึงตัวตนเรียบง่ายไม่ได้ประดิษฐ์ใส่เพลง คิดถึง
หลังจากที่ "โดม - ปกรณ์ ลัม" หันมาทุ่มเทกับงานด้านการแสดงอย่างจริงจัง ทั้งงานละครและละครเวที ในเวลาเดียวกันกับที่วง "โนโลโก้" (Nologo) ที่ โดม เป็นสมาชิกอยู่ ตัดสินใจประกาศแยกวงอย่างเป็นทางการ ทำให้หลายๆ คนคงจะอดคิดไม่ได้ว่าจะไม่เห็นมาดนักร้องของหนุ่มคนนี้อีกแล้ว ซึ่ง โดม เล่าว่า
"มีหลายคนนะคิดว่าผมจะเลิกทำเพลง เห็นผมไปเล่นละคร ผมบอกว่าเลิกไม่ได้เลย มันเป็นเหมือนส่วนนึงของชีวิตผมเลย ไปถ่ายโฆษณาไปทำอะไรก็แล้วแต่เป็นการไปใช้แบต ทำเพลงเป็นการชาร์จแบต สนุกทำแล้วไม่เหนื่อย อัดได้ทั้งวัน ออกคอนเสิร์ตเหมือนเราได้ไปซึมซับปฏิกิริยาความรู้สึกของผู้ชม ไม่เหมือนเล่นละคร เล่นไปคนดูทีวีอยู่ที่บ้าน เราก็ไม่รู้ว่ารีแอ็กชันเขาเป็นยังไง แต่ไปเล่นคอนเสิร์ตเห็นกันจะๆ คนสนุกก็รับเต็มๆ มันคิดถึงบรรยากาศเหล่านั้น คิดถึงจริงๆ"
ส่วนแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง "คิดถึง" ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มเดี่ยวในรอบ 10 ปี มาจากการย้อนนึกถึงวันเก่าๆ เพื่อค้นหาตัวตนที่เรียบง่ายของตัวเอง "ผมรู้สึกคิดถึงวันคืนที่ยังหอมหวน เทปขายได้เป็นล้านๆ ทำไมฝนตกคนก็ยังดูคอนเสิร์ตกันอยู่ ก็เลยเป็นที่มา พอรวบรวมทีมได้ เราก็คิดกันว่าเราจะทำแบบไหน อันดับแรกอยากหาโจทย์ใหม่ๆ ก่อน ตอนแรกที่คิดกัน จะใหม่ไปไหน ทุกคนเห็นโดมมาทุกแบบ ทุกมุมจริงๆ ตั้งแต่เป็นนายแบบ เห็นโดมมาทุกลุกส์ทุกภาพ จะเป็นป๊อปจะเป็นร็อก แต่สิ่งนึงที่คนไม่เคยเห็นผมมาตั้งนานแล้วก็คือความเป็นผมจริงๆ ก่อนที่ผมจะเดินทางมาถึงวันนี้ ถือว่าเดินมาพอสมควรนะ 15 ปีในวงการเพลง ก่อนที่ผมจะถูกเติมแต่ง ผมเคยเป็นยังไงมา ทุกคนถามหมดเลยว่าจริงๆ โดม - ปกรณ์ ลัม เด็กชาย ปกรณ์ ลัม เป็นยังไง
ก็ย้อนไปหาอะไรเก่าๆ มาดู ไปเปิดรูปติดบัตร ไปดูเสื้อผ้าเก่าๆ ทำไมโมเมนต์นั้นเราเลือกซื้อเสื้อผ้าแบบนี้ เราแต่งตัวแบบนี้ เราคิดแบบนี้ ดูรูปแฟนเก่า พูดกันตรงๆ เลยทุกคนมีผลหมด ผมว่าเป็นทุกโมเมนต์ที่หล่อหลอมให้โดมเป็นวันนี้นะ ถ้าเราไม่เลิกกับเขาแบบนั้น เราไม่ไปทำเขาเสียใจแบบนั้น เราก็คงไม่มีมุมมองในความคิด ดูรูป กลับไปเห็นของที่แฟนคลับให้ ความพิถีพิถันของความรู้สึกของคนมีคุณค่ามากกว่าสิ่งที่ฉาบฉวย ณ ตอนนี้ที่แค่กดเอนเตอร์ ไม่ชอบใครก็กดดีลีต อยากหนีอดีตก็ปิดแอกเคานต์เฟซบุ๊กซะ รู้สึกว่ามันไม่มีคุณค่า มันฉาบฉวยมากเลย อันนี้เลิกฮิตก็ทำอันนั้น เหมือนกันกับเพลง ไม่เหมือนสมัยก่อนตรึงตาตรึงใจ ก็นี่แหละถูกทาง ทุกคนคิดอย่างนั้น"
โดม เผยว่า คิดถึง เป็นเพลงในแนวป๊อปร่วมสมัย "ผมว่ามันเท่นะ มีความเท่ในตัวมันเอง คงไม่ใช่เพลงที่ตั้งหน้าตั้งตามาให้ร้องฮิตติดทั่วบ้านทั่วเมือง ไปคาราโอเกะร้องเพลงนี้คงไม่ใช่ เป็นเพลงที่ผมว่าฟังแล้วทุกคนน่าจะรู้สึกดีได้ เป็นเพลงที่อิ่มเอิบ ฟังแล้วอิ่ม" ก่อนจะกล่าวเสริมว่า "คนบอกว่าเพลงนี้มีความเป็นอิเล็กทรอนิกส์ ผมว่าเพลงป๊อปเดี๋ยวนี้มีอิเล็กทรอนิกส์หมดแหละ เป็นซาวนด์ร่วมสมัยแค่นั้นเอง แต่เนื้อหาความรู้สึกที่เราส่งไปมันป๊อปมาเลยนะ เธอรู้ไหมเธอยิ้มแล้วโลกมันสดใส อยู่กับฉันนะอยู่นานๆ ความรู้สึกไม่ได้ประดิษฐ์ ไม่ได้จับต้องยาก ไม่ใช่ฟังแล้วต้องฟังอีกว่ามีนัยอะไร ร้องอะไร สื่อสารตรงๆ ฟังรู้เรื่องอยากเล่าเรื่องเหมือนคนธรรมดาเล่าบ้าง จริงๆ แล้วโดมก็มีโหมดแบบนั้น เพียงแต่ว่าอาจจะมีภาพมีฉายาอะไรที่ยังครอบผมอยู่ จริงๆ แล้วผมก็เป็นคนๆ นึงซึ่งมีปม มีรัก มีเกลียด มีมุมอะไรเหมือนกัน มีสิ่งที่ทุกๆ คนก็เป็น"
นักร้องหนุ่มเผยถึงการถ่ายทำมิวสิกวิดีโอว่า "อย่างมาถ่ายมาเอ็มวีกัน โลเกชันง่ายๆ เลยครับ ยืนซิงก์กันบนริมถนนเพชรบุรี ผมว่าด้วยมุมกล้อง ด้วยความจริงใจ กลับทำให้รู้สึกว่ามันสวย ดูแล้วทุกๆ คนบอกสวยดีเนอะ ไม่คิดว่าเพชรบุรีตัดใหม่มีเสาไฟฟ้า มีโปสเตอร์แปะข้างถนน แต่มันก็สวยได้ ในฃณะที่บางอันคล้ายกับยัดเยียดไปหมด ซีจีเต็มไปหมด แต่ออกมากลับน้อยในเรื่องของความรู้สึก"
ในเรื่องภาพลักษณ์ของอัลบั้ม โดม ก็ไม่ห่วงหล่อ เพราะต้องการนำเสนอตัวตนจริงๆ ที่เป็นอยู่ "ไม่เน้นปรุงแต่งอะไรมาก ชุดนี้เราพยายามเมกอัพให้น้อยที่สุด แต่ก็ไม่ใช่พยายามโทรมนะ มีบางคนพยายามบอกว่าเซอร์ไปเลย ก็ไม่ใช่ผมนะ ผมเอาสิ่งที่ผมแต่งออกจากบ้าน เสื้อผ้าเอามาเองไม่มีสไตลิสต์ ผมก็ง่ายๆ เซตอย่างที่ตัวเองเซต ไม่ต้องไปร้านตัดผมคิดทรงอะไรใหม่ๆ ท้ายที่สุดแล้วสิ่งที่ทุกคนต้องการคือเห็นในสิ่งที่ผมพูด ได้ยินในสิ่งที่ผมร้องมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่พอมองไปแล้วมาติดอยู่ที่ว่าโดม อยากให้ทุกๆ คนได้ยินว่าผมร้องอะไรมากขึ้น
ภาพถ่ายในชุดนี้จะไม่มีการไปถ่ายสตูดิโอ จัดแสงไม่มีเลยครับ เราให้ตากล้องที่เขาเก่งเรื่องการถ่ายภาพแบบสตรีตตามผมไปทุกที่แล้วก็สแนปๆ ไปเวียดนาม ไปต่างจังหวัด ไปทัวร์คอนเสิร์ตกับผมเลย สแนปมาได้ภาพที่คนไม่เคยเห็น ภาพเหม่อ หัวเราะ ภาพที่มนุษย์เขาเป็นกัน ไม่ใช่ภาพก้มหน้าไม่ใช่มุมนั้นแล้ว ซึ่งภาพเหล่านั้นผมเชื่อว่าคนเห็นผมมาทุกมุมแล้ว"
โดม เปรยไม่ได้คาดหวังกับการกลับมาทำอัลบั้มเดี่ยวชุดนี้ว่าจะต้องดัง แต่ขอให้ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักก็พอ "ผมก้าวผ่านเรื่องของชื่อเสียงหรือเงินทองตรงนั้นมาแล้วนะ ผมทำงานเพลงทุกวันนี้เป็นบทพิสูจน์ว่าผมรักมัน จริงๆ 10 กว่าปีที่ผมยังย้ำกับตรงนี้ว่าผมจะทำๆ ก็เป็นข้อพิสูจน์ในหลายบทตรงนี้ ผมยังรักและยังทำตรงนี้ต่อไป เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่ผมทำเพื่อเงินทอง ด้วยเพราะอยากดังคงไม่ใช่แล้วครับ ทุกวันนี้ทำด้วยความรักแล้วครับ มันคงง่ายขึ้น สบายขึ้น ชีวิตเดินช้าลง ด้วยทั้งวัยทั้งประสบการณ์ทุกอย่าง คงไม่ได้ฉาบฉวย ไม่ได้ง่ายๆ สุกเอาเผากิน ผมว่าเป็นเรื่องของความตั้งใจมากกว่า
จริงๆ ชุดนี้ผมไม่ได้คาดหวังในเชิงของอะไรเลย นอกเหนือจากว่าผมอยากทำให้เป็นเหมือนโปรไฟล์ในชีวิตผม ผมว่ามันสำคัญด้วยช่วงเวลาที่ผมพร้อมขณะนี้ วิธีคิดโตพอที่จะทำอะไรบางอย่างที่น่าจะติดตัวผมไป ผมต้องตั้งใจทำให้ดี เหมือนช่วงตอนที่ผม 19-20 คือทางแยกในชีวิตผมครั้งนึง ปีนี้ผม 30 แล้วผมถึงทางแยกอีกทางแยกนึง ซึ่งผมจะต้องตอกย้ำความชัดเจนทั้งในเรื่องวิธีคิด และจุดยืนของผมแล้วว่าจากนี้ผมจะไปไหนต่อไป แล้วผมจะเป็นอะไร นี่คือสิ่งที่ผมเลือกจริงๆ"