การเดินทางและสายสัมพันธ์ของสองพี่น้องใน ปาดังเบซาร์
"ปาดังเบซาร์" ภาพยนตร์ที่พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างคนในครอบครัว โดยมีการเดินทางมาเป็นจุดเชื่อม ผลงานการกำกับของ "อ๊อง - ต้องปอง จันทรางกูร" ที่ร่วมเขียนบทกับเพื่อนอีก 2 คน คือ "มุก - ปิยะกานต์ บุตรประเสริฐ" และ "ปราเมศร์ ชาญกระแส" นำแสดงโดย 2 สาว "จั๊กจั่น - อคัมย์สิริ สุวรรณศุข" และ "สายป่าน - อภิญญา สกุลเจริญสุข" ซึ่งภาพยนตร์เรื่องนี้ได้รับงบสนับสนุนจาก เอเชียน ซีเนมา ฟันด์ หรือกองทุนสนับสนุนภาพยนตร์เอเชีย เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ และกองทุนไทยเข้มแข็ง สำนักงานศิลปะวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม
หลังจากพาภาพยนตร์ออกเดินทางไปประกวดและเข้าฉายตามเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติหลายๆ ประเทศ ไม่ว่าจะเป็น เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองปูซาน ประเทศเกาหลีใต้ เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติมาร์ราเกช ประเทศโมร็อกโก เทศกาลภาพยนตร์เอเชียแห่งเมืองโดวิลล์ ประเทศฝรั่งเศส เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติรอตเทอร์ดาม ประเทศเนเธอร์แลนด์ รวมถึงนำไปฉายในรอบภาพยนตร์ปกติที่ฝรั่งเศส ก็ถึงเวลาที่ ปาดังเบซาร์ จะเดินทางกลับบ้านมาให้คอภาพยนตร์ชาวไทยได้ชมกัน
เมื่อวันที่ 12 กันยายน ที่ผ่านมา ได้มีการจัดงานเปิดตัวรอบสื่อมวลชน ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ ที่เริ่มเปิดงานด้วยเพลงประกอบภาพยนตร์ "ให้เราได้รู้" และ "เหตุผล" จากเสียงร้องของ "ติ - กิตติ ตั้งดำรงยศ" วง "บุดดิสท์ ฮอลิเดย์" (Buddhist Holiday) ก่อนจะเข้าสู่ช่วงพูดคุยกับผู้กำกับและ 2 นักแสดงนำของเรื่อง
อ๊อง บอกถึงแรงบันดาลใจในการเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "แรงบันดาลใจเกิดจากเพื่อนที่ร่วมเขียนบทด้วยกัน เขาเล่าถึงตอนที่แม่เขาเสียชีวิต หลังจากนั้นเราก็ได้พูดคุยถึงเรื่องต่อเนื่องหลังจากการเสียชีวิตของคนในครอบครัว เรามองถึงความสัมพันธ์ของคนที่ยังมีชีวิตอยู่ที่เคยแตกแยกกันไป แล้วต้องกลับมาเจอกันอีกครั้งนึงเพราะเหตุการณ์นี้" พร้อมทั้งบอกถึงที่มาของชื่อเรื่องว่า "ที่เป็น ปาดังเบซาร์ เพราะว่าผมชอบเมืองปาดังเบซาร์ครับ มันมีความหลากหลายทั้งทางวัฒนธรรมแล้วก็ทางเชื้อชาติ ผมมองมันเปรียบเสมือนครอบครัวๆ นึง แล้วทีนี้มันสามารถสะท้อนมาถึงครอบครัวๆ นี้ได้ครับ"
จั๊กจั่น เล่าถึงบทบาทที่ได้รับว่า "จั่นรับบทเป็นปิ่นค่ะ เป็นพี่สาวเล่นเป็นพี่น้องกัน ความสัมพันธ์ในเรื่องเรามีปริศนาอยู่ค่ะ ปริศนาก็จะเริ่มคลี่คลายระหว่างการเดินทาง" ส่วน สายป่าน พูดว่า "รับบทเป็นป่านเลยค่ะในเรื่อง ตัวละครชื่อป่านค่ะ เป็นน้องสาวของพี่ปิ่น แต่ด้วยความที่ป่านเป็นเด็กที่เหมือนกับว่ามีทุกอย่างครบ มีความรักจากคุณแม่ มีความรักจากพี่ มีความรักจากทุกๆ คน แต่ชอบคิดว่าสิ่งที่ได้มากับสิ่งที่มีอยู่ไม่พอ มันพอสำหรับการดำเนินชีวิตถึงแม้ว่าจะไม่ได้อบอุ่นเหมือนคนอื่นๆ เขา ซึ่งก็เป็นเหมือนตัวแทนวัยรุ่นธรรมดาที่ชอบดึงตัวเองออกมาจากครอบครัว แล้วก็หันไปหาความสุขจากทางอื่นแทน อย่างเช่นในเรื่องของเพื่อน แฟน"
อ๊อง บอกสาเหตุที่เลือกทั้งคู่มาร่วมงาน เริ่มจาก สายป่าน ว่า "ตอนแรกเรามองภาพตัวละครตัวป่านในเรื่องว่าคล้ายๆ น้องเขา สุดท้ายแคสติ้งไปมาก็มาลงตัวที่น้องเขา แล้วหลังจากนั้นผมก็หาครอบครัวให้เขา" ส่วนที่เลือก จั๊กจั่น เป็นเพราะ "ผมอยากลองทดสอบตัวผมเองด้วยว่าที่เอาจั่นมาทำงานในลักษณะนี้ แตกต่างจากที่เขาเคยเล่นละคร เอาน้องเขามาเปลี่ยนลุกส์แล้วเนี่ยเป็นยังไง ผลที่ได้มาผมว่าคุ้มค่า น้องเขาก็เต็มที่กับการที่เป็นตัวละครตัวนี้ครับ"
จั๊กจั่น พูดถึงการทำงานที่ต่างจากเรื่องอื่นๆ ว่า "ปกติเล่นละครแล้วมีไดอะล็อกเยอะ แต่ภาพยนตร์เท่าที่เคยเล่นมา ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก็มีไดอะล็อก วงษ์คำเหลา ของพี่หม่ำ (เพ็ชรทาย วงษ์คำเหลา) ก็สนุกสนาน แต่อันนี้เราจะทำยังไงจะแสดงออกมายังไงที่เราไม่ต้องพูดอะไรเยอะ แต่ว่าสื่อสารให้คนเข้าใจ แล้วพี่อ๊องก็บรีฟได้ดี เหมาะแล้วที่เป็นคนที่เขียนบทแล้วก็เป็นผู้กำกับ รู้พื้นฐานตัวละคร อธิบายเราได้ว่าซีนนี้เป็นยังไง ฉากนี้เป็นยังไง เพราะบางทีเราก็เล่นเป็นละคร ติดเป็นละคร"
อีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ จั๊กจั่น รับเล่นเรื่องนี้เพราะอยากร่วมงานกับ สายป่าน "พอบอกว่าร่วมงานกับสายป่าน เล่นเป็นพี่น้องกัน เราก็ติดตามผลงานน้องเขาอยู่แล้ว เราก็ไม่เคยเห็นว่าน้องเขาเล่นละคร เพราะฉะนั้นจะไม่มีทางได้เจอกันอยู่แล้ว ถ้าเราไม่รับเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ พี่เขาก็บอกว่าเรื่องนี้เป็นผลงานที่ได้รางวัลด้วย แล้วก็ได้ทุนจากกระทรวงวัฒนธรรม เราพลาดไม่ได้แล้ว ต้องร่วมงานให้ได้" พร้อมถึงพูดถึงการร่วมงานกับ สายป่าน ว่า "พอดีน้องเขาเป็นคนสบายๆ เราร่วมงานกันแล้วรู้สึกว่าโอเค หลายๆ คนบอกว่าพี่อ๊องแคสต์ตัวละครได้เหมาะสม หน้าตาเป็นพี่น้องกันได้"
ผู้กำกับพูดถึงกระแสตอบรับจากที่นำภาพยนตร์ไปฉายต่างประเทศว่า "ฟีดแบ็กดีครับ คือแมสเสจในหนังเรื่องนี้เป็นเรื่องใกล้ตัว เป็นเรื่องความสัมพันธ์กับครอบครัว เพราะฉะนั้นมันสามารถรับได้ทุกภาษาทุกเชื้อชาติ กระแสตอบรับก็ค่อนข้างดีครับ คือก็มีคนไม่ชอบบ้างเป็นเรื่องธรรมดา"
สายป่าน เผยมุมมองที่น่าสนใจของภาพยนตร์ว่า "ป่านว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ที่น่าสนใจเรื่องนึงนะคะ หนังเรื่องนี้มีความเป็นไทยมากๆ ตรงที่เป็นเรื่องของความเชื่อ วัฒนธรรม ประเพณีที่เราปฏิบัติกันมา ทำให้เรารู้สึกว่าน่าสนใจ แล้วอีกอันนึงที่น่าสนใจคือพี่อ๊องเลือกที่จะเล่าเรื่องผ่านตัวละครที่เป็นพี่น้อง ซึ่งส่วนมากจะถูกมองข้ามจากภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ตลอดเลย ความสัมพันธ์ของพี่น้องแทบจะเป็นความสัมพันธ์หลังสุดที่ถูกกล่าวถึง ไม่ใช่เฉพาะในภาพยนตร์ มันเป็นในชีวิตจริงด้วย คนเราส่วนมากนึกถึงแฟน นึกถึงพ่อแม่ นึกถึงคนอื่นที่ไม่ใช่พี่น้อง
ป่านคิดว่ามันน่าสนใจโดยเฉพาะพี่น้องผู้หญิง อย่างป่านเองป่านมีน้องผู้หญิง ตอนเด็กๆ ป่านโตกับน้องมา ใส่เสื้อผ้าด้วยกัน แล้วพอวันนึงที่เราโตขึ้นมาป่านกับน้องห่างกัน แล้วป่านก็ไม่รู้ว่าเราห่างกันตอนไหน สรุปแล้วเราก็ไม่พูดกัน เราไม่รู้ว่าเราโกรธกันหรือเราเกลียดกันตอนไหน แต่พอดูหนังเรื่องนี้แล้วมันทำให้ป่านรู้สึกว่าอยากย้อนกลับไป แล้วอยากทำให้ช่องว่างที่ป่านมีกับน้องแคบลง"
ด้าน จั๊กจั่น พูดถึงข้อคิดที่ได้จากเรื่องนี้ว่า "จั่นถือว่าภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใกล้ตัว ทุกวันนี้เราทำงานหนัก 7 วัน เราอาจจะลืมนึกถึงคนในครอบครัวเราไป การที่ได้มาเล่นภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้จั่นเห็นความสำคัญของครอบครัวมากขึ้น รักคุณแม่มากขึ้น บางทีเราก็บอกว่าเรารักแต่ด้วยความที่เราทำงาน เราก็อาจจะมองข้ามไป ไม่ค่อยได้นึกถึงท่าน พอดูภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วก็รู้สึกว่าทุกวันของเรามีค่ามีความหมาย เราทำให้ดีที่สุด เพราะว่าเราเกิดมาจากครอบครัว ก็อย่าให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าครอบครัว ดูแล้วก็จะได้อะไรกลับไปเยอะเลยค่ะ ก็เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ของจั่น อยากให้เป็นกำลังใจให้ด้วยค่ะ"
ส่วน อ๊อง ฝากถึงภาพยนตร์ว่า "อยากฝากไปถึงคนดูนะครับ ตอนนี้เมืองไทยคนจะมองว่าพอเป็นหนังอินดี้จะกลายเป็นหนังดูยาก เป็นหนังอาร์ตขึ้นมา เราอยากจะบอกว่าเรื่องนี้แมสเสจของมันเนื้อหาของมันค่อนข้างใกล้ตัว แล้วผมมองว่ามันสามารถจะเข้าถึงทุกคน ทุกคนจะสามารถรับในสิ่งที่เราอยากจะพูดได้ครับ เพราะฉะนั้นอยากให้มาดูกันเยอะๆ นะครับ"
ติดตามเรื่องราวของ 2 พี่น้องที่สะท้อนความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ใน ปาดังเบซาร์ เข้าฉายเฉพาะที่โรงภาพยนตร์เอสเอฟเวิลด์ ซีเนม่า เซ็นทรัลเวิลด์ และโรงภาพยนตร์ลิโด้ ตั้งแต่วันที่ 20 กันยายน 2555 เป็นต้นไป