เจ้านกกระจอก กลับรัง เข้าฉาย Director's Screen Project
"Director's Screen Project" โครงการที่จัดฉายภาพยนตร์อิสระหรือภาพยนตร์นอกกระแส ที่คนทำภาพยนตร์ประเภทนี้จะได้นำผลงานของตนเองออกฉายเช่นเดียวกับภาพยนตร์ทั่วไป หลังจากเคยมีโครงการนี้แล้ว เมื่อปี พ.ศ. 2551 มาในปีนี้โครงการนี้ได้วนกลับมาอีกครั้ง ซึ่งได้มีแถลงข่าวโครงการ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์เอสเอฟเอ็กซ์ เอ็มโพเรียม
ในปี 2553 นี้ ภาพยนตร์ที่ได้เข้าฉายในโครงการนี้ ได้แก่ "เจ้านกกระจอก" จากผู้กำกับ "ใหม่ - อโนชา สุวิชากรพงศ์" ที่ล่าสุดได้ไปคว้ารางวัล ทรานซิลเวเนีย โทรฟี จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติทรานซิลเวเนีย ครั้งที่ 9 ประเทศโรมาเนีย มาแล้ว เรื่องที่สองคือ "สวรรค์บ้านนา" ของ "ต้อย - อุรุพงศ์ รักษาสัตย์" และท้ายสุดกับ "จุ๊ก - อาทิตย์ อัสสรัตน์" กับภาพยนตร์สั้นเรื่อง "ภูเก็ต"
ผู้กำกับทั้งสามคนได้เผยถึงความรู้สึกต่างๆ และความเป็นมาเกี่ยวกับโครงการนี้ เริ่มจาก ใหม่ กับความคิดที่ว่าอยากเห็นภาพยนตร์นอกกระแสเป็นอะไรที่ยั่งยืน ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว "ก็ส่วนหนึ่งก็เป็นกระแสนะ แต่ว่าอยากให้มันเป็นมากกว่ากระแส คืออยากให้มันเป็นอะไรที่เป็นถาวร ยั่งยืน แต่ว่าก็ไม่ได้ติดกับจุดนี้ ถ้าเกิดมันเริ่มด้วยความที่เป็นกระแสอยู่ก่อน แต่ว่าเป็นอะไรที่สามารถอยู่คงทนไปได้ ก็เป็นเรื่องดี"
ใหม่ กล่าวว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของภาพยนตร์นอกกระแส แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คงต้องมีปัจจัยอื่นๆ มาสนับสนุนด้วย "ก็เป็นส่วนหนึ่งนะ คือแน่นอนอยู่แล้วการได้มีหนังมาฉาย หนังหลายๆ เรื่อง หนังนอกกระแสมาฉายในโรงหนังใจกลางเมืองเนี่ยมันก็ช่วยได้เยอะ แล้วก็มันก็เป็นตัวบ่งชี้ว่ามีคนสนใจอยู่ ทีนี้ขณะเดียวกันมันก็มีปัจจัยอื่นที่เข้ามาเสริม คิดว่าน่าจะมาจากภาครัฐ ก็เป็นส่วนหนึ่งเหมือนกันที่น่าจะให้ความสนับสนุน"
ในฐานะคนทำภาพยนตร์ที่ไปได้รับรางวัลจากต่างประเทศมาแล้ว ก็เผยถึงความรู้สึกที่คนไทยจะได้ชมผลงานนี้กันบ้างว่า "ดีใจมากค่ะ คนที่ทำหนังอิสระคือเรามีเรื่องอยากจะเล่า ขวนขวายที่จะทำของเรา ได้ไปฉายเทศกาลอะไรอย่างนี้ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ว่ากระแสที่เมืองไทยเนี่ย ถือว่าดีใจกว่า เพราะว่าเรารู้สึกว่าเราทำหนังทำให้คนไทยดู แต่ก่อนหน้านี้มันไม่ได้มีพื้นที่เท่าไร ตอนนี้พื้นที่มันขยายขึ้น ซึ่งก็อยากให้คนมาดู เพราะเราก็ทำให้คนไทยดู"
ส่วนที่ว่ามีใครได้ทาบทามไปเป็นผู้กำกับภาพยนตร์ในกระแสหรือแนวตลาดบ้างหรือยัง ใหม่ กล่าวว่ายังไม่มี "ยัง (หัวเราะ) คำถามนี้เจอบ่อยมาก แล้วก็บอกว่ายัง ทางเขาอาจจะคิดว่าเราคงจะ ถ้าไปคงทำอาร์ตจ๋า หรือเปล่าไม่รู้เหมือนกัน แต่ว่าก็ไม่มี"
มาที่ผู้กำกับ สวรรค์บ้านนา กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้ฉายโรงใหญ่ว่า "คืออย่างหนังที่ผมทำมันเป็นงานภาพ มันควรจะได้ดูในโรงจริงๆ ที่ผ่านมาเราก็ไปฉายกลางแปลงที่ต่างจังหวัด ผมว่ามันสามารถนำไปฉายที่โรงใหญ่จริงๆ แล้วก็อีกอย่างหนึ่งที่เหมือนใหม่บอก ก็คือเราก็อยากให้มันมีแบบนี้ทุกปี คือมีคนรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำกันต่อ ให้สร้างกลุ่มคนดูมันกว้างขึ้นครับ"
นอกจากนี้ก็กล่าวด้วยว่า การได้มาฉายในโรงภาพยนตร์แบบนี้ เหมือนกับตนเองทำผลิตภัณฑ์โอท็อปแล้วได้นำไปจำหน่ายในห้างสรรพสินค้า "คือจริงๆ แล้วผมมีความรู้สึกว่าเหมือนทำผลิตภัณฑ์โอท็อปแล้วก็เอาไปขึ้นห้าง (หัวเราะ) ก็เป็นสิ่งที่ดี คือผมก็ว่ามันก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีฮะ ต่อไปเนี่ยถ้ามันประสบความสำเร็จก็อาจจะได้ฉายในวงกว้างกว่านี้"
ต้อย อธิบายถึง สวรรค์บ้านนา ที่หลายๆ คนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเหมือนกับสารคดีว่า "คือหนังเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีแต่ภาพอย่างเดียว มันก็มีเรื่องของมัน ผมไปฉายในหลายๆ ที่ เขาไม่ได้มองว่าเป็นสารคดี เขามองว่าเป็นหนังที่สร้างจากสารคดี ซึ่งก็ถือว่ามันได้เยอะกว่าที่เราคาดไว้ คือว่ามันจะเป็นอะไรก็แล้วแต่ที่เราทำ แต่ว่าต้องให้คนดูเขาดูเอง แต่ว่าวิธีการที่เราทำเนี่ยเราใช้สารคดีในการทำ"
ส่วนอีกหนึ่งเรื่องสุดท้าย "ภูเก็ต" ที่ได้นักแสดงที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง "เอก - สรพงษ์ ชาตรี" และนักแสดงเกาหลี อิมซูจอง (Lim Soo Jung) ผู้กำกับได้พูดถึงเรื่องนี้ว่า "เป็นดรามาฮะ คือภูเก็ตผมจำได้คือครั้งแรกที่ผมไปเนี่ย เมื่อ 25 ปีที่แล้วเนี่ย ผมจำได้ว่ามันเป็นเมืองเล็กๆ ฮะ ไม่ได้เป็นเมืองด้วยซ้ำ คล้ายๆ กับเป็นหมู่บ้านอ่ะฮะ แต่ว่าช่วงหลังเนี่ยใครๆ ก็รู้ว่าภูเก็ตเนี่ยมันเปลี่ยนไปเยอะแล้ว โรงแรมก็เยอะไป คนท่องเที่ยวก็เยอะ คือทุกอย่างมันใหญ่ขึ้นหมดเลย แล้วผมพยายามจะทำหนังที่ทำให้เราคิดถึงธรรมชาติว่า เหตุผลที่ภูเก็ตสวยงาม คือเราต้องรณรงค์ตรงนี้ไว้ฮะ อย่าให้มันใหญ่เกินไป"
กับการนำเอานักแสดงเกาหลีมาร่วมแสดงนั้น ผู้กำกับกล่าวว่าเป็นความชอบส่วนตัว อีกทั้งทางสมาคมการท่องเที่ยวภูเก็ตก็เห็นด้วย เพราะเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งที่นิยมมาท่องเที่ยวภูเก็ต "ก็คือผมชอบเขาอยู่แล้วฮะ คือช่วงหลังเนี่ยทุกอย่างที่เกี่ยวกับเกาหลีก็บูมที่ประเทศไทย แล้วผมก็เสนอทางการท่องเที่ยวภูเก็ตว่าคิดยังไง ผมอยากจะเอาอิมซูจองมาเป็นนางเอก เขาก็ชอบนะเพราะว่าประเทศเกาหลีเนี่ยเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่สามที่ใหญ่ที่สุดในภูเก็ต เขาก็บอก อืม ดี"
จุ๊ก กล่าวว่าการฉายในครั้งนี้ เป็นโอกาสดีที่แฟนภาพยนตร์แนวนี้จะได้มาชมกัน "ก็คิดว่าดีครับ ผมก็รู้สึกว่าทุกคนก็เอาใจช่วยฮะ เพราะว่าทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าในบ้านเราเนี่ย หนังถูกแบ่งออกเป็นสองประเภทก็คือหนังตลาดธรรมดา แล้วก็หนังที่เรียกว่านอกกระแส แล้วคือโอกาสที่จะได้ดูหนังแบบนี้ แบบ ภูเก็ต สำหรับนักศึกษา หรือคนที่เป็นแฟนหนังมันมีน้อยมากเลย คือผมก็เชียร์ของผมเอง ก็คิดว่า เออ ดีมากเลยที่เอาหนังอย่าง เจ้านกกระจอก หรือ สวรรค์บ้านนา เนี่ยมาฉายให้คนดู"
ทั้งนี้ จุ๊ก เผยถึงภาพยนตร์เรื่องใหม่ที่มีชื่อว่า "ไฮโซ" ที่กำลังทำด้วยว่าจะเป็นภาพยนตร์นอกกระแสที่มีการลงทุนใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิม และได้ "อนันดา เอเวอริงแฮม" มาเป็นนักแสดงนำในเรื่องนี้ด้วย "คือตอนนี้ผมเอง หลังจากทำ ภูเก็ต เสร็จ ก็เอาอนันดาซึ่งเป็นน้องรักผมเนี่ยมาแสดงหนังเรื่องต่อไปของผม ชื่อว่า ไฮโซ ก็ตอนนี้กำลังทำ อยู่ในขั้นตอนตัดต่อ ทำดนตรีอยู่ คาดว่าน่าจะเสร็จภายในเดือนสองเดือนนี้"
นอกจากนี้ ผู้กำกับมือรางวัลอย่าง ใหม่ ก็ได้แนะนำถึงการดูภาพยนตร์ของตนเองนี้ว่า "แนะนำว่าอย่าไปซีเรียสกับมันมาก อย่าเข้าไปดูด้วยความรู้สึกว่าจะต้องเข้าใจทุกอย่าง จะต้องนั่งตีความว่าซีนนี้หมายถึงอะไร มันจะดูแล้วไม่สนุกไง คือเข้าไปแล้วเหมือนกันว่าเรานั่งดูชีวิตประจำวันของคนมากกว่า
อีกอย่างหนึ่งคือ บางทีเราก็ต้องทำความเข้าใจกันหน่อยว่า การไปดูหนังเนี่ยมันก็ไม่ใช่ว่าเราเข้าไปเพื่อจะสนุกอย่างเดียว บางทีมันเป็นการเข้าไปเพื่อศึกษา แล้วก็ได้สังเกตการณ์พฤติกรรมมนุษย์ ซึ่งในชีวิตจริงในชีวิตประจำวัน ด้วยความที่เรามีหน้าที่การงาน เราก็ไม่ได้สังเกตอะไรแบบนี้หรอก การเข้าไปดูภาพยนตร์มันได้เห็นแง่มุมต่าง ๆ พฤติกรรมของมนุษย์ ลักษณะนิสัย ซึ่งบางทีมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับความสนุกอย่างเดียว ก็อยากให้คนดูเข้าไปด้วยทัศนคติที่เปิดกว้าง"
สำหรับผู้ที่อยากจะชมภาพยนตร์ทั้ง 3 เรื่องนี้นั้น สามารถหาดูกันได้ที่โรงภาพยนตร์เอสเอฟเอ็กซ์ เอ็มโพเรียม โดยในแต่ละเรื่องจะจัดฉายให้ชมกันเป็นเวลา 1 เดือน เริ่มจาก เจ้านกกระจอก ตั้งแต่วันที่ 5 สิงหาคม - 1 กันยายน 2553 เรื่อง สวรรค์บ้านนา ฉายวันที่ 2 - 29 กันยายน 2553 และ ภูเก็ต ตั้งแต่ 30 กันยายน - 27 ตุลาคม 2553 ฉายทุกวันในเวลา 19:00 น. และวันเสาร์ - อาทิตย์ เพิ่มรอบ 14:00 น. จำหน่ายบัตรราคาปกติที่โรงภาพยนตร์ และที่พิเศษไปกว่านั้นคือจะมีกิจกรรมพบปะพูดคุยกับผู้กำกับทุกวันเสาร์หลังภาพยนตร์รอบ 19:00 น. ด้วย