บทสัมภาษณ์ อี๊ด ที่พร้อมบินเดี่ยวร็อกเขย่าเวทีในมาดเดิม
กลับมาในมาดเดิมของ "อี๊ด" วงฟลาย แต่คราวนี้เขามาคนเดียวในชื่ออัลบั้ม "ID บินเดี่ยว" หลังจากนอกรอบเป็นลูกทุ่งไป 4 อัลบั้ม ก็ได้ฤกษ์กลับมาร็อกเขย่าเวทีให้แฟนๆ ได้มันกันอย่างเคยด้วยเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้ชายคนนี้อีกครั้ง
พูดถึงอัลบั้ม ID บินเดี่ยว
"อัลบั้มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นกลิ่นอายแบบเดิมๆ คนเขียนเพลงก็ชุดเดิม ภาษาเพลงก็เหมือนเดิม"
ทำไมถึงออกมาในรูปแบบเดิม เหมือนตอนที่ยังเป็นวงฟลาย
"ก่อนทำเรามานั่งคุยกันว่าจะใช้แนวคิดฉีกหนีไปจากแบบเดิมๆ หรือเปล่า ก็มามองว่าในชุดเก่ามันก็มีส่วนดีๆ ตรงที่เนื้อเพลง ที่ดนตรี ก็ไม่อยากให้มันหายไปหลังจากที่แยกวงกันไป ก็เลยอยากจะให้อะไรที่มันมีอยู่ในฟลายยังคงอยู่"
กลัวไหมว่าคนจะเบื่อ เพราะออกมาแนวเดิมๆ
"พี่เป็นคนไม่ค่อยกลัว ไม่ได้หวังว่าจะต้องกลับมาดังอีก พี่จะไม่เป็นคนคิดมาก ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่เสี่ยงไปทำงานนอกรอบแน่ๆ เพราะมันเสี่ยงมากกับเพลงลูกทุ่ง ถ้าคนไม่ยอมรับแล้วพี่กลับมาร้องร็อกก็ดับเลย ในการทำงานพี่สบายใจที่ได้ทำมากกว่า เพราะในการทำงานที่ผ่านมาพี่มีผู้ใหญ่คอยให้คำปรึกษาที่ดี"
ใช้เวลาในการทำงานเพลงชุดนี้นานเท่าไร
"2 ปีกว่าๆ เริ่มทำมาตั้งแต่ก่อนชุดนอกรอบ แต่คิดว่าน่าจะทำงานที่มันแปลกๆ มากขั้น เป็นงานก้อนเดียวแต่ได้มาถึง 4 ชุด (นอกรอบ) จริงๆ แล้วในการทำเพลงออกมาสักอัลบั้มหนึ่งนี่จะใช้เวลาอย่างน้อยเลยก็ประมาณ 6 เดือน ถ้ามันไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่ผมไปนอกรอบมาก็เลยใช้เวลาทำนาน"
ในชื่ออัลบั้มคำว่า ID หมายความว่าอะไร
"ID มันก็ตรงกับหลายๆ อย่าง เช่น บัตรประชาชน หรือ Independence ก็เก๋ดี แต่จริงๆ แล้วก็คือ อี๊ด แต่จริงๆ แล้วชื่ออี๊ดน่าจะเขียนว่า Eed มากกว่า แต่ผมใช้ ID เซ็นต์เป็นลายเซ็นมาตั้งแต่อัลบั้มชุดแรกแล้วก็เลยใช้แบบนี้"
มีส่วนร่วมอะไรบ้างในการทำอัลบั้มชุดนี้
"ช่วยค้นหาแนวคิด ก่อนที่จะตกลงว่าจะใช้แนวเดิม ตอนทำงานก็ช่วยบอกเขาว่าเกี่ยวกับสิ่งที่เราต้องการ คิดว่าอะไรที่เป็นของใหม่น่าจะเติมในอัลบั้มก็เอาเข้ามาใส่ไว้ แนวเพลงของฟลายเป็นเพลงแนววาไรตี้ ไปได้ตามสมัย อัลบั้มนี้ก็ยังคงเป็นอย่างนั้นอยู่ อย่างสมัยนี้วัยรุ่นชอบดนตรีที่มีแสคลชแผ่น พี่ก็เอาเข้ามาใส่ไว้ในอัลบั้มด้วย เป็นแบบร็อกๆ"
คิดอยากเขียนเพลงเองบ้างไหม
"จริงๆ แล้วอยากเขียนเพลงเองด้วย แต่ช่วงนี้พี่อี๊ดยังเรียนอยู่เลย เรียนเกี่ยวกับเรื่องเพลงนี่แหละ ประสบการณ์ที่ผ่านมา 7-8 ปีก็พอมีความรู้อยู่บ้าง เรื่องแต่งเพลงก็อาจจะเป็นชุดหน้า เพราะตอนนี้กำลังเรียนรู้อยู่"
จากที่เคยทำกับเพื่อนร่วมวง แต่ตอนนี้ต้องมาทำคนเดียวเหงาไหม
"ไม่เลย บรรยากาศการทำงานก็มีเพื่อนๆ วงฟลายเข้ามาช่วย อย่างวงแท็กซี่เขาก็มาช่วยกัน จริงๆ วงฟลายเราก็ยังอยู่รวมกันเป็นก้อน"
ทำงานคนเดียวต่างจากการทำงานเป็นกลุ่มอย่างไร
"ง่ายขึ้น เพราะเราทำคนเดียวจะตัดสินใจอะไรมันก็ง่าย อยากได้อะไรก็ไปคุยกับโปรดิวเซอร์เอา"
เรื่องเสื้อผ้า เครื่องประดับ คิดอย่างไรถึงยังคงเป็นรูปแบบเดิม
"สำหรับตัวพี่ ถึงอย่างไร จะใส่อย่างไรก็เป็นแบบนี้ ถ้าตราบใดที่พี่อี๊ดยังไม่มีผม และใส่แว่นอยู่ มันกลายเป็นสัญลักษณ์ของตัวพี่ไปแล้ว
อย่างชุดก่อนๆ ก็นึกสนุกอยากลองเพ้นท์ที่หัวก็ได้เป็นลายกนก เพราะตอนนั้นเป็นยุคมิลเลเนียมก็เลยอยากทำลายกนกให้วัยรุ่นคิดถึงอะไรที่มันเป็นไทยๆ สำหรับชุดนี้ก็เพ้นท์ที่คอ ใช้สีขาวไม่อยากให้เป็นสีดำ เพราะจะดูแล้วเหมือนรอยสัก ส่วนลายเป็นความรู้สึกมันไปกับเพลง นึกสนุกขึ้นมาก็เลยทำไม่ได้เจาะจงว่าให้มันสื่อความหมายอะไร ส่วนเรื่องแว่นตาที่ใส่เพราะเป็นคนชอบแว่นอยู่แล้ว เวลาไปเจอแบบแปลกๆ ก็จะซื้อเก็บไว้"
ในอัลบั้มชอบเพลงไหนบ้าง
"ในอัลบั้มพี่ชอบหลายเพลงมาก คือ เพลงสนุกๆ ที่น้องๆ วัยรุ่นชอบเราก็ยังมีอยู่ เพลงเศร้าๆ แนวที่ฟังง่ายๆ ที่เป็นของคนฟังกลุ่มใหญ่เราก็มี และเพลงแนวกลางๆ แบบกวนๆ เราก็ยังมีอีก งานชุดนี้เป็นงานที่ค่อนข้างหลากหลายแบบแนวเพลงที่เป็นวงฟลาย เรามั่นใจว่าเพลงแนวเหล่านี้ยังขายได้"
ใน 10 เพลงมีเพลงไหนบ้างที่ตรงกับตัวเอง
"จริงๆ แล้วไม่มีเลยครับ เพราะตัวพี่เองไม่ค่อยมีเรื่องราวอะไรในตัวเอง เนื้อหามันจะเป็นเรื่องรอบๆ ตัวของคนทั่วไปมากกว่า เพลงจะเป็นตัวออกมาเตือนคนมากกว่าอย่างเพลง น้องครับ เป็นเพลงสอนน้อง สอนแบบไม่จริงจัง เตือนแบบสนุกๆ ติดตลก"
เวลาทำงานเพลงพี่นึกถึงคนฟังก่อนหรือว่าดูจากตัวเองเป็นหลัก
"แน่นอน เราต้องนึกถึงคนฟังก่อน เพราต้องดูว่าตอนนี้คนดูชอบแบบไหน แนวแบบอี๊ดวงฟลายยังขายได้อยู่หรือเปล่า"
มีโชว์คอนเสิร์ตเมื่อไร
"เดือนหน้า เพราะพี่มีกลุ่มแฟนเพลงที่ติดตามผลงานอยู่แล้ว อย่างคอนเสิร์ตนอกรอบที่ผ่านมาก็มีแฟนร็อกได้ไปชมกันแล้วเขาขอเพลงมา พี่ก็เลยต้องร้องร็อกด้วย มันปะปนกันไป คิดว่าเขาติดตามที่ตัวพี่มากกว่าแนวเพลง"
เวลาเล่นคอนเสิร์ตมีคนตีกันไหม
"มันเป็นเรื่องปกติไปแล้วของเรื่องวัยรุ่นที่มาคอนเสิร์ตเพลงร็อก พี่ก็ไม่ได้ห้ามอะไรให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดีกว่า พี่ก็ร้องต่อไป"
อยู่ในวงการมานานพี่มีจุดยืนอย่างไร
"พี่จำได้ตั้งแต่อัลบั้มแรก ตั้งแต่เข้ามาในบริษัท พี่ยกมือไหว้ใครคนแรกพี่ยังจำได้ ทุกวันนี้ก็ยังทักกันอยู่ ในการทำงานมันมีหลายฝ่ายตั้งแต่ผู้ใหญ่ไปถึงคนยกน้ำ พอเราดังแล้วไม่ใช่ลืมตัว คนยกน้ำก็เป็นหนึ่งในทีมงานที่ช่วยให้งานเราเป็นไปด้วยดี ทำให้เรายังดูดีได้ มันเป็นสิ่งที่หลายคนมองข้าม พี่คิดว่าทุกคนที่ทำงานให้เราเขาเป็นเพื่อร่วมงาน"
ถ้ามีโอกาสจะกลับไปร้องเพลงลูกทุ่งอีกไหม
"ไม่ดีกว่า พูดถึงเรื่องรายได้ พี่ได้มากกว่างานเพลงชุดก่อนๆ เพราะเพลงลูกทุ่งตลาดค่อนข้างใหญ่ แต่พี่ว่าทำงานแบบเดิมดีกว่า ตอนไปร้องเพลงลูกทุ่งก็คือเอาแนวของเราไปใส่ในเพลงลูกทุ่ง แต่จริงๆ อย่างไรก็ยังคงเป็นแนวของวงฟลายอยู่ เพราะพี่ชอบเพลงร็อก ในชุดหน้าพี่ตั้งใจว่าจะแต่งเพลงเองให้ได้อย่างน้อย 1 เพลงที่ยังไม่ได้ทำในอัลบั้มนี้ ก็เพราะพี่เป็นคนที่ไม่แน่ใจอะไรแล้วคือยังไม่มั่นใจจะไม่ทำ
สุดท้ายแล้วก็อยากจะบอกกับทุกๆ คนว่าดีใจที่ได้มีอัลบั้มที่ตัวเองอยากจะให้มาถึงวันนี้นานแล้ว ทุกๆ คนตั้งใจที่จะทำงาน เราไม่ได้เน้นแค่ 2-3 เพลงให้ติดตลาดแล้วคนก็ซื้อกัน เราเน้นทั้ง 10 เพลง ต้องลองฟังดู ที่สำคัญต้องขอบคุณกำลังใจจากแฟนๆ ด้วยที่ถามถึงผลงานมาตลอด"
