1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

ร่วมค้นหาบทสรุปแห่งความโศกเศร้าใน จันดารา ปัจฉิมบท

ร่วมค้นหาบทสรุปแห่งความโศกเศร้าใน จันดารา ปัจฉิมบท

หลังจากส่งภาคแรก "จันดารา ปฐมบท" ออกมาบอกกล่าวเรื่องราวของหนุ่ม "จัน ดารา" ล่าสุดก็ถึงเวลาของภาคต่อมา "จันดารา ปัจฉิมบท" ภาพยนตร์แนวชีวิตที่เป็นบทสรุปของความเศร้าโศกทั้งหมด รวมถึงบทเรียนที่ จัน จะได้รับ ผลงานการกำกับภาพยนตร์ของ "หม่อมน้อย - หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล" นำแสดงโดย "โอ้ - มาริโอ้ เมาเร่อ" "หญิง - รฐา โพธิ์งาม" "เจี๊ยบ - ศักราช ฤกษ์ธำรงค์" "ตั๊ก - บงกช คงมาลัย" "พิ้งกี้ - สาวิกา ไชยเดช" "ภูมิ - ณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา" "นิว - ชัยพล จูเลี่ยน พูพาร์ต" "ต๊งเหน่ง - รัดเกล้า อามระดิษ" "อเล็กซ์ - ทวีศักดิ์ ธนานันท์" "วิว - วรรณรท สนธิไชย" "ปูไข่ - พงศ์สิรี บรรลือวงศ์" และ "อ้อม - กานต์พิศชา เกตุมณี"

เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2556 ณ ห้องบอลรูม 1 ชั้น 3 โรงแรมดิโอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ ได้มีงานแถลงข่าวเปิดตัวภาพยนตร์เรื่อง จันดารา ปัจฉิมบท โดยมีผู้กำกับและเหล่านักแสดงนำของเรื่องมาพูดคุยถึงภาพยนตร์ ร่วมกับ "กนก รัตน์วงศ์สกุล" ซึ่งรับหน้าที่พิธีกร

หม่อมน้อย กล่าวว่าภาคนี้เนื้อหาจะเข้มข้นกว่าภาคแรก "มันเป็นไปตามท้องเรื่องอ่ะ เข้มข้นขึ้นในทุกๆ แบบ จันเขาโตขึ้นแล้วกับการที่เขากลับมาเมื่อล่วงรู้ความจริงว่าพ่อเป็นใคร รู้ความจริงว่าจริงๆ แล้วเขาคือทายาทตัวจริงของบ้านหลังนี้ เพราะฉะนั้นเขาเลยใช้กามารมณ์เป็นอาวุธ ซึ่งตอนนี้เขาเริ่มโตแล้วมันเลยเข้มข้นขึ้น แล้วก็ตัวละครอื่นๆ ก็เป็นคนฉลาดหมด อย่างตัวบุญเลื่องเองก็รู้ว่าตัวเองจะต้องโดนอะไร เพราะฉะนั้นมันเป็นเล่ห์กล ความสนุกอยู่ตรงนี้ฮะ มันเข้มข้นขึ้น จะเข้มข้นในทุกๆ ขั้นตอน แล้วก็ตัวละครจะเปลี่ยนแปลงไปทุกตัวเลย จะมีการพัฒนาการทางความคิดทางปัญญา ไม่ว่าจะเป็นทางบวกหรือทางลบ ทำให้สนุกมากอ่ะ จริงๆ แล้วจะพูดไปคล้ายๆ ละครน้ำเน่าเลยนะ แต่ว่าตัวละครเป็นมนุษย์มาก"

ด้านหนุ่ม โอ้ ที่รับบทเด่นในเรื่องบอกว่า "ปัจฉิมบทก็คือเป็นเหมือนบทสรุปครับ ใครที่ได้ดูปฐมบทแล้วก็ต้องดูปัจฉิมฯ ครับ แล้วใครยังไม่ได้ดูก็ไปซื้อดีวีดีดูได้ แต่ว่าสำหรับโอ้ก็หนักมากครับสำหรับภาคนี้นะครับ ก็คือหนักตั้งแต่ภาคที่แล้ว แต่ว่าภาคนี้จะเต็มๆ มากกว่า แล้วก็เรื่องความพัฒนาของตัวละครด้วย แล้วก็เรื่องของอายุตัวละคร โอ้ก็เล่นตั้งแต่ 18-80 เลยครับ นิวก็ด้วยเหมือนกันฮะ"

ผู้กำกับเอ่ยว่าเข้าใจ หากภาคนี้จะโดนวิพากษ์วิจารณ์อีก "ก็อธิษฐานตอนสวดมนต์ข้ามปี (หัวเราะ) ให้ทุกคนเมตตาผมบ้าง ก็มี ส.ว. ของราชบุรีหรือของเพชรบุรีสักอย่าง เขาวิพากษ์วิจารณ์ออกมาว่าทำไมกระทรวงปล่อยออกมา แต่ว่าทางเราก็ทำตามพื้นฐานของกฎหมายและศีลธรรมอยู่แล้ว พวกเราไม่มีความจงใจที่จะออกมาเป็นอนาจารแต่ว่ามันก็ยาก ตอนหลังผมเข้าใจก็แล้วแต่มุมมองของคนนะฮะ การยกเรื่องนี้ขึ้นมามันอยู่ที่วิจารณญาณของคนจริงๆ"

เมื่อถามว่าตัวละครแบบ จัน ดารา มีอยู่จริงในสังคมยุคนี้หรือไม่ หม่อมน้อย พูดว่า "คือโดยความเป็นจริงมันคงจะยากสำหรับมนุษย์บุคคลนึง ถ้าตกอยู่ในชะตากรรมแบบ จัน ดารา นะครับ ผมว่าเข้าโรง'บาลประสาทไปตั้งแต่อายุ 19 แล้ว แต่ว่าความยิ่งใหญ่ของตัวละคร จัน ดารา คือเขาสามารถสู้ชีวิต ไม่ว่าอะไรไม่ว่าเหตุการณ์ใดๆ จะกระทบเขา ไม่ว่าจะมีอุปสรรคใดๆ หรือเขาต้องต่อสู้กับความยากลำบากยังไงก็ตาม เขาสู้ชีวิตจนเขาแก่อายุ 90 อ่ะ"

นอกจากนี้ ผู้กำกับยังเสริมว่า "คือถ้าจะมองไปว่าคนๆ นี้ที่เจอความทุกข์ของโลกมนุษย์โหมกันมาแต่เขายังสู้ชีวิต ซึ่งอันนี้ก็จะเป็นอุทาหรณ์ให้เราได้เห็นว่าจริงๆ แล้วทุกวันก็เจอกับอุปสรรคนานานับประการนะครับ ไม่ว่าจะเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องประเทศชาติ เรื่องภูมิอากาศ หรือโลกก็ตามเปลี่ยนแปลงไป จริงๆ เราต้องมีสติแล้วก็สู้ต่อไป คือคาแรกเตอร์ จัน ดารา มีทั้งทำดีและทำไม่ดี ทำไม่ดีอาจจะเยอะหน่อย แต่อย่างน้อยที่สุดเขาไม่ยอมแพ้ชีวิต เขายังเผชิญชะตากรรม ซึ่งอันนี้ผมคิดว่าคาแรกเตอร์ของตัวละครนี้ยิ่งใหญ่มาก ไม่เพียงแต่ จัน ดารา คนเดียว ตัวละครอื่นๆ ก็เช่นกัน ทุกคนสู้ชีวิต ทุกคนต่อสู้เพื่อให้เรามีชีวิตที่ดีขึ้นแล้วก็ไม่ท้อถอยถึงขั้นทำลายชีวิตตัวเอง"

โอ้ เผยว่าการแสดงอารมณ์ในภาคนี้จะซับซ้อนกว่าภาคแรก "มันค่อนข้างเยอะ ซับซ้อนมากเลยครับ เพราะว่าตัวจันเองตอนออกไปถ้าใครได้ดูภาคแรกนะครับ ก็คือพอออกไปก็ยังเป็นเด็กใสๆ อยู่ครับ แต่พอไปเจอ คุณท้าวยาย (คุณท้าวพิจิตรรักษา) ก็ถูกคุณท้าวยายสอนด้วยอะไรด้วยครับ แล้วก็ประกอบกับจันคือโดนคุณหลวงทำร้ายมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็อีกหลายอย่างครับ เพราะว่าจันก็ได้รู้ความจริงบางอย่างที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน ก็เลยทำให้เขากลับมาเป็นอีกแบบนึงไปเลย เล่นถึงตอนแก่เลยครับ ภาคที่แล้วตอนแก่ยังไม่เยอะมากเท่าไร แต่ว่าภาคนี้จะเยอะกว่าเยอะเลยครับ"

พระเอกหนุ่มเปิดใจว่าเป็นการรับบทหนักที่สุดในชีวิต "หนักที่สุดในชีวิตครับตั้งแต่เคยถ่ายหนังมา เพราะว่าคือทั้งเรื่องของอารมณ์ด้วยแล้วก็เรื่องของความยากของบทด้วยครับ แล้วก็ประกอบกับชุดเสื้อผ้าที่เราใส่กันด้วยครับ ชุดร้อนเหลือเกินเพราะว่าเราถ่ายตอนที่หน้าร้อนมาก บวกกับบทที่ยากด้วยแล้วเครียดตลอดเวลา คือตอนแรกผมก็เครียดครับตอนที่หม่อมยื่นมาให้อ่าน ผมอ่านไปครึ่งเรื่องผมคิดว่าน่าจะพอแล้วสำหรับชีวิตคนๆ นึงหนักไปแล้ว หม่อมบอกนี่เพิ่งเริ่มต้นนะ พอเราอ่านไปเรื่อยๆ เราก็รู้สึกว่าเป็นอะไรที่ท้าทายกับตัวเราด้วย สำหรับโอ้ โอ้รู้สึกว่ามันยากแล้วก็เราเห็นว่าอาจารย์ก็เชื่อมั่นในตัวเรา แล้วก็ทุกคนก็เต็มที่เราก็เต็มร้อยครับ"

สำหรับสิ่งที่ได้รับจากการรับบท จัน ดารา นั้น โอ้ บอกว่า "สิ่งที่ผมได้รับมากที่สุดคือเรื่องของหัวใจของตัวละครตัวนี้ครับ ผมรู้สึกว่าคือเขาเจอเรื่องหนักแค่ไหนยังไงก็ตาม ก็ยังสู้ต่อไป ถึงจะเจอปัญหาหนักแค่ไหนครับ ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่จิตใจเขาสุดยอดมากครับ" ฟาก ต๊งเหน่ง กล่าวว่า "คือตัวละคร คุณท้าวยาย หรือว่า คุณท้าวพิจิตรรักษา เป็นผู้หญิงที่มีอำนาจคือเป็นผู้หญิงคนเดียวที่เป็นใหญ่ในตระกูลนี้ เพราะฉะนั้นเขาจะควบคุมคนเยอะ จะมีความเป็นนายคน ชอบจัดการชีวิตวางแผนล่วงหน้าว่าจะบงการใครอย่างไร เพราะฉะนั้นเขาจะมีหลายอย่างเก็บไว้ในตัว ทั้งพลัง อำนาจ บารมี แล้วก็ตอนหลังมีเพิ่มความแค้นเข้ามา แล้วคิดดูว่าเก็บสะสมไว้ 17 ปี"

ฝ่ายสาว อ้อม บอกว่าตนเองรับบทเป็น ประทุม "รับบทเป็น ประทุม ค่ะ สาวในโคมเขียวโคมแดง สำหรับบทประทุมก็จะเป็นคนที่กำความลับในเหตุการณ์ที่คุณดาราโดนข่มขืนค่ะ" พิ้งกี้ ที่แสดงเป็น ดารา และ ไฮซินธ์ เล่าให้ฟังว่า "ก็ปัจฉิมบทนะคะ จะมีทั้งตัวดารา แล้วก็ตัวไฮซินธ์ด้วย สำหรับไฮซินธ์ก็จะได้เห็นถึงความรักระหว่างไฮซินธ์กับตัวจัน จะเป็นความรักที่บริสุทธิ์จริงๆ ค่ะ ดูแล้วแอบน้ำตาไหลด้วย ส่วนตัวดาราเนี่ยคราวนี้จะเยอะกว่าครั้งที่แล้วนะคะ ดาราเนี่ยจะมีเหตุการณ์นึงที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่สำหรับตัวจันค่ะ"

สาว พิ้งกี้ อธิบายความแตกต่างของ 2 ตัวละครนี้ว่า "คือตัวดาราสวยแต่ว่ามีความเศร้าอยู่นัยน์ตา คือมีความเก็บกดอะไรบางอย่าง ซึ่งถ้าดูแล้วก็คือเราก็ต้องไปแต่งงานกับคุณหลวงใช่ไหมคะ นั่นคือความเจ็บช้ำแต่ว่าก็ต้องแสดงสีหน้าแบบยิ้มมีความสุขแต่ข้างในนี่เราเจ็บช้ำค่ะ ไม่เครียดเลยค่ ไฮซินธ์ ยิ้มมีความสุข ทำให้เห็นว่าบ้านนี้เขาถึงจะเล็กแต่ว่าเขามีความสุข ไม่มีเรื่องอะไรต้องคิดมากค่ะ" ด้าน หญิง กล่าวว่าภาคนี้ชีวิตของ บุญเลื่อง ที่ตนเองแสดงจะมีชีวิตที่พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ "ใช่ค่ะ ถ้าจากปฐมบทเนี่ยก็จะเห็นรอยยิ้มคุณบุญเลื่องตลอดเวลา แต่สำหรับภาคนี้แทบจะไม่เห็นรอยยิ้มกันเลย"

หญิง เอ่ยถึงฉากรักว่า "เลิฟซีนจริงๆ ตอนถ่ายทำกันหม่อมก็จะเป็นคนบอกค่ะว่าจะต้องยังไงบ้าง ต้องเอนตัวไปทางไหนหรืออะไรอย่างนี้ค่ะ รวมๆ มันคล้ายๆ เหมือนเต้นเหมือนกันเนอะ คอมโพซิชันเหมือนเต้นมากกว่าค่ะ สำหรับหญิงเซฟนะคะ ค่อนข้างเซฟ ห่วงคุณแม่มากกว่าค่ะ เพราะว่าจริงๆ แล้วก็เป็นครั้งแรกที่รับเล่นเลิฟซีนแรงขนาดนี้ค่ะ ก็ห่วง แต่ว่าคุณแม่เห็นภาพนิ่งแล้วคุณแม่ก็บอกว่าสวยงามดี ก็คิดว่าคุณแม่น่าจะเข้าใจค่ะ" หญิง บอกว่าเป็นบทที่ท้าทายความเป็นนักแสดง "จริงๆ คงเป็นเรื่องค่อนข้างห่างทั้งในวัยด้วยนะคะ จริงๆ ปีเกิดก็ไกลกันมากค่ะ อีกอย่างก็ในเรื่องของไม่ว่าจะเลิฟซีนหรือแม้แต่กระทั่งในบทแม่ก็ตามนะคะ ยากทั้งหมดค่ะ แต่ก็พยายามทำออกมาให้ดีที่สุดค่ะ"

ภูมิ กล่าวถึงบทบาทของตนเองว่า "ภาคแรกอาจจะเห็น คุณขจร ออกมานิดเดียว แต่ว่าในปัจฉิมบทจะเห็นคุณขจรเยอะขึ้น แล้วก็จะมีจุดที่เป็นจุดเปลี่ยนของตัวละครทุกๆ ตัวในบ้านวิสนันท์ นะครับว่าจริงๆ แล้วจุดเริ่มต้นมาจากคุณแม่นี่เองที่ทำให้มีเทิร์นนิงพ้อยต์ของบ้าน คือจริงๆ แล้วเริ่มมาจากคุณแม่ก่อนเลยทำให้เราพลิกผันชีวิตตัวเอง จากผู้ชายที่อาจจะดูมีพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ สุภาพบุรุษ เป็นนักเรียนนายร้อย ดูเหมือนชีวิตจะเพอร์เฟกต์ทุกอย่าง แต่ว่าจะมีเหตุการณ์นึงที่ทำให้ทุกอย่างพลิกผันไปหมดเลยนะครับ"

หนุ่ม ภูมิ เปิดใจว่าเป็นการเล่นบทที่แรงที่สุดในชีวิต "เราในฐานะนักแสดงก็เล่นเต็มที่ครับ ก็ถือว่าเป็นบทที่เล่นแรงที่สุดในชีวิตแล้ว แต่ก็เชื่อว่าเราก็ทำตามหน้าที่นักแสดง แล้วก็เชื่อในฝีมือของหม่อมซึ่งเป็นอาจารย์ของเราทุกคนอยู่แล้วครับ ก็หวังว่าสังคมคงจะเข้าใจว่าหนังเรื่องนี้มีจุดประสงค์ที่จะต้องการจะสื่อถึงอะไรครับ มันไม่ใช่หนังลามก แต่ว่าเป็นหนังที่สื่อให้คนได้คิด แล้วก็ได้เข้าถึงบางอย่างที่มีอยู่ในชีวิตประจำวันของทุกคนอยู่แล้ว มันเป็นเรื่องปกติเป็นเรื่องธรรมชาติมาก เพียงแต่ว่าแค่ถูกหยิบยกขึ้นมาเล่าขึ้นครับ ในภาคนี้ก็ลองดูแล้วกันครับว่าจะมากน้อยแค่ไหน"

ส่วนการร่วมงานกับนักแสดงญี่ปุ่น "โช นิชิโนะ" (Sho Nishino) นักแสดงหนุ่มพูดว่า "จริงๆ แล้วเราวาดภาพไว้อย่างนึงว่าคุณโชจะเป็นนักแสดงอีกแบบนึง แต่ว่าเขาเป็นคนที่มีวินัยมาก พอมาถึงที่กองเนี่ยก็ได้รับทราบมาว่าเขายืนยันแล้วก็ยินดีที่จะพูดเป็นภาษาไทย คือตอนแรกหม่อมน้อยได้บอกว่าสามารถพูดภาษาญี่ปุ่นได้แล้วพากย์อีกทีนึง แต่เขาบอกว่าไม่ เขาอยากให้ปากตรงกับสิ่งที่เขาพูดเป็นภาษาไทย เพราะฉะนั้นเขาก็เลยต้องอ่านบทเป็นภาษาญี่ปุ่น แล้วก็จะมีภาษาคาราโอเกะที่เขาต้องท่อง ซึ่งบางทีเวลาเราเล่นกับเขาบางทีเขาอาจจะพูดไม่ค่อยชัด แต่ว่าอารมณ์ส่งถึงจริงๆ ครับ รับได้เลย ก็ถือว่าเป็นนักแสดงที่เก่งจริงๆ แล้วก็ทำงานด้วยแล้วรู้สึกว่าเขาเตรียมพร้อมมาดีมากครับ"

นักแสดงรุ่นใหญ่ เจี๊ยบ เล่าบทบาท คุณหลวงวิสนันท์เดชา ในภาคนี้ว่า "โดนเอาคืนครับ หนักครับ ถึงขั้นเป็นอัมพาตพูดไม่ได้ เล่นแต่ลูกตา" ฟากสาว ตั๊ก ในบท น้าวาด บอกว่า "ภาคนี้จะเฟดออกไปนิดหน่อย เพราะว่าจันเขาจะเข้ามาดูแลบ้านวิสนันท์เอง เราก็จะเป็นเหมือนน้าสาวค่ะ ก็คือเหมือนเข้ามาดูแลเองเราก็ต้องให้เขาดูแล ไม่ค่อยมีบทบาทอะไรค่ะ เพราะว่าเริ่มเฟดตัวออกมาแล้ว คนนี้จะเป็นคนรับมรดกทั้งปัญหาทั้งมรดกเข้าไป ก็จะเป็นเหมือนคนคอยดูแลจันให้ประสบความสำเร็จ แต่พอเขาประสบความสำเร็จคือเขาทำผิดในบางเรื่องนะคะ เช่นแบบมีความสัมพันธ์กับเมียของพ่อ เราเห็นแล้วเราก็เลยไปดีกว่า ทิ้งเลยค่ะทิ้งจันเลย ทิ้งให้อยู่คนเดียวไปเลย"

นิว เจ้าของบท เคน พูดว่า "ก็จะเปลี่ยนอย่างเห็นได้ชัดครับหน้ามือเป็นหลังมือเลย เพราะว่าจากที่ตอนแรกไม่เอาไหนเลยแล้วก็อยู่ไปวันๆ สนุกสนานไปเรื่อยๆ แล้วก็มีเที่ยวผู้หญิงเจ้าชู้ไปเรื่อย แต่ภาคนี้ก็จะได้รับความผิดชอบที่ต้องมาดูแลคุณจันตอนไปพิจิตรครับ สัญญาไว้แล้วว่าจะดูคุณจัน แล้วก็ตามตลอดทั้งชีวิตเลย ไปช่วยทำงานที่โรงงานด้วยก็ได้เป็นผู้จัดการ แล้วก็ไปวัดแล้วก็เจอผู้หญิงที่เป็นรักแท้ของเรา แล้วก็เลยหยุดเรื่องเจ้าชู้ไปเลย แล้วก็ขอให้คุณจันกับคุณท้าวยายไปขอให้แต่งงาน ความรับผิดชอบก็ยิ่งมากขึ้นเพราะมีครอบครัวด้วย มีลูกด้วยครับ" สาว วิว เอ่ยถึงบทบาทที่ได้รับว่า "มาลัย ค่ะ ก็เป็นหญิงสาวชาวพิจิตรนะคะที่เขาไปพบรักกันในวัดค่ะ"

บทสรุปแห่งความโศกเศร้าของเรื่องราวชีวิต จัน ดารา จะเป็นอย่างไร หาคำตอบได้ในภาพยนตร์เรื่อง จันดารา ปัจฉิมบท เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2556 เป็นต้นไป

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30
  • รูปภาพ 31
  • รูปภาพ 32
  • รูปภาพ 33
  • รูปภาพ 34
  • รูปภาพ 35
  • รูปภาพ 36
  • รูปภาพ 37
  • รูปภาพ 38
  • รูปภาพ 39
  • รูปภาพ 40
  • รูปภาพ 41
  • รูปภาพ 42
  • รูปภาพ 43
  • รูปภาพ 44
  • รูปภาพ 45
  • รูปภาพ 46
  • รูปภาพ 47
  • รูปภาพ 48
  • รูปภาพ 49
  • รูปภาพ 50
  • รูปภาพ 51
  • รูปภาพ 52
  • รูปภาพ 53
  • รูปภาพ 54
  • รูปภาพ 55
  • รูปภาพ 56
  • รูปภาพ 57
  • รูปภาพ 58
  • รูปภาพ 59
  • รูปภาพ 60
  • รูปภาพ 61
  • รูปภาพ 62
  • รูปภาพ 63

ความคิดเห็น

ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ในอดีต

  • รักแห่งสยาม
    เข้าฉายปี 2007
    แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์
  • Harry Potter and the Chamber of Secrets
    เข้าฉายปี 2002
    แสดง Daniel Radcliffe , Emma Watson , Rupert Grint
  • ตีสาม 3D
    เข้าฉายปี 2012
    แสดง กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ชาคริต แย้มนาม

เกร็ดภาพยนตร์

  • Badlapur - เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แนวตลกเรื่องแรกที่ วรุณ ธาวาน ผู้รับบท รักฮาฟ แสดง อ่านต่อ»
  • Chappie - ชาร์ลโต คอปลีย์ ผู้รับบท แชปปี้ กับผู้กำกับ นีลล์ บลอมแคมป์ เรียนโรงเรียนเดียวกันสมัยมัธยมศึกษา ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ชาร์ลโต จึงร่วมแสดงในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ นีลล์ กำกับก่อนหน้านี้ ได้แก่ District 9 (2009) และ Elysium (2013) อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เนื้อหาภาพยนตร์อยู่ในช่วงทศวรรษที่ 1940 ช่วงที่มีเหตุการณ์แบ่งแยกอินเดีย...อ่านต่อ»