ไจมอน ดีใจได้กลับมาไทยหลังถ่ายทำ Elephant White
"ไจมอน ฮอนซู" (Djimon Hounsou) หนุ่มผิวสีมาดเท่มากความสามารถ นักแสดงชื่อดังจากฝั่งฮอลลีวูด ที่เริ่มเข้าวงการบันเทิงด้วยการเป็นนายแบบตั้งแต่อายุประมาณ 13 ปี ที่ฝรั่งเศส ก่อนจะมีชื่อเสียงมากขึ้นและย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 ต่อจากนั้นเขามีโอกาสแสดงมิวสิกวิดีโอเพลง "Straight Up" ของ "พอลล่า อับดุล" (Paula Abdul) และ "Love Will Never Do (Without You)" ของ "เจเน็ต แจ็กสัน" (Janet Jackson)
เส้นทางในวงการภาพยนตร์ของ ไจมอน ชัดเจนด้วยผลงานภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น "Stargate" "The Four Feathers" "Gladiator" "Eragon" "Never Back Down" "Push" "The Tempest" และยังเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม จากภาพยนตร์เรื่อง "In America" กับ "Blood Diamond" รวมถึงถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลลูกโลกทองคำ สาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์ชีวิตเรื่อง "Amistad"
ด้วยประสบการณ์การแสดงภาพยนตร์มากกว่า 30 เรื่องที่ผ่านมา ประกอบกับรางวัลที่รับประกันความสามารถ อาทิ นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมโดยสมาคมนักวิจารณ์แห่งชาติอเมริกา (National Board of Review) จากภาพยนตร์ "Blood Diamond" ทำให้ ไจมอน มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในวงการภาพยนตร์ระดับโลก เมื่อปี 2553 ไจมอน ได้มาร่วมงานกับคนไทยในภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่อง "Elephant White" ฝีมือการกำกับของ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" ซึ่งถ่ายทำที่ประเทศไทยทั้งเรื่อง
เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา ไจมอน ได้กลับมาที่ประเทศไทย เพื่อร่วมงาน "เทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย 2556" (Thailand International Film Destination Festival 2013) ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 1-10 เมษายน ที่ผ่านมา โดยในวันที่ 9 เมษายน 2556 ไจมอน ได้เปิดโอกาสให้ทางเว็บไซต์สยามโซน.คอม เข้าร่วมพูดคุยอย่างใกล้ชิด บริเวณ เอส เอฟ เวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์
ความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานเทศกาลภาพยนตร์ต่างประเทศที่ถ่ายทำในประเทศไทย
"ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้มาร่วมงานเทศกาลนี้ รู้สึกดีมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยโปรโมตอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของเมืองไทย ครั้งที่แล้วที่ผมได้มาถ่ายหนังที่เมืองไทย ผมรู้สึกมีความสุขแล้วก็ได้ประสบการณ์ที่ดีกลับไปด้วย ถึงแม้ว่าอากาศจะร้อนไปหน่อย แต่ว่าอาหารอร่อยมาก ก็เลยดีใจที่ได้กลับมาเมืองไทยอีกครั้งครับ"
เคยมาเมืองไทยก่อนหน้าที่จะเล่น Elephant White ไหม
"ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ที่ผมได้มาเมืองไทย ครั้งแรกเป็นตอนที่ผมถ่ายภาพยนตร์ แต่คราวที่แล้วที่มาส่วนใหญ่ก็ทำงานอย่างเดียวไม่ค่อยได้พัก ไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยว แต่ว่าครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 ก็รู้สึกว่าสนุกขึ้น ได้มาเตรียมงาน ได้มาผ่อนคลาย แล้วก็ได้มาพักผ่อนที่เมืองไทยด้วยครับ"
มาไทยคราวนี้จะไปเที่ยวที่ไหนบ้าง
"คราวที่แล้วตอนที่มาถ่ายภาพยนตร์ ตอนนั้นเมืองไทยก็กำลังมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง ก็เลยไม่ค่อยได้ไปเที่ยวเท่าไร แต่ก็ได้ไปที่พัทยาได้ไปเล่นสงกรานต์นิดหน่อย เพราะส่วนใหญ่ต้องทำงานมากกว่า แต่พอมาคราวนี้คิดว่าจะไปภูเก็ตครับ ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้องไปเที่ยวสงกรานต์ ก็คือเหมือนไปเที่ยวทั่วๆ ไป แล้วก็มีไปคุยเรื่องงานด้วยครับ"
คำว่า กรุงเทพฯ ในภาพยนตร์ต่างจากที่ได้มาสัมผัสเองไหม
"เรื่องราวในหนังจะสื่อถึงมุมมองที่ดูไม่ค่อยสวยงามของประเทศไทย เช่น เรื่องของโสเภณี ซึ่งจริงๆ แล้วก็เป็นการสะท้อนให้เห็นกรุงเทพฯ ในมุมหนึ่งเท่านั้น แต่พอจบการทำงาน ผมก็ได้เห็นว่ากรุงเทพฯ จริงๆ แล้วเป็นเมืองที่น่าอยู่ ผมก็เคารพแล้วก็เข้าใจในเรื่องของสังคมคนไทยเหมือนกัน"
รู้สึกอย่างไรที่ได้ร่วมงานกับคนไทยในภาพยนตร์ Elephant White
"ผมก็รู้สึกชอบมากและอยากที่จะกลับมาร่วมงานด้วยอีก เพราะตอนที่ทำงานกับคุณปรัชญา แม้ต้องทำในเวลาจำกัด แต่เขาก็เก่งที่เซ็ตให้ทุกอย่างออกมาดี แล้วเป็นการทำให้ผมได้ใกล้ชิดกับคนไทย รวมถึงความเป็นไทยมากขึ้นด้วยครับ"
นอกจากบทบู๊ อยากจะลองแสดงบทบาทแนวอื่นๆ ดูบ้างไหม
"คือส่วนใหญ่ผมจะเล่นหนังแอ็กชันก็จริง แต่ว่าในนั้นก็จะมีความเป็นดราม่าผสมอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ยังคงจะเป็นหนังแนวแอ็กชัน ซึ่งแนวคอเมดีก็เป็นแนวที่ผมสนใจอยากลองเล่น ในปีหน้าผมก็มีวางแผนที่จะกำกับหนังด้วยตัวเอง แต่จะเป็นแนวที่ค่อนข้างจะหลากหลายครับ ผมไม่ได้ร่วมแสดงแต่เปลี่ยนหน้าที่ไปเป็นผู้กำกับแทนครับ"
ภาพยนตร์เรื่องที่ใหม่ที่จะกำกับเอง ตอนนี้เตรียมไปถึงไหนแล้ว
"ภาพยนตร์ที่ผมเตรียมกำกับเองก็จะเป็นเรื่องแนวดราม่า เกี่ยวกับเด็กผู้หญิงที่ถูกจับไปเป็นทหารตั้งแต่เด็กๆ เหมือนอย่างกรณีในที่เกิดขึ้นที่ประเทศพม่า ตอนนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มกำกับเลยครับ กำลังดูเรื่องงบประมาณอยู่ เพราะจะเป็นหนังอินดี้แล้วผมก็ได้ใส่ไอเดียของผมลงไปในงานนี้ด้วย ก็น่าจะได้ดูกันในปีหน้าครับ"
มีโอกาสที่จะกลับมาร่วมงานกับคนไทยหรือทำงานในไทยอีกไหม
"ผมก็มีโปรเจกต์อยู่เหมือนกัน ที่รู้สึกว่าประเทศไทยน่าจะเหมาะสมในหลายๆ ด้านที่จะมาถ่ายทำหนังที่นี่"
ฝากถึงผลงานล่าสุดกับแฟนๆ ชาวไทย
"หนังเรื่องต่อไปของผมก็จะเป็นเรื่อง The Seventh Son ครับ เรื่องนี้ก็ได้ร่วมงานกับนักแสดงมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เบน บาร์นส์ (Ben Barnes) จูเลียนน์ มัวร์ (Julianne Moore) เจฟฟ์ บริดเจส (Jeff Bridges) ครับ ผมอยากให้หนังเรื่องนี้ได้มาโปรโมตที่ประเทศไทยเหมือนกัน ผมจะได้มาเมืองไทยอีกครับ"