ผจญภัยไปในดินแดนภารตะกับ ปัญญา เรณู 3 ตอน รูปูรูปี

หลังประสบความสำเร็จจากภาพยนตร์เด็กที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรมของชาวอีสานทั้ง 2 ภาคจาก "ปัญญา เรณู" และ "ปัญญา เรณู 2" กันไปแล้ว มาคราวนี้ผู้กำกับ "ท็อป - บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ก็ขอยกก๊วนเหล่านักแสดงและทีมงานไปตะลุยถ่ายทำไกลถึงประเทศอินเดีย เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวการผจญภัยของกลุ่มเด็กไทยและสื่อให้เห็นถึงวิถีชีวิตของชาวอินเดียกับภาพยนตร์เรื่อง "ปัญญา เรณู 3 ตอน รูปูรูปี" โดยเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2556 ได้มีการจัดงานแถลงข่าวภาพยนตร์บริเวณชั้น 7 โรงภาพยนตร์เอสเอฟ ซีนีม่า มาบุญครอง

ภาพยนตร์เรื่องนี้มีทั้งนักแสดงเด็กหน้าเก่าและหน้าใหม่อย่าง "น้ำขิง - สุธิดา หงษา" "แซกกี้ - พงษ์สิทธิ์ นาเวียง" "เปเล่ - บุญฤทธิ์ จันทร์แก้ว" "ชิต - วิชิต สมดี" "โบ๊ต - ปกรณ์ ผ่องศรี" "เซฟ - ศศิธร อัปมานะ" "พลอย - พิมพ์รพี ดีเมืองปัก" และ "ภีม - ธงรบ ดีเมืองปัก" รวมไปถึงนักแสดงรุ่นใหญ่ที่หายหน้าไปนานอย่าง "โดโด้ - ยุทธพิชัย ชาญเลขา" มาร่วมสร้างสีสันในเรื่อง

ท็อป เผยที่เลือกไปถ่ายทำที่อินเดียเพราะ "เกิดเนื่องมาจากว่าผมไปอินเดียมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว เสร็จแล้วก็ไปเจอวิถีชีวิตของคนอินเดียก็มาเปรียบเทียบระหว่างทางอีสานบ้านเรา ที่บอกว่าภาคอีสานบ้านเราเป็นภาคที่แห้งแล้ง เป็นภาคที่ยากจน ถ้าไปเปรียบกับอินเดียนี่สู้อินเดียไม่ได้เลยทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเป็นอยู่ การนอน การใช้ชีวิตส่วนตัวประจำวัน เขาจะใช้ชีวิตเหมือนกับย้อนยุคจากเราไปประมาณสัก 100 ปี พูดง่ายๆ เอาแค่วิธีการกินของเขายังใช้มือจกกินอยู่เลย ลองคิดดูว่าปีนี้เป็นปีพ.ศ.ไหนแล้วเขาก็ยังทำอย่างนี้อยู่

คนไทยไปเห็นแล้วก็เกิดความสงสาร เกิดความคิดว่าอยากจะช่วยเหลือก็คือเพื่อนมนุษย์เหมือนกัน ก็ไปสร้างวัดที่นั่นในอินเดียมีวัดไทยประมาณสัก 50-60 วัด ในเมืองนั้นมีประมาณสัก 10 กว่าวัด แต่ละวัดก็จะมีห้องน้ำ เขารู้ว่าคนไทยชอบไปแสวงบุญที่นั่น คนไทยนี่เรื่องห้องน้ำนี่ไม่ได้เลย ก็เลยต้องสร้างห้องน้ำเป็นอันดับแรก ถ้าตรงไหนมีห้องน้ำดีสะอาดคนไทยก็จะไปพักที่นั่น แต่ระหว่างทางเมื่อเกิดแอ็กซิเดนต์ขึ้นมาก็ต้องยอมเข้าข้างทางเหมือนกัน

ความเป็นอยู่ของเขากับของเรามันแตกต่างกัน ผมก็เลยอยากจะให้เอาเด็กๆ ของภาคอีสานที่เรียกว่าลำบากยากเข็ญไปลองใช้ชีวิตอยู่ที่อินเดียบ้างว่าจะเป็นยังไง ตอนถ่ายผมไปช่วงปิดเทอมเดือนเมษา-พฤษภา อากาศไม่ต้องห่วง ร้อนครับ 38 นี่อย่างต่ำสุด ทีมงานเรานี่กราบแทบเท้าเลย ดาราทุกคนเลย ทุกคนอึดมากขนาดกล้องถ่ายไปเลือดกำเดาไหล เช็ดไปถ่ายไป เด็กบางคนเราก็ต้องเอาปฐมพยาบาลก่อนเพราะเลือดกำเดาไหลตลอด ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่ในโลเคชันต่างๆ เป็นสถานที่จริงๆ ท่านใดที่จะไปอินเดีย ท่านดูเรื่อง ปัญญาเรณู 3 ตอน รูปูรูปี ท่านจะรู้ว่าประเทศอินเดียเป็นยังไง พุทธคยา เมืองกายา ทุกมุมของที่เขาไปแสวงบุญกัน เดี๋ยวได้ดูแน่นอน"

ส่วนชื่อตอน รูปูรูปี นั้น ผู้กำกับเล่าที่มาว่า "รูปู นี่เป็นตัวแทนของเด็กอีสาน เด็กอีสานต้องยอมรับอย่างนึงว่าเขาจะคลุกคลีกับหนองน้ำ คลอง แห ขุดปูหาปูหาปลา ผมคิดว่าภาคอีสานเป็นตัวแทนของรูปู ไปที่อินเดียก็เจอเด็กอินเดีย พวกนี้จะเรียกเด็กอินเดียว่าอะไร ก็เรียกว่ารูปีแล้วกัน แล้วเป็นค่าเงินของอินเดีย ก็เป็นรูปูรูปีเท่านั้นเอง"

น้ำขิง พูดถึงเรื่องราวในเรื่องว่า "เราได้รับจดหมายให้ไปทอดผ้าป่าที่ประเทศอินเดีย ไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมที่อินเดีย ในระหว่างการเดินทางมีเหตุการณ์คือเด็กกลุ่มหนูปวดฉี่อยากจะเข้าห้องน้ำ ซึ่งในระหว่างการเดินทางไม่มีห้องน้ำหรอก ก็มีแต่ข้างทาง เราก็เลยลงข้างทางเพราะไม่ไหวแล้วลงไปกลุ่มเรา 7-8 คน แต่มีเหตุการณ์รถวิ่งออกไปก่อนเพราะโดนโจรปล้น แล้วก็ปล่อยเด็กกลุ่มหนูวิ่งตาม สุดท้ายก็วิ่งตามไม่กัน ก็เลยมานั่งปรึกษากันว่าจะเอายังไงดี" พลอย ก็ช่วยเสริมว่า "ก็ไปเจอเพื่อนใหม่ค่ะเป็นเด็กอินเดีย แต่เราไม่รู้ชื่อเขาน้ำขิงก็ตั้งชื่อให้ว่ารูปีค่ะ เขาก็พาไปปั้นขี้วัวบ้าง ไปขอทานบ้าง"

ด้าน โดโด้ ที่เชี่ยวชาญประเทศอินเดียเพราะตอนนี้ยึดอาชีพนำเที่ยวไหว้พระในอินเดีย บอกถึงการมารับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "กลับมาเล่นหนังในรอบ 10 กว่าปีครับ มาเล่นเรื่องนี้เพราะว่าได้คุยกับพี่ท็อปในเรื่องการติดต่อไปอินเดียกัน จังหวะนั้นผมไปอินเดียพอดีพี่ท็อปกำลังประสานงานที่เลือกไปถ่ายอินเดีย ก็เลยฝากติดต่อฝากไปฝากมาก็เลยเล่นด้วยเลยขอเล่นด้วย ไปอินเดียผมขอเล่นด้วย"

ท็อป เล่าว่าถึงความแตกต่างของการไปถ่ายทำที่เมืองพุทธคยาที่จะไม่เคยเห็นที่ไหนว่า "น้ำวรรณะ 4 วรรณะ เราได้ไปขออนุญาตให้ถ่ายทำได้ ปกติเขาไม่ให้ใครถ่ายนะครับ ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันเพราะว่าเป็นน้ำชั้นวรรณะแต่ละวรรณะ มีพราหมณ์ กษัตริย์ แพศย์ ศูทร แต่จัณฑาลจะไม่มีในนั้น จัณฑาลก็จะมาอาบน้ำกันด้านล่าง ชั้นที่ 4 อาบ น้ำที่อาบแล้วจากชั้นที่ 4 ชั้นที่ 3 ก็จะอาบเสร็จแล้วก็จะไหลไปชั้นที่ 2 ก็จะอาบจากชั้นที่ 4 ชั้น 3 ลงมาแล้วชั้น 1 ก็จะอาบกัน แล้วก็เป็นน้ำเสียไหลลงมาเป็นบ่อเก็บน้ำเสีย พวกจัณฑาล พวกขอทานก็อาบตรงนั้นกัน แล้วเด็กๆ พวกนี้ทุกคนต้องลงไปอาบน้ำตรงนั้น"

สำหรับการถ่ายทำก็เป็นเรื่องยากเหมือนกัน ต้องมีการตั้งกองหลอก กองจริง ซึ่งผู้กำกับกล่าวว่า "เราเป็นหนังเรื่องแรกที่ไปถ่ายที่พุทธคยาก็จะมีแขกมุงเป็นพันๆ คน พอเห็นตั้งกล้องปุ๊บก็จะเอาหน้ามาหลอก ทำไม้ทำมืออยากเข้ากล้อง ขนาดมีล่ามแล้วบอกคุณเดินไปไหนได้ มองได้ แต่อย่ามองกล้อง ก็ไม่ฟังเรา ก็ยังทำอยู่ตลอด เราก็เลยเอาอย่างนี้ดีกว่า แยกกองเอากองนี้ไปตั้งตรงนู่น กองนี้เหมือนเก็บแล้ว ก็แห่ไปกองนู่นกัน แล้วเราก็แอบถ่ายตรงนี้กัน"

ท็อป เผยถึงความคาดหวังในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "คาดหวังทุกภาคนะครับ แต่จะได้หรือไม่ได้นั้นก็อยู่ที่สื่อมวลชนนะครับ อยู่ที่การเสนอข่าวแล้วก็ช่วยๆ ผมด้วยนะครับ ให้กำลังใจผมด้วยเพราะเรื่องนี้ผมตั้งใจทำสุดชีวิตของผมเลย แล้วการไปถ่ายที่ประเทศอินเดียถือว่ายากมากจริงๆ เรื่องการลงทุนมันมากกว่าภาค 1 ภาค 2 เยอะมาก เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราตั้งใจก็อยากให้พี่น้องประชาชนคนไทยได้ดูหนังไทยที่แปลกใหม่ไปจากปัญญา เรณู ภาค 1 และภาค 2 ครับ"

น้ำขิง กล่าวฝากภาพยนตร์ว่า "ก็อยากขอฝากภาพยนตร์เรื่องนี้ไว้นะคะ เพราะว่าพี่ๆ ทีมงานลงทั้งแรงกายแรงใจให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้ อยากให้มาเป็นกำลังใจให้กับพี่ๆ ทีมงานแล้วก็นักแสดงอย่างพวกเราด้วยค่ะ ยังไงก็ขอฝากภาพยนตร์ ปัญญา เรณู 3 ตอน รูปูรูปี ด้วยค่ะ เรื่องนี้ไปโกอินเตอร์ถึงอินเดีย ก็ขอฝากด้วยค่ะ 7 มีนาคมนี้ได้ชมแน่นอนค่ะ"

ติดตามเรื่องการผจญภัยของเด็กไทยในต่างแดนและวิถีชีวิตของชาวอินเดียได้ใน ปัญญา เรณู 3 ตอน รูปูรูปี เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ 7 มีนาคม 2556