พบความแตกต่างกับภาพยนตร์คอนเสิร์ต บอดี้สแลม นั่งเล่น
คอนเสิร์ตที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่ผ่านมา หวนกลับมาสร้างความสนุกอีกครั้งบนจอเงินในภาพยนตร์คอนเสิร์ต "บอดี้สแลม นั่งเล่น" โดยมีนักแสดงนำเป็นสมาชิกวงร็อกชื่อดัง "บอดี้สแลม (Bodyslam)" ที่ประกอบไปด้วย "ตูน - อาทิวราห์ คงมาลัย" "ปิ๊ด - ธนดล ช้างเสวก" "ยอด - ธนชัย ตันตระกูล" "ชัช - สุชัฒติ จั่นอี๊ด" "โอม - โอม เปล่งขํา" ร่วมด้วย 3 หนุ่มจากวง " บิ๊กแอส" (Big Ass) อย่าง "ออฟ - พูนศักดิ์ จตุระบุล" "กบ - ขจรเดช พรมรักษา" "หมู - อภิชาติ พรมรักษา" รวมถึง "นาง - ศิริพร อำไพพงษ์" "ป้าง - นครินทร์ กิ่งศักดิ์" "ป๊อด - ธนชัย อุชชิน" โดยมีผู้กำกับมากฝีมืออย่าง "ย้ง - ทรงยศ สุขมากอนันต์" รับหน้าที่เป็นผู้กำกับและได้ "เต็ด - ยุทธนา บุญอ้อม" มาเป็นผู้อำนวยการสร้างให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้
วันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา เหล่านักร้องนักแสดงนำพร้อมใจกันมาร่วมพูดคุยถึงการทำงานในงานเปิดตัวภาพยนตร์คอนเสิร์ต ซึ่งจัดขึ้นที่โรงภาพยนตร์ สยามภาวลัย ชั้น 6 สยามพารากอน ส่วนผู้กำกับ ย้ง ติดภารกิจที่ต่างประเทศเลยส่งผู้ช่วยผู้กำกับอย่าง "บอย - สุรชาญ มั่นคงวงศ์ศิริ" และ "เสือ - พิชย จรัสบุญประชา" มารับหน้าที่เล่าประสบการณ์ในการทำภาพยนตร์
ตูน กล่าวถึงความประทับใจในคอนเสิร์ตว่า "ผมบอกได้เลยว่ามันเป็นคอนเสิร์ตที่ผม จนถึงทุกวันนี้ผมบอกได้เลยว่ามีความสุขกับคอนเสิร์ตมาก ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นตอนที่นั่งคุยกับพี่เต็ดที่ร้านกาแฟกันสองคน ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ไปชวนพี่หมู พี่กบ พี่อ๊อฟ มาเล่นด้วยกันในคอนเสิร์ตครั้งนี้ ก็จริงๆ มันมีทั้งเรื่องราวที่น่าประทับใจและก็มีปัญหาเกิดขึ้นระหว่างทางมากมายที่คาดไม่ถึง ซึ่งสุดท้ายแล้วเราได้ช่วยกัน ไม่ว่าจะเป็นบอดี้สแลมเอง พี่หมู พี่กบ พี่อ๊อฟ รวมถึงทีมงานของพี่ย้งก็ตามพี่เต็ดก็ตาม เราได้ช่วยกันแก้ปัญหา สุดท้ายมันออกมาได้เท่านี้ ออกมาเป็นหนังที่ทุกคนกำลังจะได้ดู ผมบอกได้เลยเป็นคอนเสิร์ตที่ส่วนตัวเองมีความสุขที่สุดในชีวิต"
เมื่อถามความรู้สึกที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับมากฝีมืออย่าง ย้ง นักร้องหนุ่มบอกว่า "ผมว่าเป็นเคมีที่เข้ากันได้ดีที่สุดกับวงบอดี้สแลม เพราะผมรู้สึกว่าผมชอบการที่เขาใส่ใจทุกรายละเอียด ชอบตรงคล้ายๆ กับพวกเราที่ทำเพลงที่เรารู้สึกว่าบางทีเรายังไม่ดีพอ เรายังรู้สึกว่าอยากจะแก้ไขตรงนั้นตรงนี้ เราอยากจะลองโน่นลองนี่ จนบางครั้งลืมเรื่องเวลาไป ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ไม่เป็นระเบียบ เป็นสิ่งยอมรับไม่ได้สำหรับในโลกจริงๆ แต่ผมรู้สึกว่าคนแบบนี้แหละที่จริงจังกับงาน แล้วผลงานเขาที่ผ่านมาทุกอย่างพิสูจน์หมดแล้วว่าเขาเป็นคนแบบนี้แล้วเขาออกมาดี ผมรู้สึกว่าเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับพี่ย้ง แล้วก็ทีมงาน"
สำหรับผู้ช่วยผู้กำกับอย่าง เสือ เล่าถึงความแตกต่างของภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "จริงๆ มันต้องเริ่มมาจากขั้นตอน พอเริ่มเข้าไปคุยกับพี่ย้ง ก็เลยรู้สึกว่างานที่บอกว่าไม่มีสคริปต์อ่ะครับ ก็เลยต้องใช้กล้องจำนวนมาก แต่ว่าเราจะทำยังไงให้งานมันพิเศษต่างจากการถ่ายคอนเสิร์ตทั่วไป เราก็เลยคุยกับพี่ย้งว่าเราต้องชวนตากล้อง ชวนทีมงาน ที่รู้สึกอินกับเพลงของบอดี้สแลม ทุกคนก็มาช่วย พอพูดถึงบอดี้สแลมทุกคนก็จะมาช่วยกัน พอทุกคนอินกับเพลงบอดี้สแลมแล้วทุกคนก็จะฟังเพลงแต่ละเพลง แล้วก็ช่วยตีความภาพในแต่ละส่วนว่ามันควรจะออกมาเป็นยังไง ก็ช่วยๆ กัน"
ส่วนที่มาที่ไปของภาพยนตร์เรื่องนี้ เต็ด เล่าให้ฟังว่า "ก็เริ่มตั้งแต่วันแรกที่เราพูดคุยกันว่าบอดี้สแลมอยากจะมีคอนเสิร์ตที่แตกต่างไปจากคอนเสิร์ต โดยเฉพาะครั้งก่อนหน้านี้ก็คือคอนเสิร์ตใหญ่ที่ราชมังฯ (ราชมังคลากีฬาสถาน) เหมือนกับสำเร็จไปในทิศทางด้านนึงที่มันสุดๆ แล้ว ก็เลยอยากจะลองหมุนมาอีกทางนึง เป็นคอนเสิร์ตเบาๆ เล็กๆ แล้วก็ได้ทำดนตรีในแบบที่ผ่อนคลายลงมา ก็เลยเป็นที่มาของการทำ บอดี้สแลม นั่งเล่น และเนื่องจากว่าการทำคอนเสิร์ตครั้งนี้ มีหลายอย่างที่แตกต่างไปจากทุกสิ่งที่บอดี้สแลมเคยทำมา เราก็เลยคิดว่าในการบันทึกภาพของการแสดงสดก็ควรจะแตกต่างไปด้วย เราก็เลยตกลงกันว่าถ้างั้นเราทำให้มันเป็นหนังเลยแล้วกัน แล้วก็ไปชวนผู้กำกับที่เขาทำหนังจริงๆ มาเป็นผู้กำกับ ก็ได้เป็น คุณทรงยศ สุขมากอนันต์ ครับ"
ทางด้านหนุ่ม ตูน แง้มว่าเป็นครั้งแรกที่จะได้เห็นตัวเองบนจอภาพยนตร์ว่า "ถือเป็นครั้งแรกที่ได้ดูในโรงฯ ใช่ครับ แต่ว่าในระหว่างทางที่เราทำมา เราก็ได้ดูกันไปพอสมควร ส่วนใหญ่จะดูในรถตู้" เจ้าตัวบอกถึงความแตกต่างของการดูคอนเสิร์ตในโรงภาพยนตร์กับการดูบันทึกการแสดงคอนเสิร์ตในรูปแบบที่คุ้นเคยว่า "ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นเรื่องของบรรยากาศ คงแตกต่างจากการดูที่บ้าน มีเพื่อนในการดูหลายๆ คน มีระบบเสียงที่รองรับที่น่าจะดีกว่าที่บ้านอย่างแน่นอน ผมคาดว่าคงไม่มีใครทำโรงฯ เอาไว้ดูที่บ้านแน่"
ฟาก เต็ด เสริมว่า "ยกเว้นที่บ้านคุณมีโรงภาพยนตร์ระบบนี้อยู่ที่บ้านเนี่ย มันก็จะไม่แตกต่าง แต่ว่าอันนี้มันจะเป็นครั้งแรกที่เราได้ดูคอนเสิร์ตบอดี้สแลมในโรงภาพยนตร์ แล้วก็มันก็จะได้ร้องด้วยกันได้ตบมือด้วย เหมือนกับดูคอนเสิร์ตอีกรอบนึงแล้วก็ดูซ้ำแล้วซ้ำอีกได้ครับ" สำหรับที่สุดของเรื่องนี้ เต็ด บอกว่า "เป็นคอนเสิร์ตที่บอดี้สแลมพูดเยอะที่สุด ยาวที่สุด ตัดต่อนานที่สุด เวลาซ้อมก็นานที่สุด พอดีน้ำท่วมด้วยก็เลยยิ่งเพิ่มเวลาซ้อม ฉากออกแบบยากติดตั้งยากที่สุด" ด้านหนุ่ม ตูน ย้ำว่า "ผมบอกได้เลยว่าสำหรับพวกเราเป็นคอนเสิร์ตที่ดีที่สุด ที่พวกเราจะเล่นได้ แล้วก็จะคิดได้ในวินาทีนี้"
ตูน ฝากถึงภาพยนตร์ว่า "จริงๆ แล้วความคาดหวังของเราเนี่ย คือไม่ได้อยากจะทำว่าเอามาขายในโรงหนังจะต้องทำรายได้เท่านั้นเท่านี้ หรือว่าให้คาดหวังกับตัวเลขหรืออะไรแค่อย่างเดียว ที่เราคาดก็คือคนที่ตัดสินใจมาดูที่เป็นแฟนบอดี้สแลมก็ตาม หรือว่ารู้จักเพลงบอดี้สแลมประมาณนึงแต่ว่าอยากจะทดลองมาดู อยากจะคาดหวังให้ทุกคนมีความสุขออกไป ทุกคนเข้ามาแล้วได้นั่งฟังเพลงที่ทุกคนประทับใจในอีกท่าทีนึงท่วงทำนองนึง แล้วก็กลับบ้านอย่างมีความสุขแค่นั้นเอง แล้วก็มีประสบการณ์ในการใช้เสียงในโรงภาพยนตร์ได้ครั้งแรกก็แค่นี้อ่ะครับ"
เก็บเกี่ยวอรรถรสที่แตกต่างกับภาพยนตร์คอนเสิร์ต บอดี้สแลม นั่งเล่น ที่ร้องเพลงและปรบมือไปด้วยได้ ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน 2556 เป็นต้นไปในโรงภาพยนตร์ในเครือ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์