ฮิโรยูกิ เยือนไทย ร่วมเจาะลึกถึง The Railway Man
"The Railway Man" หรือ "แค้นสะพานข้ามแม่น้ำแคว" ภาพยนตร์เค้าโครงเรื่องมาจากชีวิตจริงของ "อีริก โลแมกซ์" (Eric Lomax) นายทหารประจำกองสื่อสารแห่งกองทัพสหราชอาณาจักร ที่ตกเป็นเชลยศึกของญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 กับปมความแค้นจากเหตุการณ์ครั้งนั้นที่สร้างบาดแผลให้ฝังลึกในหัวใจ หวนกลับขึ้นจอภาพยนตร์อีกครั้ง ด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของ "เทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย" (Thailand International Film Destination Festival 2015) ซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 7-11 กุมภาพันธ์ 2558 ณ โรงภาพยนตร์ พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ครั้งนี้เพิ่มความพิเศษ โดยได้รับเกียรติจาก "ชาร์ลส์ แซลมอน" (Charles Salmon) ผู้ช่วยควบคุมงานสร้าง "แอนดี พาเทอร์สัน" (Andy Paterson) หนึ่งในผู้เขียนบทและหนึ่งในผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์ รวมถึงนักแสดงชื่อดัง "ฮิโรยูกิ ซานาดะ" (Hiroyuki Sanada) มาร่วมเสวนาเกี่ยวกับ The Railway Man หลังการฉายภาพยนตร์เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2558
แอนดี เล่าที่มาของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ตอนที่ผมเจอคุณโลแมกซ์แล้วคิดที่จะทำภาพยนตร์นี้ขึ้นมา เหมือนกับตัวจริงของคุณโลแมกซ์เองเขาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจกระบวนการความคิดของเขาเลยครับ ว่าการเดินทางของความรู้สึก จากความเคียดแค้นมากจนอยากจะฆ่าคนญี่ปุ่นที่เคยทรมานเขา จนกระทั่งมาเป็นให้อภัย เขาก็ยังไม่เข้าใจตัวเอง เพราะฉะนั้นการเขียนบทหนังเรื่องนี้ คุยกับโลแมกซ์ไปด้วย มันก็เหมือนกับทุกคนได้เดินทางไปพร้อมๆ กันว่าตัวโลแมกซ์มาถึงจุดนี้ที่เราเห็นได้อย่างไร จากความที่โกรธแค้นมากจนกระทั่งมาให้อภัยมาเป็นเพื่อนกันตอนหลังครับ"
ด้าน ฮิโรยูกิ กล่าวถึงการมารับบทบาทในเรื่องนี้ว่า "สวัสดีครับ (ภาษาไทย) ตอนที่ผมได้รับสคริปต์ ผมรู้สึกแปลกใจมาก เพราะผมไม่เคยรู้เรื่องเกี่ยวกับประวัติศาสตร์นี้เลย และผมก็รู้สึกเสียใจครับ ผมไปอ่านหนังสือที่ทั้งคุณโลแมกซ์และคุณนางาเซะได้เขียนเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ พวกเขาเขียนเหมือนกัน ถ่ายทอดเหมือนกัน ไม่ใช่แค่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง มันเป็นเรื่องสำคัญสำหรับผมมากที่จะเชื่อว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องจริง ผมตัดสินใจที่จะรับบทนี้เพื่อจะส่งต่อเรื่องราวให้กับคนรุ่นถัดไป ผมดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้และดีใจที่ได้กลับมาที่กรุงเทพฯ อีกครั้งครับ"
นักแสดงคนเก่งเอ่ยถึงความรู้สึกที่มีต่อ "ทาคาชิ นางาเซะ" (Takashi Nagase) ผู้ทำหน้าที่ล่ามในระหว่างสอบสวนเชลยศึกช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ว่า "ตัวของนางาเซะได้มาอยู่ที่เมืองไทย มาสร้างวัด แผ่เมตตาให้ทหารซึ่งเขาเคยกระทำไม่ดีเอาไว้ แม้ว่าคนญี่ปุ่นจำนวนมากจะไม่เห็นด้วย แต่นางาเซะก็ยังคงทำต่อไป เป็นเวลามากกว่า 30 ปี ทั้งชีวิตเขาหลังสงคราม ผมนับถือคุณนางาเซะมากครับ" โดย ฮิโรยูกิ เปิดใจว่าไม่มีโอกาสได้เจอเจ้าของเรื่องราวตัวละครที่เขารับบทบาทในชีวิตจริง "ตอนมาถ่ายภาพยนตร์ที่เมืองไทยผมก็ไม่ได้เจอคุณนางาเซะตัวจริงนะครับ เพราะว่าเขาเสียชีวิตไปก่อน ผมคิดว่าข้อความที่เขาต้องการสื่อออกมาผ่านงานเขียนคือการปรองดอง และการที่ผู้คนให้อภัยกันก็เป็นสิ่งที่สำคัญครับ"
แอนดี เผยสาเหตุที่ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างใช้เวลานานในการสร้างว่า "สาเหตุหนึ่งที่ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้เวลานานในการทำขึ้นมา ก็เพราะว่าผมต้องรอให้แน่ใจว่าเรามีเงินพอที่จะสร้างภาพยนตร์ให้ได้มาตรฐานที่ดี เพราะถ้าเราทำมาเล็กๆ มันจะดูไม่ยุติธรรมกับเรื่องที่ยิ่งใหญ่ของอีริกครับ" ส่วน ชาร์ลส์ กล่าวถึงการมาร่วมงานกับชาวไทยว่า "การมาถ่ายภาพยนตร์ที่เมืองไทย ก็ได้รับความช่วยเหลืออย่างดีจากทางเมืองกาญจนบุรี การรถไฟครับ และทีมงานคนไทยก็มีความสามารถมากที่จะสร้างอะไรหลายๆ อย่างได้ตามที่ผู้กำกับต้องการ"
ผู้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์ แอนดี พูดถึงประเด็นที่ทหารผ่านศึกบางคนฆ่าตัวตาย ทั้งที่สงครามได้ผ่านไปนานมากแล้วว่า "ทหารผ่านศึกจำนวนมากไม่สามารถจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้จริงๆ มันเป็นบาดแผลที่รักษาไม่ได้ อย่างโลแมกซ์ อาจจะโชคดีที่ว่าเขาไปเจอแพตตี (Patti Lomax) แฟนของเขา ซึ่งแพตตีมีส่วนสำคัญมากที่ช่วยให้โลแมกซ์พลิกฟื้นสภาพจิตใจตัวเองขึ้นมาได้ครับ ช่วงวันเกิดปีที่ 90 ของโลแมกซ์ ซึ่งผมกำลังเขียนบทอยู่ คุณแพตตีไม่ยอมเล่าเรื่องทางฝั่งของเธอเลย เพราะเธอคิดว่าเรื่องของเธอไม่สำคัญเท่าเรื่องของโลแมกซ์ แต่ว่าในงานวันเกิดมีแขกจำนวนมากเดินมาพูดกับแพตตีว่าดีมากๆ ที่แพตตีช่วยโลแมกซ์ให้เป็นแบบนี้ได้ ไม่อย่างนั้นเขาคงตายไปแล้วเหมือนกับเพื่อนหลายๆ คนที่ตายไป จนกระทั่งแพตตีร้องไห้ถึงได้ยอมเปิดอกเล่าความรู้สึกของตัวเองออกมา ทำให้เรื่องราวนี้ครบถ้วนในที่สุด"
แอนดี ยังเผยถึงวิธีการผสมผสานระหว่างเรื่องจริงกับเรื่องแต่งว่า "มันก็มีกฎอยู่บ้างครับ อันไหนที่เขียนขึ้นมาแล้วดูเหมือนว่าไม่ใช่อีริกกับแพตตี อันนั้นก็ใช้ไม่ได้ ฉากตอนสุดท้ายที่นางาเซะกับอีริกมาเจอกัน มีฟุตเทจอยู่จริงๆ ให้ดูออนไลน์ มันจะแห้งๆ ไม่มีอะไรเลย แต่เราก็ต้องทำให้รู้สึกว่า 2 คนนี้คิดอะไรอยู่ อีริกต้องการจะแก้แค้น ต้องการจะมาฆ่าคนที่เคยทำร้ายเขา แต่ว่านางาเซะกลับกลายเป็นคนที่ยอมทุกอย่าง ทำฉันเลยฉันอยากจะปลดปล่อยตัวเองอยู่แล้ว มันก็เลยเกิดความตึงเครียดระหว่างอารมณ์ของ 2 คน ซึ่งทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมา แต่พออีริกดูแล้วเขาไม่ว่าอะไรเลยก็ปล่อยให้เล่น และนักแสดงทั้ง 2 คนเห็นฉากนี้แล้วก็ไม่มีคำถามอะไรเลย มันเป็นการสร้างดราม่าให้กับความรู้สึกที่มันอาจจะไม่ได้มีอยู่ในความเป็นจริงครับ"