2 นักแสดงนำ เอ็ด และ เลห์ตัน จาก Gossip Girl เยือนไทย

หลังจากปิดปรับปรุงโฉมใหม่อยู่นาน ในที่สุดศูนย์การค้าย่านใจกลางวัยรุ่นอย่างสยามเซ็นเตอร์ ก็พร้อมกลับมาเปิดให้ใช้บริการอย่างเป็นทางการแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 มกราคม ที่ผ่านมา นอกจากจะมีการจัดงานฉลองเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ทั้งแสง สี เสียงแล้ว ก็ยังมี 2 นักแสดงนำจาก "Gossip Girl" ละครชุดทางโทรทัศน์เรื่องดังฝั่งอเมริกาอย่าง "เลห์ตัน มีสเตอร์" (Leighton Meester) เจ้าของบทบาทสาวสวยเอาแต่ใจ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้สิ่งที่ตัวเองต้องการ แบลร์ วอลดอร์ฟ (Blair Waldorf) หรือฉายา ควีนบี (Queen B.) และ "เอ็ด เวสต์วิก" (Ed Westwick) ในบทหนุ่มรูปหล่อพ่อรวย ใช้เงินซื้อทุกอย่างที่ต้องการ ชัค แบส (Chuck Bass) มาร่วมงานด้วย ซึ่งก่อนที่จะไปพบกับแฟนๆ ที่รอการมาเยือนของทั้งคู่ เลห์ตัน และ เอ็ด ได้มาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ณ ห้องสุรวิน โรงแรมสยาม เคมปินสกี้

มีกระแสว่าช่วงนี้เป็นยุคทองของวงการโทรทัศน์ แต่วงการภาพยนตร์อยู่ในช่วงขาลง รู้สึกอย่างนั้นไหม

เลห์ตัน "ฉันก็ไม่สามารถตอบได้เหมือนกันว่าเป็นช่วงนี้เป็นยุคทองของวงการโทรทัศน์ หรือว่าเป็นช่วงขาลงของภาพยนตร์หรือเปล่า เพราะว่าตัวฉันเองก็ยังสนุกสนานกับการดูภาพยนตร์อยู่ เชื่อว่าก็ยังมีโปรดักชันดีๆ อีกเยอะที่จะนำมาเสนอให้ได้ชมกันค่ะ"

คิดว่าสื่อโทรทัศน์สามารถเข้าถึงผู้ชมได้มากกว่าภาพยนตร์ไหม

เอ็ด "สำหรับผมก็คิดว่าทีวีโชว์อาจจะสื่อถึงคนดูได้มากกว่า เพราะว่าเป็นเรื่องราวที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริงของคนมากกว่า บางทีหนังจะมีความเป็นแฟนตาซี เหนือจินตนาการมากกว่า ตรงนี้ก็เลยอาจจะเป็นส่วนที่ทำให้ทีวีโชว์เข้าถึงผู้ชมได้มากกว่าครับ"

เลห์ตัน "ฉันว่าทีวีซีรีส์ไม่ได้เป็นแค่เรื่องราวที่ดูแค่ 2 ชั่วโมงแล้วจบไป แต่มันยังสามารถที่จะอยู่กับผู้ชมไปได้เป็นปีๆ บางทีคนบางคนเหมือนโตขึ้นมาพร้อมๆ กับซีรีส์ก็จะรู้สึกผูกพันแล้วเข้าถึงได้มากกว่าค่ะ"

นอกจากเรื่องคำพูดและแฟชั่นแล้ว คิดว่า Gossip Girl มีอิทธิพลต่อเรื่องใดอีก

เลห์ตัน "ฉันก็ตอบแทนคนอื่นไม่ได้หรอกว่า Gossip Girl จะไปมีอิทธิพลต่อสังคมยังไงบ้าง แต่สำหรับในมุมมองของตัวเองที่ได้ร่วมงานในเรื่องนี้ ก็คือทำให้ได้เรียนรู้สังคมว่ามีสังคมแบบนี้อยู่จริงๆ ถ้าไม่ได้มาเล่นเรื่องนี้ก็จะไม่มีวันได้รู้ เป็นสังคมแบบไฮโซ ทุกอย่างต้องเพอร์เฟกต์ที่สุด แล้วตัวละครในเรื่องถึงแบลร์จะเป็นผู้หญิงที่เพอร์เฟกต์แค่ไหน แต่จริงๆ แล้วเขาก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึงเท่านั้นเองค่ะ"

เอ็ด "ผมเองก็เห็นด้วยกับเลห์ตันเหมือนกัน ก็ขอให้คนอื่นเป็นคนตอบแล้วกันว่ามันมีอิทธิพลกับคนอื่นยังไงบ้างครับ"

ความแตกต่างระหว่างละครกับภาพยนตร์

เอ็ด "แตกต่างในเรื่องของระยะเวลาที่ใช้ถ่ายทำ สมมติละครทีวีถ่าย 8 วันออกอากาศ 1 ชั่วโมง ส่วนภาพยนตร์ถ่าย 3 เดือนออก 2 ชั่วโมง ภาพยนตร์จะมีระยะเวลาในการเตรียมตัวในการถ่ายทำเยอะกว่า แต่สำหรับ Gossip Girl ก็จะมีความพิเศษหน่อยตรงที่ว่าซีรีส์เรื่องนี้เราถ่ายทำกันมา 6 ปีแล้ว ก็รู้สึกว่ามีความผูกพันกับซีรีส์เรื่องนี้ครับ"

เลห์ตัน "ก็จะคล้ายกับของเอ็ด ก็คือในเรื่องของการเตรียมตัว การเตรียมตัวของละครทีวีจะจบลงเร็วกว่าภาพยนตร์"

ตอนนี้ Gossip Girl ถ่ายทำจบแล้ว คิดถึงอะไรมากที่สุด

เอ็ด "สิ่งที่คิดถึงก็คือคิดถึงกันและกันเองนี่แหละครับ เพราะว่าตอนนี้ก็ไม่ได้ถ่ายซีรีส์เรื่องนี้ด้วยกันแล้ว คิดถึงเมืองนิวยอร์กแล้วก็ผู้คนที่ได้พบเจอระหว่างที่ทำงานและผูกพันกันระหว่างที่ถ่ายซีรีส์เรื่องนี้ แล้วก็คิดถึงบทละครที่เขียนให้บทบาทได้ทำอะไรที่ท้าทายสุดๆ ตื่นเต้นๆ ที่คิดว่าในชีวิตจริงคงไม่ได้ทำ"

เลห์ตัน "ก็คิดถึงนิวยอร์กเหมือนกัน แล้วก็คิดถึงความทรงจำระหว่างที่ได้ไปถ่ายทำ เพราะว่าฉันอยู่กับซีรีส์เรื่องนี้มาตั้งแต่อายุ 20 ปี ตอนนี้ก็ 26 ปีแล้ว ก็ค่อนข้างเป็นระยะเวลาที่ยาวนานเหมือนกันค่ะ"

หลังๆ มีตัวละครที่เหมือน แบลร์ ออกมาเยอะ เป็นเพราะมุมมองในสังคมที่มีต่อผู้หญิงเปลี่ยนไปไหม

เลห์ตัน "เดี๋ยวนี้ที่ละครทีวีมักจะวางคาแรกเตอร์ผู้หญิงให้ออกมาดูเหมือนแข็งกร้าว ดูร้ายๆ ตัวละครแบลร์ก็มีเหตุผลที่ทำไมเขาถึงเป็นแบบนั้น เพราะว่าแบลร์เจอเรื่องราวต่างๆ มากมาย เขาก็เลยพยายามจะซ่อนความอ่อนแอ ความเปราะบางของตัวเองเอาไว้ ซึ่งจริงๆ ก็เป็นปัญหาที่ผู้หญิงที่ทุกคนเจอเนี่ยแหละ เพียงแต่ว่าไม่แสดงออกมาเท่านั้นเอง"

คิดว่าบทบาทที่ได้รับมีส่วนไหนที่เหมือนหรือต่างจากตัวเอง

เลห์ตัน "ไม่เหมือนกันเลยค่ะ เพราะว่าอย่างแบลร์เขาจะเป็นคนห่วงภาพพจน์ของตัวเองมาก ต้องทำทุกอย่างออกมาดูดีที่สุดในสายตาคนอื่น แต่สำหรับตัวเองเรื่องพวกนี้จะเป็นเรื่องรองลงมาค่ะ"

มีใครเป็นศิลปินในดวงใจไหม

เลห์ตัน "ชอบ ออเดรย์ เฮบเบิร์น (Audrey Hepburn) กับ แคตธารีน เฮปเบิร์น (Katharine Hepburn) ค่ะ"

เคยมาไทยก่อนหน้านี้ไหม

เอ็ด "ผมเพิ่งเคยมาเป็นครั้งแรกครับ อยากจะลองไปทานอาหารไทยแล้วก็ไปเที่ยวหลายๆ ที่ในเมืองไทยด้วยครับ"

เลห์ตัน "ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2 แล้วที่ได้มาเมืองไทย ฉันมีญาติอยู่ที่กระบี่ ครั้งที่แล้วก็ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเลยนอกจากอยู่ในกรุงเทพฯ คราวนี้ก็มีแพลนว่าอยากจะไปเที่ยวกระบี่ เกาะพีพี แล้วก็เกาะสมุยค่ะ"

มาไทยได้ลองทานอาหารไทยหรือยัง

เอ็ด "ช่วยแนะนำผมหน่อยสิครับว่าจะทานอะไรดี"

เลห์ตัน "เคยได้ลองทานส้มตำ แล้วก็ติดใจข้าวอบสับปะรดค่ะ"

ได้รับการจับอันดับให้เป็นหนุ่มเซ็กซี่ที่สุดจากนิตยสาร Glamour คิดว่าส่วนไหนของตัวเองเซ็กซี่ที่สุด

เอ็ด "ผมเองก็เซอร์ไพรส์มากๆ แล้วก็รู้สึกเขินๆ เหมือนกันที่ได้รับเลือกให้เป็นหนุ่มเซ็กซี่ ส่วนที่คิดว่าเซ็กซี่ที่สุดคงจะเป็นเท้าซ้ายของผมครับ เพราะว่าใช้เตะฟุตบอล (หัวเราะ)"

ความรู้สึกที่ได้มาร่วมงานเปิดตัวสยามเซ็นเตอร์

เอ็ด "ก็รู้สึกดีใจแล้วก็เป็นเกียรติที่ได้มาร่วมงาน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมมาเมืองไทยก็รู้สึกดีใจที่ได้มา เลห์ตันเคยบอกว่าที่นี่ดีมากๆ ผู้คนก็น่ารักมากๆ ด้วย ขอบคุณที่ชวนมาร่วมงานครับ"

เลห์ตัน "ก็รู้สึกดีใจที่ได้รับเชิญให้มาร่วมงานในวันนี้ ก็อยากจะเห็นโฉมใหม่ของสยามเซ็นเตอร์ด้วยเหมือนกันค่ะ"

สำหรับบรรยากาศในช่วงเย็นก็มีเหล่านักแสดงชื่อดังของไทย "ชมพู่ - อารยา เอ ฮาร์เก็ต" "แบรี่ - ณเดชน์ คูกิมิยะ" "โอ้ - มาริโอ้ เมาเร่อ" "ใหม่ - ดาวิกา โฮร์เน่" "เอมมี่ - มรกต กิตติสาระ" "ไอซ์ - อภิษฎา เครือคงคา" "มิว - ลักษณ์นารา เปี้ยทา" "ใบเฟิร์น - พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์" และ 2 นักแสดงนำจากซีรีส์เรื่อง Gossip Girl เลห์ตัน กับ เอ็ด ก็ได้ร่วมเดินพรมแดงเพื่อร่วมเปิดตัวโฉมใหม่ให้กับสยามเซ็นเตอร์ ท่ามกลางเหล่าแฟนคลับที่มารอต้อนรับอย่างคับคั่ง

นอกจากนั้นก็ยังมีเสียงเพลงมาช่วยสร้างความสุขต้อนรับการเปิดใช้บริการเป็นครั้งแรก ที่มีทั้งหนุ่ม "บอย - ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์" ที่มาในเพลง "มันคือความรัก" ส่วนสาว "ญาญ่า - อุรัสยา เสปอร์บันด์" อวดเสียงใสๆ กับเพลง "อาการรัก" ต่อด้วยนักร้องนักแต่งเพลงจากเกาะอังกฤษ ที่เรียกเสียงกรี๊ดจากแฟนๆ ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติได้อย่างล้นหลาม "ไทโอ ครูซ" (Taio Cruz) ที่ขนเพลงมันๆ มาให้อย่างเต็มพิกัด ไม่ว่าจะเป็น "Hangover" "Break Your Heart" "There She Goes" และ "Dynamite" ปิดท้ายด้วยหนุ่มๆ วง "แทททู คัลเล่อร์" ที่มาพร้อมกับเพลง อาทิ "เปิดเพลงไหน เปิดเมื่อไหร่ ก็ยังสวยงาม" "ขาหมู" และ "อากาศร้อนๆ"