สนุกเฮฮาสานต่อความรักและเสียงเพลงใน ปัญญา เรณู 2
หลังจากที่ 2 นักแสดงเด็กหน้าใหม่อย่าง "ทิว - โชติวัตร์ พลรัศมี" และ "น้ำขิง - สุธิดา หงษา" เคยฝากความประทับใจในความน่ารักและความสามารถไว้ในภาพยนตร์เรื่อง "ปัญญา เรณู" ที่สะท้อนให้เห็นถึงวัฒนธรรณของชาวอีสาน จนได้กระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้ชมภาพยนตร์ ด้าน "ท็อป - บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์" ที่ลงมือกำกับและเขียนบทเองก็ไม่รอช้าเดินหน้าสร้าง "ปัญญา เรณู 2" ภาคต่อออกมาทันที
ภาคนี้ยังได้นักแสดงตลกระดับแถวหน้าของเมือง ไทย "เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา" หรือ "หม่ำ จ๊กมก" และ "ตุ๊กกี้ - สุดารัตน์ บุตรพรม" มาร่วม เป็นตัวชูโรง และยังมีนักแสดงเด็กอย่าง "มิว - ธฤศวรรณ กาหาวงษ์" "แฟรงค์ - พงษ์สิทธิ์ นา เวียง" และ "เปเล่ - บุญฤทธิ์ จันทร์แก้ว" มาช่วยสร้างสีสันในภาพยนตร์
บรรยากาศในงานเปิดตัว เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ ซีเน ม่า เซ็นทรัลเวิลด์ ก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานและเสียงหัวเราะ เริ่มต้นความคึกคักด้วยเพลงเมดเลย์สนุกๆ เครียดเด๊ะ (รีมิกซ์) เด้งดึ๋ง กะละมัง What is Call คักแทแด และ ปัญญาเรณู จากเหล่านักแสดงเด็กๆ ที่มาอวดความสามารถทางด้านการร้องและการเต้นให้ได้ชมกัน ก่อนจะคุยกับผู้กำกับและเหล่านักแสดงในเรื่อง
ในภาคนี้ยังได้นักแสดงตลกระดับแถวหน้าของเมืองไทย "เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา" หรือ "หม่ำ จ๊กมก" และ "ตุ๊กกี้ - สุดารัตน์ บุตรพรม" มาร่วมเป็นตัวชูโรง ทั้งยังมีนักแสดงเด็กอย่าง "มิว - ธฤศวรรณ กาหาวงษ์" "แฟรงค์ - พงษ์สิทธิ์ นาเวียง" และ "เปเล่ - บุญฤทธิ์ จันทร์แก้ว" มาช่วยสร้างสีสันให้กับภาพยนตร์
ท็อป เผยความรู้สึกในการสร้างภาพยนตร์ภาคต่อว่า "ดีใจครับที่ภาคแรกประสบความสำเร็จนะครับ จนได้มาทำภาคสองต่อ ได้เกียรติจากคุณหม่ำกับคุณตุ๊กกี้ที่มาเล่นภาคสอง มีตุ๊กกี้กับหม่ำผมคาดหวังแน่นอน เพราะสองคนนี้มาเจอกันไม่ผิดหวังแน่นอนอยู่แล้วครับ" ผู้กำกับปัดไม่รู้สึกกดดันกับการที่จะเกิดการเปรียบเทียบระหว่างภาคแรกและภาคที่สอง "ไม่มีเลยครับ ไม่กดดันเลย ผมมั่นใจว่าการทำภาคสองของเรา แล้วคนเอาไปเปรียบเทียบกับภาคหนึ่ง ผมไม่รู้สึกเครียดเลยนะครับ ผมดูก็ยังประทับใจอยู่ ภาคสองยังมีความสนุก ความเป็นอีสาน ยังคงความน่ารักของ ปัญญา เรณู อยู่เหมือนเดิม ไม่ใช่หนังตลกที่ไร้สาระ"
ผู้กำกับเปรยจะทำภาคต่อไปเรื่อยๆ แถมยังแง้มว่าบทภาพยนตร์ในภาค 3 ก็เขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว "เด็กโตขึ้นดีครับ เพราะผมจะได้ทำระดับประถม มัธยม แล้วก็อาชีวะ มหาวิทยาลัยต่อๆ ไปเรื่อยๆ เพราะว่าเราวางคอนเซปต์เอาไว้อย่างนั้นจริงๆ นะครับ มีทั้งสาม ทั้งสี่ ทั้งห้า มีไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าภาคสองอาจจะไม่ได้รับการตอบรับมากมายเท่าไรนะครับ แต่ตอนนี้ภาคสามเขียนบทเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ"
ด้าน หม่ำ ที่มาช่วยเสริมความสนุกสนานในภาคนี้ก็บอกถึงการตัดสินใจรับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้แบบเอาใจเจ้านายเล็กๆ ว่า "หนังเรื่องนี้ตอนแรกผมไม่อยากจะเล่นนะบอกตรงๆ แต่พอมีชื่อปัญญาต้องมาเล่นสิ เพราะว่าชีวิตผมมีแต่ปัญญา (ปัญญา นิรันดร์กุล) ครับ" ตุ๊กกี้ เผยความรู้สึกที่ได้ร่วมงานในเรื่องนี้ว่า "สิ่งแรกคือหนูดีใจมาก เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ขอเล่นเอง แล้วก็เป็นภาพยนตร์ที่ออกแบบเสื้อผ้าหน้าผมเอง ที่สำคัญคือถ่ายทำที่หมู่บ้านพื้นเพของตุ๊กกี้เอง เราก็ภูมิใจอะไรที่สามารถถ่ายทอดความเป็นลูกอีสานได้มากที่สุด ตุ๊กกี้ก็เต็มที่แล้วก็เต็มใจที่สุดแล้วค่ะ"
ส่วน น้ำขิง กล่าวถึงการทำงานร่วมกับ ตุ๊กกี้ ว่า "ดีใจมากค่ะ ไม่คิดเลยว่า ปัญญา เรณู จะพาน้ำขิงให้มาเจอกับพี่ตุ๊กกี้ เพราะว่าติดตามผลงานพี่เขามานานแล้วก็ไม่คิดว่าจะได้มาเจอกันในปัญญา เรณู ดีใจมากค่ะ เข้าฉากแรกขาสั่น ไม่กล้าพูดกับพี่เขาเลย" ฝั่ง ตุ๊กกี้ ก็พูดถึง น้ำขิง ที่กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวไปแล้วว่า "หนักใจมากแล้วที่สำคัญคือมีคนจะมาแทนที่เราแล้ว มีคู่แข่งแล้ว ดีนะที่เกิดทีหลังเรา"
สำหรับ ทิว บอกความรู้สึกอย่างสั้นๆ ที่ได้ร่วมงานกับตลกระดับแถวหน้าของเมืองไทยว่า "ดีใจครับที่ได้ร่วมงานกับลุงหม่ำ" ฟาก มิว เผยเรื่องที่ประทับใจในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "เป็นเรื่องที่พี่หม่ำและพี่ตุ๊กกี้มาเล่นเรื่องนี้ค่ะ พี่เขาระดับซุปเปอร์สตาร์ พี่หม่ำก็เป็นมืออาชีพค่ะ หน้าตาก็ดีการแสดงก็เก่ง ส่วนพี่ตุ๊กกี้เขาจะสอนเรื่องบท พี่ตุ๊กกี้เก่งค่ะ ความสามารถเลิศค่ะ"
ทิว ฝากถึงภาพยนตร์ว่า "มาเบิ่งหนัง ปัญญา เรณู ภาค 2 ด้วยนะครับ ใครที่เบิ่งภาคแรกแล้วก็มาเบิ่งภาค 2 ด้วยนะครับ เพราะว่าพวกผมก็พยายามเล่นอย่างเต็มที่ครับ ปัญญา เรณู เข้าแล้วอย่าลืมครับ" มิว กล่าวว่า "ขอให้มาดู ปัญญา เรณู ภาค 2 พวกเราก็ตั้งใจเล่นกันเต็มที่ทุกคนจริงๆ ค่ะ ถ้าหากคนที่ได้ไปดูออกมาจะมีแต่รอยยิ้มมีความสุขนะคะ" และปิดท้ายที่ น้ำขิง พูดว่า "ปัญญา เรณู 2 นะคะ วันที่ 26 มกรา เข้ามาเบิ่งกันได้เลยค่ะ เพราะว่าพวกเฮาตั้งใจกันอย่างเต็มที่เลยค่ะ"
พร้อมฮาม่วนชื่นกับความน่ารักของเด็กๆ แดนดินถิ่นอีสานใน ปัญญา เรณู 2 กันได้ตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2555 เป็นต้นไปในโรงภาพยนตร์