1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

ต่าย ควงแขนนักธุรกิจหนุ่ม ฉลองมงคลสมรสแสนชื่นมื่น

ต่าย ควงแขนนักธุรกิจหนุ่ม ฉลองมงคลสมรสแสนชื่นมื่น

"ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ" นักแสดงสาวที่แจ้งเกิดจากภาพยนตร์ "Seasons Change" หรือ "เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย" ได้ฤกษ์ดีควงแขนนักธุรกิจหนุ่ม "ทิม - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" จัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรส เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2555 ซึ่งเป็นวันเลขสวย 12/12/12 ณ ห้องรอยัลบอลรูม โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล หลังจากที่ทั้งคู่ได้เข้าพิธีสมรสตามประเพณีไทยพร้อมจดทะเบียนสมรสกันไปแล้วในวันแห่งเสียงหัวเราะ วันที่ 5 เดือน 5 ปี 2555

บรรยากาศภายในงานเป็นแบบเรียบง่าย ประดับประดาด้วยดอกไม้สีขาว สำหรับของชำร่วยที่มอบให้กับผู้มาร่วมงาน คือ ขนมปังกรอบที่มีชื่อของคู่บ่าวสาวอยู่ด้านบน โดยเวลาประมาณ 15.30 น. ต่าย และ ทิม ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงเวลาอันแสนสุขนี้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม

ทำไมเลือกจัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสในวันนี้

ทิม "ต้องเป็นเดือนธันวาฯ เพราะว่าน้องชายผม (เทียน - ภาษิณ ลิ้มเจริญรัตน์) เรียนต่างประเทศ แล้วก็เพื่อนสนิทอยู่อเมริกากัน ก็ต้องรอให้คริสต์มาสถึงจะบินลากลับมาได้ถึงจะหยุดเรียนได้ แล้วก็สามารถที่จะหยุดงานมางานได้ ตอนแรกจะเอาวันที่ 18 ธันวาฯ 4 ปีที่แล้ว 18 ธันวาฯ คือวันที่เราเจอกันครั้งแรกที่เวนิสที่ประเทศอิตาลีตอนที่ต่ายถ่าย กาลิเลโอ (ภาพยนตร์เรื่อง หนีตามกาลิเลโอ) อยู่ที่นั่น แล้วผมก็เป็นนักเรียนอยู่ที่อเมริกากลับมาที่เมืองไทยแล้วก็แวะที่อิตาลี ก็เลยเจอกันวันนั้น คือเหมือนกับเป็นวันแรกที่เราเจอกัน

แต่พอวันที่ 18 ธันวาฯ มันใกล้กับช่วงคริสต์มาสมากเกินไปใช่ไหมฮะ คริสต์มาสมันประมาณ 24 ฝรั่งเขาก็เลยขอร้องว่าร่นลงมาหน่อยได้ไหม 18 ไม่ได้เพราะว่าเขาจะกลับไปฉลองกับที่บ้านเขาไม่ได้ ผมก็เลยถามพี่ๆ ที่โอเรียนเต็ลบอก 17 ได้ไหม ก็บอกไม่ได้ มันเต็ม 16 ไม่ได้ 15 ไม่ได้ 14 ไม่ได้ แล้วอย่างนี้ที่โอเรียนเต็ลว่างวันไหน ก็บอกว่างวันที่ 12/12/12 ก็เลยลงวันที่ 12/12/12"

มีความสุขกับวันเลขสวยนี้ไหม

ทิม "แน่นอน จำง่าย ต่อไปนี้ก็ไม่มีโดนเขาดุเรื่องจำวันแต่งงานไม่ได้แน่นอน เพราะว่ามันอยู่ในหัว ทั้งวันที่จดทะเบียน เพราะจดทะเบียนวันที่ 5/5/55 แล้วก็ฉลองวันที่ 12/12/12 ผมคงโดนดุหลายเรื่องแต่คงไม่โดนดุเรื่องนี้เพราะน่าจะจำได้ จำไม่ได้ก็แย่แล้ว (หัวเราะ)"

ได้ใช้ชีวิตคู่มาหลายเดือนแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง

ต่าย "ก็คิดว่าเวลาคนเรามาอยู่ด้วยกันก็ต้องมีปรับตัวบ้างใช่ไหมคะ แต่ว่าอันนี้ก็รู้สึกว่ามีไม่เยอะมาก แล้วก็เหมือนกับว่าดีขึ้นเรื่อยๆ ที่อยู่ด้วยกันก็เหมือนกับเข้าใจกันมากขึ้น คือรู้นิสัยกันมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ"

ต่าย เป็นแม่บ้านแม่เรือนไหม

ทิม "เป็นฮะๆ คือ 4 ปีที่ผ่านมาไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอด ผมก็ต้องกลับไปเรียนหนังสือที่เมืองนอก อยู่เมืองไทยปีนึงก็แค่เดือนสองเดือน แล้วเวลาที่ได้กลับมาเมืองไทยส่วนใหญ่ก็จะทำงานไปต่างประเทศบ้างต่างจังหวัดบ้าง ก็ไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน แต่พอเรียนหนังสือจบแล้ว แล้วกลับมาแต่งงานด้วยกันเนี่ยก็ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ตื่นมาก็เห็นเขา ก่อนนอนก็เห็นเขา ก็เลยรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นมาก แล้วก็มีอาหารเช้าทานตอนเช้า ตื่นก่อนนอนทีหลังน่ะ ไม่รู้เพราะว่าผมกรนดังหรือเปล่า ก็เลยนอนไม่หลับต้องตื่นก่อน (หัวเราะ) แต่เขาก็ไม่มีวันไหนที่ไม่มีอาหารเช้าให้ผมทาน แค่นี้ก็โอเคแล้ว"

ต่าย ทำอะไรให้ทานบ้าง

ทิม "ต้องแล้วแต่อารมณ์เจ้าสาว มีตั้งแต่ ไข่ต้ม คอนเฟลก บางทีก็เป็นโซบะญี่ปุ่นก็มี ก็คือแล้วแต่ว่ามีเวลาว่างน้อยแค่ไหน บางทีผมก็ต้องรีบไปทำงานก็จะกินง่ายๆ ก็มีเวลาว่างก็จะได้ทำอาหารด้วยกัน"

ทำอาหารได้อยู่แล้วหรือเปล่า

ต่าย "คือพอทำได้อยู่แล้วค่ะ แล้วก็เหมือนพอลองฝึกทำแล้วเหมือนกับมีคนชม แต่ไม่รู้ชมจริงหรือเปล่า มันก็มีกำลังใจ ก็เลยเหมือนฝึกทำไปเรื่อยๆ ค่ะ"

ดูแลกันและกันอย่างไร

ทิม "พอได้อยู่ด้วยกันก็ได้ทำในสิ่งที่อยากจะทำด้วยกัน เช่น ได้พาเขาไปเที่ยว ได้พาเขาไปกินของอร่อยๆ จริงๆ ที่สำคัญมันอยู่ที่จิตใจมากกว่า เพราะว่าเขาเองก็มีพร้อมทุกอย่าง แล้วก็ไม่ต้องการที่จะให้ผมหาอะไรให้มากกว่านี้ แต่ว่าอยากจะให้เวลาเขา แล้วก็ให้ความใส่ใจ แล้วก็พยายามปรับตัวเองให้ดีขึ้น ตอนแรกๆ ถ้าเวลาคน 2 คนอยู่ด้วยกัน ถ้าไม่ค่อยเข้าใจกันมันก็จะมีปัญหา พอมาตอนหลังๆ ก็เริ่มรู้ว่ากับคนที่เรารักอย่าไปคิดเล็กคิดน้อย กับคนที่เราไม่รักอย่าไปคิดให้มากมาย เราปรับจูนความคาดหวังเข้าหากัน แล้วก็ผมเสียสละความเป็นผมครึ่งนึง เขาเสียสละความเป็นเขาครึ่งนึง แล้วพอเอามารวมกันมันก็เพอร์เฟกต์ ก็คิดว่าจะทำต่อไปในอนาคต"

เป็นผู้บริหารแล้วทำให้มีเวลาดูแลกันน้อยลงไหม

ทิม "ไม่นะฮะ ทุกอย่างก็เริ่มลงตัวมากขึ้น แล้วก็มีน้องชาย แล้วก็มีทีมงานที่บริษัทคอยมาช่วยเหลือกัน ก็พอมีเวลามากขึ้นเรื่อยๆ"

เติมเต็มไหมกับชีวิตของทั้งคู่

ทิม "แน่นอน"

ต่าย "ตอนนี้ก็คิดว่าสมบูรณ์แล้วค่ะ แต่ว่าถ้าในอนาคตถ้าพี่ทิมเขาอยากจะมีน้อง อาจจะเรียกว่าสมบูรณ์สำหรับเขาหรือเปล่าถ้ามีลูก"

แล้ววางแผนเรื่องทายาทไว้อย่างไร

ทิม "ตอนแรกก็อยากมีเลย แล้วก็เคยบอกว่าอยากมี 4 คน แต่พอมาตอนหลังๆ เพื่อนสนิทที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวทั้งหลายเขาก็เริ่มมีลูกกันแล้ว เล่นกับลูกเขาก็น่ารักดี แต่เวลาตอนที่ต้องเลี้ยง (หัวเราะ) ก็เลยคิดว่าก็ตามใจเขาอ่ะฮะ บ้านนี้ประชาธิปไตย ก็แล้วแต่ ถ้าเจ้าสาวยังไม่พร้อม 9 เดือนมันเป็นของเขามากกว่าเป็นของผม ถ้าเกิดเขายังไม่พร้อมก็เที่ยวเล่นสัก 2 ปีก่อนก็ได้ เขาเพิ่ง 25 เอง ก็ยังมีเวลา"

ต่าย "คือจริงๆ แล้วตอนแรกก็อยากมี แต่พอเริ่มศึกษามากขึ้นๆ ก็เริ่มกลัว ตั้งแต่ถามเพื่อนที่เขามีลูกแล้วว่าตอนท้องเป็นยังไง เพิ่งคลอดเป็นยังไง แล้วพอคิดไปก็เลยคิดว่าขอสักพัก"

ดูเหมือนว่าช่วงหลังแต่งงานจะรับงานในวงการบันเทิงน้อยลง

ต่าย "จริงๆ ก็รับอยู่บ้าง แต่ว่าพวกหนังหรือละครที่จะต้องใช้เวลาเยอะ ก็เลยไม่ค่อยได้รับตรงนั้น เพราะว่าจะทำให้เราทำงานไม่เป็นเวลาด้วย ซึ่งอย่างพี่ทิมไปทำงานก็ไม่ค่อยมีเวลาอยู่แล้ว แล้วถ้าเรายังต้องออกจากบ้านตี 3 ก็รู้สึกว่าแบบควรจะรับงานกลางวันหรือว่าให้มันเป็นงานสั้นๆ ดีกว่า จะได้ดูแลเขาได้"

ทิม "เขาก็เพิ่งเล่นหนัง เฉลิมพระเกียรติ เทิดเกล้า กระท่อมผีป่า แล้วก็เห็นยังมีงานพรีเซ็นเตอร์สินค้าอะไรอยู่ ก็คือให้เขาเลือกทำที่เขาชอบ ไม่ได้ห้าม ก็คือให้เขาทำอย่างที่เขาชอบที่เขาอยากทำ เพราะผมก็เหนื่อยมากอยู่แล้ว ต้องเดินทางออกต่างจังหวัดประจำ เพราะผมทำธุรกิจน้ำมันรำข้าว เกี่ยวกับโรงสี ผมก็ต้องเดินทางออกทั่วประเทศ แล้วถ้าเกิดเขาต้องเดินทางอีกก็ไม่ค่อยได้เจอกัน ช่วงแรกๆ ก็เลยอยากให้ใช้เวลาอยู่กับผมมากกว่า

แล้วก็เรื่องธุรกิจคนที่เชื่อใจได้จริงๆ ก็มีอยู่ไม่กี่คน เขาก็คือเป็นหนึ่งในนั้นที่ไว้ใจได้ เขาก็คอยทั้งให้กำลังใจ แล้วก็บางทีเรื่องที่ยากๆ ที่แบบว่าต้องเอาไปปรึกษาคนอื่น นี่แหละก็เล่าให้ฟัง เขาก็ฟัง แล้วก็ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง หลับบ้าง แล้วแต่ คนเราบางทีแค่ให้ได้พูดออกมาแค่นั้นมันก็จบแล้ว บางทีเราไม่ต้องการคำตอบ คือต้องการคนฟัง"

วางแผนดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์อย่างไร

ทิม "ทัสกานี ฮะ ที่อิตาลี 17-18 ธันวาฯ ฮะ ก็คือนี่เสร็จแล้วก็ไปเลย แต่ว่ามีเพื่อนที่มาจากอเมริกาที่เรียนกับผม เขาอุตส่าห์บินมาจากที่นู่น ผมก็เลยจะพาเขาไปเที่ยวเป็นกลุ่ม 20 คน แล้วก็เพื่อนเจ้าบ่าวเพื่อนเจ้าสาวแล้วก็พาไปเที่ยวด้วยกัน เขาก็มาจากแถวนั้นกัน เขาก็บินกลับผมก็บินกลับกับเขาอ่ะ คือผลัดกันเที่ยว เขาก็พาผมไปเที่ยวกลับอย่างเนี้ย"

เรือนหออยู่ที่ไหน

ทิม "อยู่สุขุมวิทฮะ อยู่ตรงทองหล่อ เป็นคอนโดมิเนียม"

จะสร้างเป็นบ้านไหม

ทิม "ยังไม่เพราะว่าคุณพ่อผมเสียชีวิตฮะ คุณพ่อไม่อยู่ ครอบครัวผมก็จะเหลือแค่คุณแม่ ผม แล้วก็น้องชาย ถ้าอยู่คอนโดก็สะดวก มันไม่สบายแต่สะดวก ถ้าเกิดอยู่บ้านมันสบาย มันก็ตรงกันข้ามกัน ก็เลยให้คุณแม่อยู่ในชั้นเดียวกัน ปลอดภัย แล้วก็ไปมาหาสู่กันอยู่ รอให้น้องชายเรียนหนังสือให้จบกลับมาก่อน แล้วให้เป็นครอบครัวใหญ่อีกทีนึงแล้วค่อยว่ากัน เพราะไม่งั้นถ้าผมไปทำงานคุณแม่ผมต้องอยู่บ้านคนเดียว ไม่อยากให้อยู่กับคนสวนหรือว่าใครที่เราไม่รู้จัก"

ความประทับใจซึ่งกันและกัน

ต่าย "พี่เขาก็เป็นสามีที่สมบูรณ์แบบอ่ะค่ะ ตั้งใจทำงาน บางทีก็เป็นพ่อบ้านด้วย แล้วก็กลับบ้านตรงเวลาทุกวัน ถ้าวันไหนมีประชุมที่บริษัทก็จะบอก แล้วคือเราก็ไปหาได้ ไม่มีมาหมุบหมิบไปไหนไม่บอก รู้สึกว่าอยู่ด้วยแล้วสบายใจ แล้วก็รู้สึกว่าฝากชีวิตไว้กับเขาได้"

ทิม "ก็ยังสัญญาคำเดิมกับเขาที่ให้ไว้ว่าจะ เสียสละ สม่ำเสมอ ซื่อสัตย์ เป็น 3 ส. ที่อยู่ในหัวผมไว้ตลอดเวลา ชีวิตคนเราจะเดินไปด้วยกันได้จะต้องเสียสละ ก็คือว่าในสิ่งที่ผมรักที่ผมชอบบางทีก็ต้องเอาเวลาออกมา แล้วก็ให้อยู่กับเขาบ้าง ถึงต้องรีบกลับบ้านไปหาเขา ต้องสม่ำเสมอคือเหมือนกับว่าตอนที่เราเจอกันมายังไง ก็ยังเป็นอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าพอแต่งงานกันแล้วก็เปลี่ยน แล้วก็ซื่อสัตย์ก็คือซื่อสัตย์"

หลังจากนั้นเจ้าสาว ต่าย และเจ้าบ่าว ทิม ได้ไปเตรียมตัวต้อนรับญาติผู้ใหญ่และเหล่าเพื่อนๆ ในวงการบันเทิง อาทิ "เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ" "เอ๋ - มณีรัตน์ คำอ้วน" "แนน - ปิยะดา ตุรงคกุล" และ "ก้อง - กมลสุทธิ์ ทัพพะรังสี" ควงคู่มากับภรรยา "หนูนา - อุษณา ทัพพะรังสี"

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30
  • รูปภาพ 31
  • รูปภาพ 32
  • รูปภาพ 33
  • รูปภาพ 34
  • รูปภาพ 35
  • รูปภาพ 36
  • รูปภาพ 37
  • รูปภาพ 38
  • รูปภาพ 39
  • รูปภาพ 40
  • รูปภาพ 41
  • รูปภาพ 42
  • รูปภาพ 43
  • รูปภาพ 44
  • รูปภาพ 45
  • รูปภาพ 46
  • รูปภาพ 47
  • รูปภาพ 48
  • รูปภาพ 49
  • รูปภาพ 50
  • รูปภาพ 51
  • รูปภาพ 52
  • รูปภาพ 53
  • รูปภาพ 54
  • รูปภาพ 55
  • รูปภาพ 56
  • รูปภาพ 57
  • รูปภาพ 58
  • รูปภาพ 59
  • รูปภาพ 60
  • รูปภาพ 61
  • รูปภาพ 62
  • รูปภาพ 63
  • รูปภาพ 64
  • รูปภาพ 65

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความคิดเห็น

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • The Age of Adaline - แองเจลา แลนส์บูรี คือนักแสดงที่ถูกวางตัวให้รับบท เฟลมมิง เมื่อปี 2010 แต่ท้ายสุดแล้ว เอลเลน เบอร์สตีน คือผู้ที่ได้แสดงบทนี้ อ่านต่อ»
  • Skin Trade - ดอล์ฟ ลันด์เกรน ผู้รับบท นิก เขียนบทเรื่องนี้ในปี 2006-2007 โดยตั้งใจว่าจะกำกับเอง แต่ภายหลังตัดสินใจมอบหน้าที่กำกับให้แก่ เอกชัย เอื้อครองธรรม โดย ดอล์ฟ จะได้ทำหน้าที่ควบคุมงานสร้างได้อย่างเต็มที่ อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เรื่องราวของ ราฟาเอล (ฟรองซัว ซีวีล) เป็นนักเขียนนิยายชื่อดัง ยิ่งประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ เขาก็เริ่มกลายเป็นคนหลงตัว...อ่านต่อ»