1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

พอลลี่ วิวาห์หวาน ให้สัญญาจะรักและดูแลกันตลอดไป

พอลลี่ วิวาห์หวาน ให้สัญญาจะรักและดูแลกันตลอดไป

นักแสดงสาว "พอลลี่ - พรพรรณ สิทธินววิธ" และหนุ่มนักธุรกิจ "เบนซ์ - รัฐพงษ์ รัตนหิรัญญา" ถือฤกษ์ดีสละโสดอย่างเป็นทางการ ควงคู่กันเข้าพิธีหมั้นตามประเพณีไทยกันไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2559 ท่ามกลางญาติผู้ใหญ่และคนสนิท จากนั้นวันที่ 9 ธันวาคม 2559 ได้จัดงานฉลองมงคลสมรสและเข้าพิธีแลกแหวนวิวาห์แบบคริสต์ ท่ามกลางบรรยากาศสุดอบอุ่น ณ เบเนดิกต์ สตูดิโอ โดยก่อนที่พิธีการจะเริ่มต้นขึ้น คู่บ่าวสาวได้เปิดใจถึงเรื่องราวความรักแสนหวาน ที่แม้จะใช้เวลาบ่มเพาะไม่นาน แต่ก็พร้อมอยู่เคียงคู่กันในฐานะครอบครัว

พิธีการของวันนี้มีอะไรบ้าง

เบนซ์ "ในส่วนของพิธีก็คือเราจะมีพิธีคริสต์ เสร็จแล้วเราก็จะเข้ามาที่ห้องนี้เพื่อทำการถ่ายรูปกับแบ็กดรอปที่สวยงาม หลังจากแบ็กดรอปแล้วก็จะมีในเรื่องของซิตดาวน์ดินเนอร์ครับ"

เหตุที่จัดพิธีแบบคริสต์เพราะอะไร

พอลลี่ "คือจริงๆ ของพอลลี่ค่ะ คุณแม่ก็คือนับถือแล้วก็เชื่อ ตัวพอลลี่ก็จะรับทราบรับรู้ตั้งแต่เด็ก แต่เรายังไม่ได้รับ เหมือนรับเชื่อ เพราะเราก็ยังไหว้พระพุทธรูป แล้วเรายังนับถือพระพุทธเจ้าอยู่ เราก็เลยเหมือนมีความเชื่อทั้ง 2 ศาสนา แต่ว่าเราก็คุยกันว่าเหมือนพิธีคริสต์ก็เป็นพิธีหนึ่งที่เวลาเราแต่งงาน ก็เป็นพิธีเดียวที่พระเจ้าลงมาให้คำอวยพร เราก็รู้สึกเป็นพิธีศักดิ์สิทธิ์ แล้วเราก็รู้สึกว่าถ้าเราจะดำเนินชีวิตคู่แล้วเราเริ่มต้นสิ่งดีๆ ก็น่าจะเป็นพิธีนี้ แล้วเราก็ชอบด้วย"

เบนซ์ "อีกส่วนหนึ่งก็คือว่าทางเราสองคนเนี่ยครับ เราก็ปรึกษากัน เราก็คุยกันว่า เอ๊ะ เราจะอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวแล้วนะ การเป็นครอบครัวกันเนี่ย ไม่มีโรงเรียนที่เราจะไปเรียน แล้วก็ประสบการณ์ที่เรารับทราบมาเกี่ยวกับครอบครัว ก็จากการที่เราเห็นพ่อแม่เรา เราดูพ่อแม่เราเป็นตัวอย่าง ทีนี้เราก็คุยกันว่า มันมีคำสอนอะไรไหมที่จะช่วยให้เราเกิดสติปัญญา ในเรื่องของการใช้ชีวิตครอบครัวร่วมกัน เราก็ลองหาดูว่ามีไหม ก็ปรากฏว่าเราก็พบในศาสนาคริสต์ว่าจะมีการพูดเกี่ยวกับเรื่องการครองเรือน การอยู่ด้วยกันอย่างครอบครัว การให้อภัยซึ่งกันและกัน การรักกันโดยปราศจากเงื่อนไขครับ ก็จึงได้เรียนเชิญทางศาสนาจารย์ธงชัย ประดับชนานุรัตน์ ให้มาช่วยทำพิธีให้ครับ แล้วก็ทางศาสนาจารย์ก็ช่วยให้คำปรึกษาแก่เรา สอนเราเกี่ยวกับเรื่องการใช้ชีวิตคู่ครับ"

ตอนนี้เปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์ใช่ไหม

พอลลี่ "ก็คือว่านับถือค่ะ แต่ยังไม่ได้รับเชื่อ ก็คือตัวพอลลี่ พอลลี่ไม่ได้เชิงว่าเปลี่ยนซะทีเดียวนะคะ เพราะว่าด้วยส่วนตัวเราก็เชื่อแล้วเราก็ศรัทธาอยู่แล้ว แต่ว่าเราแค่ยังไม่ได้รับเชื่อ ทีนี้ก็ต้องดูต่อไปว่าเหมือนเราเลือกที่จะรับเชื่อไหม เพราะว่าถ้าเรารับเชื่อไปแล้ว เราจะไม่สามารถไหว้พระพุทธรูปได้ ซึ่งตัวพอลลี่เอง พอลลี่ก็ยัง อยากที่จะเคารพพระพุทธศาสนา เพราะเราก็เหมือนดำเนินชีวิตตรงนี้มาตั้งแต่เด็กด้วย"

เชิญแขกมาร่วมงานเยอะไหม

พอลลี่ "จริงๆ เชิญไม่เยอะมากค่ะ เพราะว่าสถานที่คือไม่ได้ใหญ่มาก ก็จะเชิญเฉพาะคนที่เราสนิท แล้วก็คนที่เราคุ้นเคย"

คบหากันมานานแค่ไหนแล้ว

พอลลี่ "พอลลี่กับพี่เบนซ์นะคะ รู้จักกันมาตั้ง 3 ปีที่แล้วแล้วค่ะ แต่ว่าด้วยความที่ว่าเหมือนต่างคนต่างก็อาจจะไม่ได้คุยกันมากเท่าไร ก็เหมือนเจอกัน ก็มีการไปกินข้าว ไปดูหนังกันบ้าง แต่ว่าในฐานะเพื่อนๆ"

เบนซ์ "3 ปีที่แล้วเราก็ยังไม่ติดต่อกันมาก แต่ก็มีเจอกันบ้าง ก็มีพูดคุยกัน"

แล้วมาเริ่มสนิทกันเมื่อไร

พอลลี่ "ก็พอช่วงต้นปี เหมือนเราก็บังเอิญว่าไปเจอกันอีกรอบหนึ่ง พอเจอกันอีกรอบหนึ่ง แล้วเราก็รู้สึกว่าพอเราคุยครั้งนี้มันก็เหมือนเราโตขึ้นด้วย คุยแล้วเราก็รู้สึกดี รู้สึกคลิกมาก แล้วมันก็รู้สึกว่าเหมือนอยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ แล้วก็เหมือนพี่เบนซ์เองเขาก็พูดฤกษ์แต่งงานขึ้นมา 3 เดือนแรกแล้วที่รู้จักกัน เราก็แบบมันยังเร็วไปหน่อย ตอนนั้นเรายังไม่ได้ตกลงอะไรกันว่าเราจะแต่งงานกัน จนมาถึงเกือบจะสิ้นปี"

เบนซ์ "อย่างที่น้องพอลลี่ว่า ก็คือว่าเรารู้จักกันมา 3 ปีแล้วล่ะ แล้วก็มีการติดต่อกันบ้าง แต่ว่ามาเจอกันอีกทีหนึ่งก็ตอนต้นปีเนอะ ทางเราสองคนเนี่ย ตั้งแต่เราเริ่มที่จะคบกัน เราก็รู้สึกว่าเราสามารถเป็นตัวของตัวเราเองได้ครับ เราคบกันแล้วเรารู้สึกว่าเราสบายใจ แล้วก็ในส่วนตัวของคุณพอลลี่เอง คุณพอลลี่เป็นคนใจดีมาก แล้วก็เป็นคนที่มีอุปนิสัยที่น่ารัก ทีนี้ก็คือพอคบกับคุณพอลลี่แล้วรู้สึกว่าสบายใจดีเนอะ รู้สึกว่าเราได้เป็นตัวเรา ในขณะที่คุณพอลลี่เป็นตัวของคุณพอลลี่ ผมก็เป็นตัวของผม แต่เราก็มีความเป็นเราด้วย เราต่างคนต่างก็ปรับหาเข้ากันและกันนะครับ ซึ่งเราก็ใช้เวลาไม่มากในการปรับหาเข้ากันและกัน"

ด้วยระยะเวลาในการคบหาที่ยังไม่มากนัก อะไรที่ทำให้ เบนซ์ รู้สึกว่าต้องแต่งงาน

เบนซ์ "จริงๆ แล้วก็คือผมเคยคิดมาตลอดว่าการคบกันกี่เดือนแล้วค่อยแต่ง กี่ปีแล้วค่อยแต่ง จริงๆ แล้วมันมีนิยามไหมว่าต้องกี่เดือนหรือกี่ปี ก็ลองมานั่งนึกดูนะฮะ แล้วก็มาเข้าใจว่า ชีวิตคนเราเนี่ยมันก็ไม่ได้ยาวเนอะ แล้วก็เมื่อเราได้เจอคนที่เรารู้ว่า คนคนนี้แหละเป็นคนที่เราต้องการที่จะร่วมใช้ชีวิตด้วย เดินทางไปด้วยกันในหนทางของชีวิต ในเส้นทางของชีวิต ก็คิดว่าเราก็ไม่ควรจะเสียเวลานะ ก็เลยมีคุยกับทางน้องพอลลี่เกี่ยวกับเรื่องของการแต่งงานครับ"

ตอนที่ เบนซ์ เอ่ยเรื่องแต่งงงาน พอลลี่ รู้สึกอย่างไร

พอลลี่ "คือตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจริงๆ จังๆ แต่ว่าเหมือนเขาก็พูดว่าอยากมีลูกกัน อยากมีครอบครัวด้วยกัน เราก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นการขอแต่งงานแบบจริงๆ จังๆ แต่เราก็เริ่มรู้แล้วแหละว่าเขาจริงจัง แล้วเขาก็อยากมีครอบครัวกับเรา"

ตอนที่ถูกขอแต่งงานเป็นยังไง

พอลลี่ "ก็มีตอนที่มาขอตอนที่หลังจากคุยไปแล้ว ตอนที่เขาขอก็หูดับฟังไม่รู้เรื่อง (หัวเราะ) พอขอเรียบร้อยพี่เบนซ์ถามว่าได้ยินไหมที่พูดเมื่อกี้ว่าอะไรเพราะว่าพอลลี่ตาลอย พอลลี่บอกพอลลี่ไม่ได้ยินฟังไม่รู้เรื่องอะไรอย่างนี้ค่ะ"

เล่าเหตุการณ์ตอนขอแต่งงานให้ฟังหน่อย

เบนซ์ "เรื่องราวก็จะเป็นอย่างนี้นะครับ คือเมื่อ 3 ปีที่แล้ว คุณพอลลี่แล้วก็ผมเราเคยไปที่แกลอรีที่หนึ่งที่สุขุมวิทอ่ะนะครับ ไปดูงานศิลปะด้วยกัน เมื่อ 3 ปีที่แล้วจะมีงานที่ชื่อว่าแกลอรีไนต์ ก็คือแกลอรีจะเปิดจนถึงมิดไนต์ จนถึงเที่ยงคืน ทางน้องพอลลี่กับผมเราก็ไปดูแกลอรีนี้กัน แล้วก็ผมก็คิดว่าตอนที่ผมจะขอน้องพอลลี่แต่งงาน จะคุกเข่าขอน้องพอลลี่แต่งงาน ผมก็คิดว่างั้นเราควรจะไปหาสถานที่เนอะ ที่เรารู้สึกว่าเราคุ้นเคย เป็นสถานที่ที่ผมแล้วก็น้องพอลลี่เราได้เคยพบกัน ได้มีความรู้สึกดีให้แก่กันและกัน ก็เลยเลือกสถานที่นั้นครับ"

จดทะเบียนสมรสอย่างเป็นทางการแล้วหรือยัง

พอลลี่ "ยังไม่ได้จดทะเบียนสมรสค่ะ เพราะว่าเรามีแพลนว่าสิ้นปีเราจะไปเที่ยวกัน ทีนี้ด้วยความที่ว่าเราก็ทำวีซ่าอะไรไปหมดแล้ว ถ้าเราจดทะเบียน ทุกอย่าง เอกสารก็ต้อง"

เบนซ์ "งั้นไปเที่ยวให้จบก่อนแล้วค่อยไปจดทะเบียนแล้วกัน"

ทางครอบครัวมีความเห็นเรื่องแต่งงานว่าอย่างไรบ้าง

พอลลี่ "คือจริงๆ คุณพ่อคุณแม่พอลลี่ค่อนข้างจะตกใจเล็กน้อย แบบจะแต่งแล้วเหรอ ทำไมเร็วจัง เพิ่งรู้จักพี่เบนซ์นะ แต่ว่าทางคุณพ่อคุณแม่พี่เบนซ์ เหมือนเขาก็เห็นด้วย ไปดูฤกษ์มาให้เรียบร้อยค่ะ ฤกษ์แต่งวันนี้เพราะคุณพ่อคุณแม่เป็นคนไปดูมาให้ค่ะ"

สินสอดทองหมั้น

พอลลี่ "ก็คือผู้ใหญ่คุยกันนะคะ มันก็เป็นเรื่องภายใน แต่ว่าของพอลลี่จะได้เป็นพวกเครื่องประดับ"

เบนซ์ "ในส่วนของเรือนหอก็คือเราก็มีคอนโดอยู่ ของผมเอง อยู่สาทรครับ"

แหวนกี่กะรัต

เบนซ์ "ไม่ทราบครับ อันนี้เป็นสิ่งที่ทางผู้ใหญ่จัดให้อ่ะครับ"

พอลลี่ "ไม่ได้ดูเลยค่ะว่ากี่กะรัต แต่ก็สวยอยู่ค่ะ ก็คือทางผู้ใหญ่เขาเป็นคนจัดการค่ะเรื่องสินสอด แต่ตัวพอลลี่อ่ะค่ะจะได้รับแค่เป็นพวกเครื่องประดับ เพราะว่าพอลลี่เหมือนต้องเอาไปใช้งาน ออกงานได้ แล้วเราก็ไว้ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่เรื่องสินสอดผู้ใหญ่เป็นคนคุยกัน แล้วคือเหมือนทางคุณพ่อคุณแม่พอลลี่ก็ไม่ไปยุ่ง"

วางแผนจะไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันที่ไหน

เบนซ์ "อียิปต์ครับ ไปฮันนีมูนกันที่อียิปต์ครับ ไป 12 วันครับ"

ทำไมถึงเลือกไปอียิปต์

เบนซ์ "หลายเหตุผลด้วยกันครับ ประการแรกก็คือจริงแล้วก็อยากจะไปยุโรปนะครับ พอดีช่วงสิ้นปียุโรปหนาวข้อหนึ่ง ข้อที่สองก็คือเดย์ไลต์สั้น สี่โมงเย็นพระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ก็เลยคิดว่าแล้วเราควรจะไปที่ไหนดีที่อากาศไม่หนาวเกินไป เดย์ไลต์ก็ไม่สั้น ก็เลยตัดสินใจว่างั้นไปอียิปต์ดีกว่า ประการแรกเพราะว่าอียิปต์เนี่ย ตอนนี้เรายังแข็งแรงกันอยู่เนอะ เราจะไปเที่ยวที่ไหนเราก็ยังไปเที่ยวได้ ก็เลยคิดว่าอยากจะไปเที่ยวอะไรที่มันเป็นลักษณะแอดเวนเจอร์หน่อย ประการที่สองก็เพราะว่าอียิปต์ก็เป็นสถานที่ที่น่าตื่นเต้นนะครับ มีโมนิวเมนต์ต่างๆ มีทั้งพีระมิด มีทั้งสฟิงซ์ มีทั้งเทมเพิลต่างๆ เราก็หวังว่าการไปฮันนีมูนครั้งนี้เราจะได้รับประสบการณ์ที่เราไม่คุ้นเคย แล้วก็ได้ร่วมเดินทางไปด้วยกันในสถานที่ที่เราไม่เคยไป"

พอลลี่ "คือโดยส่วนตัวตอนเด็กๆ ก็คือชอบอียิปต์อยู่แล้ว แล้วก็คิดว่าสักครั้งในชีวิตต้องลองไปสักครั้งหนึ่ง แต่ด้วยความที่ว่าก่อนหน้านี้ก็มีเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไร ก็เลยไม่ได้มีการแพลนว่าจะไป จนเราก็มานั่งคุยกันว่า ถ้าเราไปฮันนีมูนเราจะไปฮันนีมูนที่ไหนดี ที่เราอยากจะไปและคิดว่าถ้าไปแล้ว เหมือนยังมีแรงที่จะไปเที่ยวอยู่ ก็เป็นอียิปต์ที่แรก"

หลังจากนี้วางแผนชีวิตครอบครัวไว้อย่างไรบ้าง

เบนซ์ "ชีวิตครอบครัวของผมกับน้องพอลลี่เราก็วางแผนไว้ว่า เราอยากจะเอ็นจอยชีวิตคู่ก่อนเนอะ แล้วก็ในเรื่องของการที่จะมีครอบครัว มีลูกๆ เราก็ตั้งใจไว้อยู่แล้ว"

พอลลี่ "ก็จริงๆ ยังไม่ได้รีบนะคะ แต่ว่าถ้ามาคือเราก็ยินดีอยู่แล้ว พี่เบนซ์อายุก็ได้แล้ว แต่ของพอลลี่ก็คือพอลลี่ยังไม่ได้รีบขนาดนั้น ก็มีแพลนว่าเดี๋ยวจะไปเที่ยวกันก่อน"

คนมองว่าที่แต่งงานกัน ก็เพราะมีลูกหรือเปล่า

พอลลี่ "ยังไม่มีค่ะ แต่ถ้ามีก็ยินดีนะคะ เพราะว่าจริงๆ การมีน้องเนี่ย มันก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี ถ้ามีก็จะดีใจมากเพราะว่าจริงๆ บ้านพี่เบนซ์เขาอยากได้หลานมาก"

หลังจากแต่งงานแล้วพร้อมมีลูกเลยไหม

พอลลี่ "คิดว่าตอนนี้ที่คุยกันไว้ยัง น่าจะยัง เพราะว่าพอลลี่ยังถ่ายละครไม่จบ"

เรื่องงานในวงการบันเทิงหลังจากนี้

พอลลี่ "จริงๆ ธุรกิจของพี่เบนซ์ คือให้พี่เบนซ์เขาทำไปดีกว่า คืองานในวงการถ้ายังมีติดต่อมาก็ยังจะรับอยู่นะคะ แต่ว่าก็มีแพลนว่าจะเป็นผู้จัดด้วย ก็ยังชอบอยู่ แล้วก็เราก็ยังชอบเจอเพื่อนๆ เจอคน แล้วก็มีความสุขอยู่"

เบนซ์ อนุญาตให้ทำงานในวงการต่อไหม

เบนซ์ "แน่นอนครับ และสนับสนุนด้วยครับ สนับสนุนในสิ่งที่น้องพอลลี่ชอบ แล้วก็เอ็นจอย เพราะว่าผมเชื่อว่าชีวิตของคนเราทุกคน เรามีเวลาไม่มากนัก เราควรจะใช้ชีวิตอย่างที่มีวัตถุประสงค์ในใจเราที่เราต้องการจะทำ แล้วก็ออกไปทำสิ่งนั้น"

พอลลี่ "ที่ชอบพี่เบนซ์อย่างหนึ่ง คือพี่เบนซ์เขาจะเข้าสายธรรมะมาก คือจริงๆ แล้วก่อนหน้าที่จะเจอพอลลี่ พี่เบนซ์จะไปบวช เขาบอกว่าเขาจะไปบวชแล้วตอนแรก แต่บังเอิญว่ามาเจอเราก่อน เขาก็เลยตัดสินใจว่าน่าจะลองดู เพราะว่าเขาไปเข้าทางธรรมแล้วเขาชอบมาก ไปหอจดหมายเหตุ ไปอะไรอย่างนี้ จริงจังมาก"

เบนซ์ "จริงแล้ว ถ้าจะว่าไป จริงแล้วตั้งใจว่าจะบวชตอนสิ้นปีนี่แหละครับ จากงานบวชก็เลยได้เป็นงานแต่งงาน"

หลังจากนี้จะบวชไหม

เบนซ์ "ก็มีคุยกับคุณพอลลี่ครับ ขออนุญาตคุณพอลลี่ไปบวชสองอาทิตย์"

คำมั่นสัญญาที่ให้กัน

เบนซ์ "คำมั่นสัญญาที่ให้กัน ประการแรกก็คือเราจะทำทุกวันให้ดีที่สุด เราไม่มีทางรู้ว่าวันพรุ่งนี้จะเป็นยังไง ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันวานเราแก้ไขไม่ได้ เรามีอยู่ ณ ปัจจุบัน ณ ตอนนี้ที่เราจะทำให้ดีที่สุด ผมก็สัญญากับคุณพอลลี่ว่าผมจะทำทุกวันให้ดีที่สุดเพื่อเราสองคน แล้วก็ประการที่สองก็คือเราก็ไม่รู้อนาคตจะเป็นยังไง ทุกอย่างอาจจะเปลี่ยนแปลง โลกเปลี่ยนแปลง โลกหมุนเร็วมาก แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนคือยังไงก็ต้องมีเรา"

พอลลี่ "คือพอลลี่คิดว่าเหมือนโดยส่วนตัวก็คือเชื่อในความรักนะคะ ถามว่าเคยมีความรักไหมก็เคยมี มีผิดหวังไหม มี มีสมหวังไหม มี แต่ว่า ณ วันนี้คือเราเป็นครอบครัวแล้วค่ะ ไม่ว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น คือเราก็ต้องให้อภัยซึ่งกันและกัน แล้วก็เหมือนดูแลซึ่งกันและกัน แล้วก็เหมือนตัวพอลลี่ พอลลี่ก็ให้คำมั่นสัญญากับพี่เบนซ์ว่าตัวพอลลี่ก็จะรักและดูแลพี่เบนซ์ไปตลอด"

บริเวณงานมงคลประดับด้วยดอกกุหลาบสีขาวสะอาดแซมด้วยคริสตัล บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่น แขกที่มาร่วมงานจะได้ของชำร่วยเป็นสบู่ที่ห่อด้วยลายสัญลักษณ์ชื่อบ่าวสาว มีเพื่อนพ้องคนบันเทิงมาร่วมแสดงความยินดีมากมาย อาทิ "เอี๊ยม - วรรษพร วัฒนากุล" "นท พนายางกูร" "ชิปปี้ - ศิรินทร์ ปรีดียานนท์" "เจี๊ยบ - ลลนา ก้องธรนินทร์" "ออม - สุชาร์ มานะยิ่ง" "แซมมี่ เคาวเวลล์" "โบวี่ - อัฐมา ชีวนิชพันธ์" "ทับทิม - มัลลิกา จงวัฒนา" "ต่าย - นัฐฐพนท์ ลียะวณิช" "วุธ - อัษฎาวุธ เหลืองสุนทร" ทั้งนี้ผู้ที่มาร่วมงานยังได้ร่วมบริจาคด้วยการหย่อนซองที่หน้างานให้แก่มูลนิธิต่างๆ อีกด้วย

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30
  • รูปภาพ 31
  • รูปภาพ 32
  • รูปภาพ 33
  • รูปภาพ 34
  • รูปภาพ 35
  • รูปภาพ 36
  • รูปภาพ 37
  • รูปภาพ 38
  • รูปภาพ 39
  • รูปภาพ 40
  • รูปภาพ 41
  • รูปภาพ 42
  • รูปภาพ 43
  • รูปภาพ 44
  • รูปภาพ 45
  • รูปภาพ 46
  • รูปภาพ 47
  • รูปภาพ 48
  • รูปภาพ 49
  • รูปภาพ 50
  • รูปภาพ 51
  • รูปภาพ 52
  • รูปภาพ 53
  • รูปภาพ 54
  • รูปภาพ 55

ความคิดเห็น

วันนี้ในอดีต

  • รักแห่งสยาม
    เข้าฉายปี 2007
    แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์
  • Harry Potter and the Chamber of Secrets
    เข้าฉายปี 2002
    แสดง Daniel Radcliffe , Emma Watson , Rupert Grint
  • ตีสาม 3D
    เข้าฉายปี 2012
    แสดง กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ชาคริต แย้มนาม

เกร็ดภาพยนตร์

  • The Hobbit: The Battle of Five Armies - นักแสดงหลายคนเก็บอุปกรณ์การแสดงกลับบ้านไปด้วยหลังจากถ่ายทำเสร็จ อาทิ มาร์ติน ฟรีแมน ผู้สวมบท บิลโบ เก็บดาบและหูปลอมของตัวเองกลับไป ริชาร์ด อาร์มิเทจ ผู้รับบท ธอริน นำดาบออร์คริสต์กลับ ส่วน ลี เพซ ผู้รับบท ธรันดูอิล นำดาบเอล์ฟไป อ่านต่อ»
  • Stonehearst Asylum - สร้างจากเรื่องสั้นเมื่อปี 1844 เรื่อง The System of Doctor Tarr and Professor Fether เขียนโดย เอดการ์ แอลลัน โพ อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เรื่องราวของ เบลลีย์ (จอช แกด) ที่กำลังใช้ชีวิตแสนสุขอยู่ในฟาร์มในมิชิแกนของ อีธาน (เดนนิส เควด) เด็กน้อย ของเขา และฮัน...อ่านต่อ»