ต่าย เร และ เต้ย พาตะลอนต่างแดนไปกับ หนีตามกาลิเลโอ
"ต้น - นิธิวัฒน์ ธราธร" คือหนึ่งในผู้กำกับที่แตกหน่อมาจาก 6 ผู้กำกับในภาพยนตร์เรื่อง "แฟนฉัน" และเคยสร้างความประทับใจจนเกิดกระแสให้คนหันมาเรียนด้านดนตรีแบบจริงจังกับภาพยนตร์รักต่างฤดู "เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"
พอมีโอกาสได้กำกับภาพยนตร์แบบเดี่ยวๆ อีกครั้ง ต้น ก็ขอสานต่อเรื่องที่เคยคิดเอาไว้ก่อนที่จะสร้างภาพยนตร์เรื่อง เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ที่อยากนำเสนอเรื่องราวชีวิตคนไทยในต่างแดน โดยเล่าผ่านนักแสดง "ต่าย - ชุติมา ทีปะนาถ" และ "เต้ย - จรินทร์พร จุนเกียรติ" 2 สาวเพื่อนซี้ที่อยากหนีไปใช้ชีวิตต่างแดน มาประกบพระเอกมาดเซอร์ "เร แม๊คโดแนลด์" ในเรื่อง "หนีตามกาลิเลโอ" ซึ่งได้ฤกษ์เปิดตัวไปแล้วเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม ที่ผ่านมา บริเวณชั้น 1 ของโรงภาพยนตร์เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ รัชโยธิน
เมื่อได้เวลาเริ่มงาน เสียงเพลง "ตังเก" ที่ใช้ประกอบภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ดังขึ้น โดยได้หนุ่มน้อย "สิงโต - สิงหรัตน์ จันทร์ภักดี" มาร่วมร้องกับ ต่าย และ เต้ย จากนั้นก็ได้เวลามาพูดคุยกับผู้กำกับและเหล่านักแสดงของเรื่องกัน
เริ่มที่ ต้น พูดถึงแนวคิดในการสร้างภาพยนตร์ที่ต้องไปถ่ายทำสถานที่จริงซึ่งมีต้นทุนสูงว่า "จริงๆ แล้วต้องบอกว่าตอนที่นำเสนอโปรเจกต์ครั้งแรกกับพี่ๆ ที่จีทีเอช แล้วพี่ๆ ทุกคนรู้สึกว่าเขาชอบไอเดียเรื่องนี้ว่าพูดถึงประเด็นอะไร ไม่ใช่หนังแค่ไปถ่ายที่เมืองนอก พูดถึงการหนีปัญหา การเข้าใจปัญหา การเรียนรู้และเข้าใจคนอื่น รู้สึกว่าทุกคนชอบประเด็นนี้ ก็เลยอยากจะสนุกร่วมกัน แต่ว่าเราทำงานยังไงให้ลงตัวโดยงบประมาณที่ไม่เกินเลยจนเกินไปครับ"
ผู้กำกับเล่าถึงการทำงานว่า "ทีมงานเราไปกันแบบกะทัดรัด ไปกัน 15 คนเท่านั้น ต้องช่วยเหลือกันเยอะ น้องๆ ก็ต้องช่วยดูแลตัวเองด้วยเหมือนกัน ผมรู้สึกว่าทุกคนเป็นโปรเฟสชันนอล ผมรู้สึกว่างานที่ออกมาได้อย่างที่เราต้องการเลย" ด้าน 3 นักแสดงก็ช่วยออกมายืนยันว่าการไปถ่ายทำครั้งนี้ต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ดูแลตัวเองทั้งเรื่องเสื้อผ้าและต้องแต่งหน้าทำผมด้วยตัวเอง
ภาพที่จะได้เห็นในภาพยนตร์ ต้น อธิบายว่าจะได้เห็นถึงมุมมองในการใช้กล้องที่แตกต่างออกไป "จริงๆ เป็นเรื่องที่เราเลือกวิธีนี้อยู่แล้ว เพราะเราถ่ายที่ต่างประเทศเรารู้สึกว่าวิธีการแบบนี้น่าเหมาะกับการถ่ายทำแบบนี้ แล้วก็รู้สึกว่าเหมือนกับความเป็นจริง ถ้าเกิดว่าเราพาตัวละครไปต่างประเทศวิธีนี้ก็ทำให้เราได้ภาพที่สมจริงและเหมาะกับเนื้อเรื่องครับ"
ด้าน เร ที่ห่างหายจากจอภาพยนตร์ไป 2-3 ปีพอมารับเล่นเรื่องนี้ก็ยอบรับว่าต้องเคาะสนิมกันยกใหญ่เลยทีเดียว "ตื่นเต้นมาก ก่อนที่จะเข้าฉากแรกเสียงยังสั่นอยู่เลย ไม่แน่ใจว่าพี่เขาจะใช้เทกนั้นรึเปล่า แต่ผมดูเองผมรู้เลยว่าเสียงผมสั่น เพราะว่าไม่ได้แสดงมา 2-3 ปีเหมือนกัน ก็ต้องคอยปรับตัวเรื่อยๆ พอเรารู้สึกว่าได้เคาะสนิมเสร็จเรียบร้อยแล้ว การถ่ายทำก็จบแล้วสำหรับพาร์ตผม ก็เสียดาย จริงๆ แล้วอยากขอพี่เขากลับไปถ่ายใหม่ แต่ว่าค่าใช้จ่ายมันอาจจะสูงเกินไปครับ"
ส่วนแง่คิดที่จะได้รับหลังจากชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ต่าย บอกว่า "ก็มีเรื่องของความสัมพันธ์ของครอบครัว เพื่อน การใช้ชีวิตค่ะ" ส่วน เต้ย ก็ช่วยเพิ่มเติมมาว่า "การยอมรับตัวเอง การแก้ปัญหาด้วยค่ะ" เมื่อถามถึงความประทับใจในการไปถ่ายทำในต่างแดนครั้งนี้แต่ละคนรู้สึกยังไงบ้าง เต้ย ก็บอกว่า "รู้สึกเปลี่ยนไปค่ะ รู้สึกว่าตัวเองมีความรับผิดชอบมากขึ้น เพราะว่าไปอยู่ที่นู่นจะต้องดูแลตัวเองทำอะไรเองหมดเลยค่ะ ทำให้มีความรับผิดชอบมากขึ้นค่ะ" ส่วน ต่าย พูดว่า "ได้ประสบการณ์ในการใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่น อยู่ที่นี่เราก็อยู่กับคุณพ่อคุณแม่ อยู่ที่นู่นเราก็ต้องรู้จักปรับตัว"
ฟาก เร ก็กล่าวว่า "ได้มิตรภาพจากทีมงานคุณภาพ จริงๆ แล้วผมอาจจะเดินทางเยอะ เคยทำรายการท่องเที่ยว แต่หลังๆ หลายๆ ที่ที่เราไปแค่ถ่ายเสร็จที่นึงเราก็ไปต่ออีกเมืองนึง แต่ว่าอันนี้เหมือนกับเราได้ใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นจริงๆ ได้ซึบซับถึงตัวละครจริงๆ" และผู้กำกับพูดถึงความประทับใจว่า "ทุกวันที่เราออกกองค่อนข้างจะเหนื่อยมากครับ หนาวมากด้วย แต่ว่าทุกๆ ครั้งที่หันไปแล้วมองเห็นทั้งนักแสดงและทีมงานเราเต็มที่ ยิ้มสู้เสมอ ผมว่าอันนี้เป็นความประทับใจ"
ต้น ยังบอกอีกว่าไม่รู้สึกกดดันถ้าใครเอาไปเปรียบกับภาพยนตร์เรื่อง เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ที่ถือได้ว่าประสบความสำเร็จมาก "ผมว่าเราก็ตั้งใจทำงานทุกครั้งให้ดีที่สุด ก็ใช้ความรู้สึกเดียวกันกับทำเรื่องที่แล้ว เรื่องที่แล้วคนก็บอกว่าคนที่ทำ แฟนฉัน มาก่อนจะเป็นยังไง เพราะฉะนั้นเราก็ทำเต็มที่ เรื่องนี้ก็เหมือนกันผมรู้สึกว่าทุกครั้งเราเริ่มใหม่ โปรเจกต์ใหม่คือการเริ่มใหม่ เราทำทุกอย่างให้ดีแล้วกัน เชื่อว่าทุกคนน่าจะชอบ"
ผู้กำกับฝากผลงานการกำกับแบบเดี่ยวๆ เรื่องที่ 2 เอาไว้ว่า "ผมรู้สึกว่าหนัง หนีตามกาลิเลโอ เป็นหนังที่พูดถึงเรื่องมิตรภาพ ความสัมพันธ์หลายๆ แบบ ทั้งเพื่อน ความรัก และครอบครัวด้วย มีหลายอารมณ์มาก ก็อย่าลืมติดตามชมกันนะครับ" ด้าน เร ก็กล่าวฝากว่า "สำหรับผมก็ฝากเชิญชวนทุกท่านมาดูกัน ตั้งแต่วันที่ 23 กรกฎา เข้าโรงเรียบร้อยแล้ว เป็นหนังเรื่องนึงที่ผมอ่านบทเสร็จแล้วผมก็รู้สึกว่ามันอิ่ม เป็นหนังที่ครบรสมากๆ อาจจะดูเหมือนหนังวัยรุ่น แต่จริงๆ แล้วมีมากกว่านั้น ในเรื่องของครอบครัว เพื่อนฝูง เข้ามาดูผมเชื่อว่าจะไม่ผิดหวังแน่นอนครับ"
ส่วน ต่าย บอกฝากว่า "สำหรับต่ายก็อยากจะบอกว่าตั้งแต่อ่านบทหนังเรื่องนี้ ก็เหมือนกับว่าเป็นชิ้นงานที่ดีที่สุดที่เคยได้รับมา ก็อยากให้ทุกคนติดตามชมกันค่ะ" และปิดท้ายที่ เต้ย เชิญชวนให้ทุกคนมาดูภาพยนตร์ว่า "อยากให้ติดตามชมค่ะ แล้วก็เป็นภาพยนตร์เรื่องแรกด้วย ทุกคนตั้งใจทำงานกันมาก รับรองว่าไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ หนังคุณภาพดีค่ะ"
จากนั้นไปฟังเสียงจากต้นฉบับของ "นินา - ญารินดา บุนนาค" ในเพลง "แค่ได้คิดถึง" ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเพลงประกอบภาพยนตร์สำหรับเรื่องนี้ และนอกจากวันนี้เป็นวันเปิดตัวภาพยนตร์แล้ว ยังถือเป็นอีกหนึ่งวันดีของผู้กำกับ เนื่องจากตรงกับวันคล้ายวันเกิดของผู้กำกับพอดี เหล่านักแสดงก็นำเค้กมามอบพร้อมกับร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้อีกด้วย
เตรียมตัวไปผจญภัยใช้ชีวิตในต่างแดนไปพร้อมๆ กับ ต่าย เต้ย และ เร กับภาพยนตร์เรื่อง หนีตามกาลิเลโอ ได้ในโรงภาพยนตร์เข้าฉายตั้งแต่ 23 กรกฎาคม นี้ เป็นต้นไป