1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

จูวอน โปรยยิ้มหวาน ส่งต่อรักครั้งแรกให้แฟนๆ ชาวไทย

จูวอน โปรยยิ้มหวาน ส่งต่อรักครั้งแรกให้แฟนๆ ชาวไทย

"มุนจูวอน" (Moon Joo Won) นักแสดงหนุ่มจากแดนกิมจิ ซึ่งมีผลงานเป็นที่รู้จักการแสดงละครเรื่อง "Ojakgyo Brothers" ในปี 2011 ส่วนละครเรื่อง "Good Doctor" ก็ได้รับเสียงชื่นชมเป็นอย่างมากจากบทบาทคุณหมอที่เป็นโรคออทิสติก อีกทั้งเขายังเป็นเจ้าของรางวัลนักแสดงชายหน้าใหม่ยอดเยี่ยมจากการประกาศผลรางวัล "แพ็กซัง อาร์ตส์ อวอร์ดส์ ครั้งที่ 48" เมื่อปี 2012

และแล้วช่วงเวลาที่แฟนๆ จะได้แสดงความรักต่อ จูวอน ก็มาถึง เมื่อดาราหนุ่มมาร่วมกิจกรรม "2014 Sweet Smile Joowon Fan Meeting in Thailand First Love" ซึ่ง จูวอน ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนจะไปพบเจอแฟนคลับในไทยอย่างใกล้ชิดเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 19 มกราคม 2557 ณ โรงละครอักษรา

รู้สึกอย่างไรที่ได้รับรางวัล เอ็มบีซี ดรามา อวอร์ดส์ จาก 7th Grade Civil Servant และรางวัล เคบีเอส ดรามา อวอร์ดส์ จาก Good Doctor

"คือก่อนอื่นเลยดีใจมากครับที่ได้รับรางวัลจากละครต่างๆ คือพอได้รับรางวัลเนี่ย ใจหนึ่งผมก็ดีใจแต่อีกใจหนึ่งก็ทำให้ผมปวดใจแล้วหนักใจด้วย เพราะว่ามีความรู้สึกว่าทำดีแล้วแต่พอได้รับรางวัล ผมมีความรู้สึกว่าผมต้องทำให้ดีมากกว่านี้ มันอาจจะทำให้ผมกดดันแต่ผมก็ดีใจครับ"

ในเรื่อง Good Doctor มีเทคนิคอะไรที่ทำให้แสดงได้เหมือนคนที่เป็นออทิสติกจริงๆ

"ตอนที่ผมแสดงเป็นคนออทิสติกคือผมก็ไม่ได้มีเทคนิคอะไรนะครับ แต่ผมก็ศึกษามาเยอะเหมือนกันศึกษาจากละครหรือหนังต่างๆ แล้วผมก็ศึกษาหนังจากต่างประเทศด้วย แล้วผมอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับเด็กที่เป็นออทิสติกด้วยว่าคนที่เป็นออทิสติกเนี่ยเขามีท่าทางแบบไหนบ้าง หลังจากนั้นผมก็ได้รู้จักกับคนที่เป็นออทิสติกบ้างแล้วอาการก็ค่อนข้างเหมือนกัน ผมก็ไม่รู้ว่าจะเอาแบบไหนมาเป็นตัวอย่าง ผมก็เลยสร้างภาพของคนที่เป็นออทิสติกขึ้นมาเองครับ"

รู้สึกอย่างไรกับกระแสตอบรับที่ดีจากละครเรื่อง Good Doctor จนทำให้มาพบกับแฟนๆ ชาวไทย

"ก่อนอื่นต้องขอบคุณแฟนๆ ที่ให้โอกาสผมได้มาพบกับแฟนๆ ชาวไทยเป็นครั้งแรก ผมก็ไม่รู้ว่าละครเรื่อง Good Doctor จะมีโอกาสมาฉายที่เมืองไทยเมื่อไร แต่ถ้าทุกคนมีโอกาสได้ดูละครเรื่องนี้ ผมก็อยากให้ทุกคนให้กำลังใจผมเยอะๆ แล้วให้ความสนใจในละคร มาเมืองไทยครั้งแรกรู้สึกดีใจมากที่มีแฟนคลับมาต้อนรับผมอย่างดี ผมชอบเมืองไทยมาก เพราะว่าเมืองไทยเป็นประเทศที่อบอุ่นครับ"

บทบาทคุณหมอออทิสติกจากเรื่อง Good Doctor ให้ประสบการณ์อะไรกับคุณบ้าง

"สิ่งแรกที่ดีใจมากที่สุดคือผมได้รับรางวัลจากละครเรื่องนี้ด้วย นอกจากนี้ผมยังได้เรียนรู้เกี่ยวกับการทำงานที่โรงพยาบาล ผมยังได้รู้ด้วยว่าหมอที่รักษาเด็กเนี่ยขาดแคลนมาก และเด็กๆ ต้องการที่จะรักษากับหมอที่โรงพยาบาลมากแค่ไหน แล้วก็เรื่องยาที่ต้องเอามารักษาเด็กๆ ด้วยครับ คนเป็นออทิสติกเนี่ยจะมีหลากหลายมาก แต่ก็มีอย่างหนึ่งที่ตรงกันก็คือสายตา ถ้าคนที่เป็นออทิสติกสายตาจะไม่ได้มองเหมือนกับคนทั่วไป สายตาจะมองไปทางอื่นอ่ะครับ อันนี้คือสิ่งหนึ่งที่คนที่เป็นออทิสติกเขาเหมือนกัน นอกจากนั้นผมยังได้เรียนรู้จากหนังสือต่างๆ ผมศึกษาด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นละครหรือว่าหนังต่างประเทศ ซึ่งผมได้เรียนรู้เกี่ยวกับออทิสติกมาเยอะมากครับ"

บทบาทที่ได้รับในละครเวทีเรื่อง Ghost the Musical เป็นอย่างไร

"คาแรกเตอร์ที่ผมได้รับชื่อว่า แซม ครับ ต้นเรื่องมาจากหนังในปี 1990 (แสดงโดย แพทริก สเวย์ซี และ เดมี มัวร์) ถ้าเปรียบเทียบกับตอนนี้ก็ผ่านมาทั้งหมด 20 กว่าปีแล้วนะครับ เนื้อเรื่องเป็นผู้ชายคนหนึ่งรักผู้หญิง แต่ผู้ชายคนนี้พอรักผู้หญิงมากขึ้นเรื่อยๆ ระหว่างนั้นผู้ชายก็เสียชีวิตไป แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังที่จะกลับมาเป็นวิญญาณเพื่อที่จะมาดูแลผู้หญิงคนที่เขารัก ซึ่งในภาพนั้นเวลาใครๆ มองก็เป็นภาพที่อบอุ่น เป็นการที่เรารักผู้หญิงคนนี้จริงๆ ครับ"

ทราบมาว่าคุณชอบเพลงของ เอพิงค์ (Apink) ชอบเพลงไหนเป็นพิเศษหรือเปล่า

"(หัวเราะ) คือที่จริงแล้วที่ผมบอกว่าผมชอบเพลงของ เอพิงค์ ชอบเพลงที่ชื่อว่า I Don't Know ครับที่เป็นเพลงเดบิวต์ของเอพิงค์ครับ ปัจจุบันมีไอดอลที่เป็นผู้หญิงเยอะมาก ซึ่งเขาจะเอาชนะใจด้วยความเซ็กซี่ แต่ว่าเอพิงค์เนี่ยจะเป็นเหมือนดารานักร้องเก่าๆ รุ่นเก่าเหมือน เอส.อี.เอส. (S.E.S) หรือว่าเป็น ฟินเคิล (Fin.K.L) ที่เป็นนักร้องเก่าของประเทศเกาหลีอ่ะครับ แล้วก็เนื้อเพลงของเอพิงค์เป็นเนื้อเพลงที่มาจากชีวิตประจำวันของเราครับเหมือนไม่สร้างภาพด้วย ก็เลยชอบเพลงของเอพิงค์ครับ"

เป็นครั้งแรกที่ได้มาพบกับแฟนๆ ชาวไทย อยากจะให้แฟนๆ ทำความรู้จักคุณในมุมไหน

"ส่วนตัวแล้วเนี่ยผมเป็นนักแสดงอยู่แล้ว อยากให้แฟนคลับรู้ว่าตัวผมเป็นนักแสดงไม่ใช่แค่แสดงในละครหรือว่าหนังอย่างเดียว อยากให้ทุกคนมองผมในมุมมองที่ว่าผมสามารถแสดงละครบนเวทีได้ด้วย นี่อาจจะเป็นความฝันของผมที่อยากให้ทุกคนมองว่าผมเป็นนักแสดงที่ดี ที่เก่งทั้งละครเวที ละคร กับหนังด้วย"

ถ้ามีเวลาว่างส่วนมากคุณจะทำอะไร

"จริงๆ แล้วช่วงนี้ผมไม่ว่างเลยครับ เพราะว่าตารางงานของผมแน่นมากครับ แต่ว่าถ้าเกิดผมมีเวลาว่างจริงๆ ผมจะออกไปหน้าบ้านจะมีร้านกาแฟก็เลยอยากไปนั่งกินกาแฟบ้าง แต่ถ้าอยู่กับบ้านผมก็จะอ่านบทแล้วก็ท่องบทบ้าง แล้วก็ดูหนังกับละครที่ผมค้างไว้ที่ยังไม่ได้ดูอ่ะครับ"

ช่วงนี้มีศิลปินเกาหลีเปิดตัวคบหาดูใจกันค่อนข้างเยอะ ส่วนตัวของคุณจะมีโอกาสแบบนั้นบ้างไหม

"(หัวเราะ) ตัวผมเป็นคนที่เวลารักใครแล้วผมจะรักจริง ไม่ใช่คบเล่นๆ แต่ตอนนี้ผมยังไม่เจอเนื้อคู่ที่ผมต้องการ ผมว่าอาจจะได้เจอเนื้อคู่เร็วๆ นี้ก็ได้ อาจจะเป็นดาราหรือว่านักแสดงหรือว่าจะเป็นคนธรรมดาก็ได้ ผมยังไม่แน่ใจครับ แต่ถ้าเกิดว่าผมได้เจอเนื้อคู่แล้วผมอยากจะคบแบบจริงจังครับ"

ผู้หญิงแบบไหนที่สามารถเอาชนะใจคุณได้

"ตัวผมเองเนี่ยผมชอบผู้หญิงที่มีมารยาทต่อผู้ใหญ่ครับ ส่วนมากคนรอบข้างของผมก็จะบอกว่าทำไมไม่ชอบคนสวย ส่วนมากผู้ชายจะดูที่หน้าตา แต่ผมคิดว่าผู้หญิงอ่ะสวยจริงแต่เวลาเขาทำท่าทางกับผู้ใหญ่แบบไม่มีมารยาท ถึงแม้ว่าเขาสวยก็ตามแต่ในสายตาของผมเขาจะเป็นผู้หญิงที่ไม่สวยเลย แต่ผู้หญิงที่ไม่สวยแล้วมีมารยาทกับผู้ใหญ่ ถึงแม้ว่าหน้าตาจะไม่สวยก็ตามแต่ในสายตาของผมผู้หญิงคนนั้นดูสวยมากครับ"

ถ้าสมมติให้คุณรับบทเป็นคุณหมอ คุณจะเลือกรักษาอาการป่วยของแฟนๆ ชาวไทยอย่างไร ระหว่างโรคหวั่นไหวเพราะรอยยิ้มของคุณ กับ โรคคิดถึงคุณ

"(หัวเราะ) น่าจะไม่ต้องมีอะไรที่ต้องรักษานะครับ (หัวเราะ) อาจจะไม่ต้องรักษาคนที่มารักผมนะครับ แต่ผมจะเอายาให้เพื่อที่อาการจะได้เป็นหนักกว่านี้อ่ะครับ (หัวเราะ)"

ทราบมาว่าคุณเคยมาไทยแล้ว มาครั้งนี้มีวางแผนไว้ไหมว่าอยากไปเที่ยวที่ไหน

"พูดตรงๆ ว่ามาเมืองไทย 2 รอบแล้วครับ แต่ผมก็ยังไม่มีโอกาสที่จะไปเที่ยวที่ไหนเลย อีกอย่างหนึ่งผมไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับสถานที่เที่ยวในเมืองไทยด้วย แต่ถ้าผมมีโอกาสผมอยากจะไปเที่ยวที่ข้าวสาร เพราะว่าข้าวสารเป็นสถานที่มีชื่อเสียงมาก นอกจากนี้ถ้าเกิดมีใครแนะนำสถานที่ให้ ผมก็อยากลองไปดูครับ"

ทราบมาว่าความฝันของคุณอยากที่จะเป็นอาจารย์ ตอนนี้ยังอยากที่จะเป็นอยู่ไหม

"ความฝันที่ผมอยากจะเป็นอาจารย์ ตอนนี้ผมก็ยังอยากที่จะเป็นอยู่นะครับ แล้วผมก็จะเรียนต่อด้วยเพื่อที่จะเป็นอาจารย์ตามความฝันของผมครับ ผมก็อยากที่จะเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องการแสดงให้มากขึ้นกว่านี้ เพื่อที่ผมจะได้ไปสอนคนอื่นๆ ในอนาคตต่อไปได้ด้วยครับ"

ผลงานตอนนี้มีอะไรให้ติดตามบ้าง

"ปัจจุบันผมได้แสดงละครเวทีชื่อว่า Ghost the Musical อยู่นะครับ เริ่มตั้งแต่ปี 2013 เดือนพฤศจิกายนแล้วจะจบปี 2014 ในเดือนมิถุนายนนี้ครับ แล้วอาทิตย์หน้าผมจะมีถ่ายทำหนัง Fashion King พอหลังจากจบหนังเรื่องนี้แล้วผมก็จะมีละครเวทีต่อครับ"

หลังจากนั้นก็เป็นช่วงเวลาที่เหล่าบรรดาแฟนคลับของหนุ่ม จูวอน รอคอยกับกิจกรรมที่นักแสดงหนุ่มคนนี้เตรียมมาฝากแฟนๆ ชาวไทย เมื่อ จูวอน ออกมาพร้อมกับเพลงช้าๆ อย่างเพลง "If I Were" เรียกเสียงกรี๊ดจากเหล่าบรรดาแฟนคลับได้อย่างดังสนั่น ก่อนที่หนุ่ม จูวอน จะมานั่งพูดคุยบนเวที ทั้งยังแสดงความสามารถพิเศษด้วยการเล่นกีตาร์ในเพลง "Unchained Melody" ให้แฟนๆ ได้ฟังกัน โดย จูวอน กล่าวว่า "ผมเล่นกีตาร์ตั้งแต่ตอนที่ผมเริ่มเล่นละครเวทีครั้งแรก แล้วผมก็ซ้อมมาเฉพาะเพลงนี้เพลงเดียว (หัวเราะ)"

ต่อจากนั้นก็เป็นกิจกรรมที่หนุ่ม จูวอน จะเป็นผู้เลือกผู้โชคดีขึ้นมาบนเวทีที่พูดกับ จูวอน ได้ 3 คำ โดยมีรางวัลเป็นภาพถ่ายคู่กับหนุ่ม จูวอน แถมยังได้กอดกับนักแสดงหนุ่มอีกด้วย ทำเอาแฟนคลับที่อยู่ด้านล่างต่างพากันส่งเสียงกรี๊ดดังสนั่น ส่วนในช่วงตอบคำถามจากแฟนคลับที่ว่า "ส่งจูบให้ทุกคนในนี้ได้หรือไม่" หนุ่ม จูวอน ก็ไม่รอช้ารีบส่งจูบให้กับแฟนคลับทั่วทั้งฮอลล์ หลังจาก จูวอน ร้องเพลง "Love Medicine" เสร็จสิ้น ด้านแฟนๆ ในไทยก็ภูมิใจเสนอของขวัญพิเศษมอบให้นักแสดงหนุ่ม นั่นก็คือวีทีอาร์บอกความรู้สึกของแฟนๆ ทำเอาหนุ่มคนนี้ยืนดูแล้วยิ้มไม่หุบเลยทีเดียว ซึ่ง จูวอน พูดถึงความรู้สึกว่า "ผมดีใจมากนะครับ แล้วก็ขอบคุณทุกคนที่พยายามมากนะครับ แล้วผมก็ขอบคุณแฟนคลับชาวไทยทุกๆ คนนะครับที่ให้ความรักกับผมนะครับ" ก่อนที่ จูวอน จะขอขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยด้วยบทเพลง "My Way to You"

ถัดมา จูวอน จับสลากและโทรศัพท์ไปหาผู้โชคดี เพื่อขึ้นมาร่วมกิจกรรมที่เรียกเสียงหัวเราะแบบไม่บันยะบันยัง คือการเล่นเกมแปะโพสต์อิต โดยที่หนุ่ม จูวอน จะเป็นผู้แปะโพสต์อิตบนตัวของผู้โชคดี จากนั้นก็ให้ทุกคนสะบัดออกให้เหลือน้อยที่สุดเพียง 1 คนเท่านั้นที่ได้ร่วมกิจกรรมแต่งหน้าเค้กกับ จูวอน สดๆ บนเวที แถมยังได้เค้กนั้นไปครองอีกด้วย และเข้าสู่ช่วงสุดท้ายของการร้องเพลง "This is the Moment" ก่อนที่ จูวอน จะโบกมือลาไป แต่เมื่อเสียงเรียกของแฟนๆ ยังคงอยู่ นักแสดงหนุ่มจึงกลับมาถ่ายทอดน้ำเสียงแบบใกล้ชิดด้วย "My Love" เพลงจากละครเรื่อง "Bread, Love and Dreams"

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30
  • รูปภาพ 31
  • รูปภาพ 32
  • รูปภาพ 33
  • รูปภาพ 34
  • รูปภาพ 35
  • รูปภาพ 36
  • รูปภาพ 37
  • รูปภาพ 38
  • รูปภาพ 39
  • รูปภาพ 40
  • รูปภาพ 41
  • รูปภาพ 42
  • รูปภาพ 43
  • รูปภาพ 44
  • รูปภาพ 45
  • รูปภาพ 46
  • รูปภาพ 47
  • รูปภาพ 48
  • รูปภาพ 49
  • รูปภาพ 50
  • รูปภาพ 51
  • รูปภาพ 52
  • รูปภาพ 53
  • รูปภาพ 54
  • รูปภาพ 55
  • รูปภาพ 56
  • รูปภาพ 57
  • รูปภาพ 58
  • รูปภาพ 59
  • รูปภาพ 60
  • รูปภาพ 61
  • รูปภาพ 62
  • รูปภาพ 63
  • รูปภาพ 64
  • รูปภาพ 65

ความคิดเห็น

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • The Last Five Years - ใช้เวลา 21 วันในการถ่ายทำ และถ่ายทำฉากเพลง Goodbye Until Tomorrow ในวันสุดท้าย อ่านต่อ»
  • Mad Max: Fury Road - ฉากเทคนิคพิเศษประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้ใช้คอมพิวเตอร์ช่วย แต่เป็นของจริงโดยใช้นักแสดงแทน ฉาก และการแต่งหน้าช่วย ส่วนที่ใช้คอมพิวเตอร์ก็ใช้เพียงลบเชือก ตกแต่งพื้นที่ทะเลทรายนามิบ และสร้างแขนปลอมข้างซ้ายของ ชาร์ลีซ เธอรอน ผู้รับบท ฟิวริโอซา เท่านั้น อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เรื่องราวเน้นที่การทุจริตในระบบการศึกษาของประเทศ แนวคิดของการใช้เงินเพื่อซื้ออนาคตไม่ว่าจะเป็นการศึกษา งาน และรายได้ แม...อ่านต่อ»