1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

สนั่นจอด้วยวิธีต่อสู้จับคู่บู๊ปนรักแบบใหม่ใน จีจ้า ดื้อสวยดุ

สนั่นจอด้วยวิธีต่อสู้จับคู่บู๊ปนรักแบบใหม่ใน จีจ้า ดื้อสวยดุ

"จีจ้า - ญาณิน วิสมิตะนันทน์" สาวนักบู๊ที่เคยสร้างความตื่นตาจากบทบาทการต่อสู้แบบดุเด็ดเผ็ดมันในภาพยนตร์เรื่อง "ช็อคโกแลต" จนมีคำพูดประจำตัวว่า "เล่นจริง เจ็บจริง" ก็พร้อมแล้วที่จะมาสร้างความแปลกใหม่ในลีลาบู๊ให้ตะลึงอีกครั้ง พร้อมกับคำพูดใหม่ "เล่นจริง เจ็บจริง สวิงกว่าเดิม" ที่รอให้พิสูจน์ในภาพยนตร์แนวแอ็กชันผสมโรแมนติกเรื่อง "จีจ้า ดื้อสวยดุ" ภายใต้การกำกับของ "ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล" ออกแบบและกำกับการต่อสู้จากฝีไม้ลายมือของ "ท็อป - วีระพล ภูมาตย์ฝน" โดยมี "พันนา ฤทธิไกร" เป็นผู้ควบคุมฉากต่อสู้ และ "ปรัชญา ปิ่นแก้ว" นั่งเก้าอี้ผู้อำนวยการสร้าง

นอกจากนี้ จีจ้า ยังได้ประกบคู่กับหระเอกหน้าใหม่ "คาซู แพทริก แทง" (Kazu Patrick Tang) ที่มีรางวัลชนะศิลปะการต่อสู้ที่เรียกว่า ทริกซ์ รับประกันความสามารถ รวมถึง 3 นักเต้นบีบอยแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง "หนุ่ย แสนแดง" "เฮส - สมพงษ์ เลิศวิมลเกษม" และ "โอมาน - บุญประเสริฐ ศาลางาม" แถมยังต้องมาปะทะกับนักเพาะกายหญิงระดับเอเชียอย่าง "ซิงห์ - รุ้งตะวัน จินดาซิงห์" โดยเปิดรอบปฐมทัศน์ไปแล้ว เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม ที่ผ่านมา ณ อินฟินิซิตี้ ฮอลล์ สยามพารากอน

ราเชนทร์ พูดถึงสิ่งที่อยากจะนำเสนอในภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ก็คุยกับพี่ปรัชญา พี่พันนา พอผมพูดเรื่องนี้ไปพี่ 2 คนเขาก็โอเคเลย จากนั้นก็มาคุยกันว่าสิ่งที่เรากำลังจะทำกันเป็นประเภทรักไปสู้ไปเต้นไปเตะไปจะเป็นยังไง อย่างแรกผมรู้สึกว่าสิ่งที่ทางสหมงคลฟิล์มกับบาแรมยูสร้างงานใหม่ขึ้นมาให้ตลาดโลกหนังแอ็กชันอยู่ ก็คือเรากำลังทำหนังที่มีทั้งมาร์เชียลอาร์ตส์ผสมกับความโรแมนติก แก่นของเรื่องเป็นเรื่องของความโรแมนติกในความรัก"

สาเหตุที่ทำให้ถ่ายภาพยนตร์เรื่องนี้เสร็จภายใน 6 เดือนนั้น ผู้กำกับ บอกว่า "เพราะว่าจีจ้าเขาเก่งจริงๆ เขาเล่นได้ทั้งแอ็กชัน และในส่วนที่เป็นดรามาติก พอเวลาที่จะถ่ายทั้ง 2 อย่าง เราไม่ค่อยห่วงเขา เพราะว่าเขาเล่นได้เลย ฉากดรามาติกครั้งแรกที่ถ่าย เขาถ่ายเสร็จปุ๊บแล้วเทกเดียวผ่านเลย เพราะว่ามันใช่เลยครับ แต่สิ่งที่ต้องไปใช้เวลามากเป็นคาซูกับพวกบีบอยคนอื่นๆ ที่ต้องใช้เวลา ส่วนจ้าถือว่าเป็นโชคดีของผู้กำกับหนังคนนึงที่จะได้ทำหนัง ถ้าได้ร่วมงานกับคนที่ได้ทั้งมาร์เชียลอาร์ตส์ แล้วก็ดรามาติก นี่คือสบายแล้ว"

จีจ้า บอกความรู้สึกแรกที่ได้แสดงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า "ตื่นเต้นและก็ดีใจที่ได้กลับมาเจอทุกคนอีกครั้งนึงค่ะ" ด้าน คาซู เผยว่า "รู้สึกยินดีและมีความสุขมากที่ได้ร่วมแสดงในหนังเรื่องนี้ ได้ร่วมงานทั้งกับนักแสดง ทีมงานที่เก่ง รวมถึงได้ทำงานกับสหมงคลฟิล์มและบาแรมยู ซึ่งเป็นบริษัทที่ดีมาก จีจ้าเป็นนักแสดงที่เก่งมาก หนังเรื่องนี้เป็นหนังโรแมนติกแอ็กชัน ผสมกับการต่อสู้แบบทริกซ์ มีแอ็กชัน การเต้นบีบอย รวมทุกอย่างที่เป็นมาร์เชียลอาร์ตส์อยู่ภายในหนัง ถ้าอยากรู้ว่าเป็นยังไงก็ต้องไปติดตามดูในหนังครับ"

ส่วนสาวนักเพาะกายหญิง ซิงห์ เผยความรู้สึกว่า "ตื่นเต้นมากค่ะ เป็นประสบการณ์ที่ต่างจากชีวิตการเป็นนักกีฬาไปโดยสิ้นเชิงเลยค่ะ จีจ้าเป็นผู้หญิงตัวเล็กแต่ใจใหญ่มาก เก่ง ต้องชื่นชมน้องเขาจริงๆ พี่ซิงห์ก็มีพื้นฐานในเรื่องของทักษะยูโดอยู่ก็สามารถต่อกรได้ สู้กันสุดฤทธิ์สุดเดช สนุกค่ะ" ด้าน เฮส หนุ่มบีบอย กล่าวความรู้สึกที่ได้ร่วมแสดงภาพยนตร์ว่า "ก็รู้สึกดีใจครับ ที่ได้มาเป็นตัวแทนของทีมบีบอยของประเทศไทยเลยครับ เพราะไม่มีหนังแอ็กชันเรื่องไหนที่จะเอาบีบอยมาทำได้อย่างสมบูรณ์แบบเท่านี้"

หลังจาก ช็อคโกแลต ประสบความสำเร็จ ปรัชญา ก็ต้องการให้ผู้ชมเห็น จีจ้า ในแบบที่แตกต่างมากขึ้น "ต้องมีความแปลกใหม่ตลอดเวลาครับ เราต้องรู้ว่าคนดูกว่าครึ่งนึงดูหนังเรื่อง ช็อคโกแลต ไปแล้ว โดยเฉพาะเป็นนักแสดงผู้หญิงอย่างจีจ้า ความเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนผู้ชาย แล้วต้องมีอะไรมาปรับให้มีความแปลกใหม่ มีความดุดันและสวยงามไปในตัวด้วย"

ด้านนักบู๊สาวบอกถึงการเปลี่ยนแปลงด้วยความดีใจว่า "จ้าได้พูดแล้วค่ะเรื่องนี้ ได้แอ็กติ้งได้แสดงมากขึ้น มีความโรแมนติกเพิ่มมากขึ้น ภายนอกที่เปลี่ยนก็มีเสื้อผ้า หน้าผมที่เปลี่ยนไป ผมก็สั้นขึ้นรู้สึกว่าคล่องตัวมากขึ้นด้วย มีการเล่นในเรื่องของอารมณ์มากขึ้น ในเรื่องของบทบาทจะมีความใกล้ตัวมากขึ้น เป็นอารมณ์ของวัยรุ่นเลย รัก โลภ โกรธ หลง แล้วในเรื่องของแอ็กชันก็จะมีการเปลี่ยนแน่นอน ต้องฉีกแนวจากมวยไทยประยุกต์ของเดิมที่เป็น ช็อคโกแลต พอมาเรื่องนี้ก็ต้องผสมผสานการเต้น ต้องมีการเรียนรู้อะไรเยอะมากขึ้น"

พันนา บอกถึงวิธีคิดที่นำสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นการต่อสู้มาประยุกต์ให้เป็นบทบู๊ว่า "มีหลายอย่างในเรื่องนี้ที่เราจะปรับจุดได้ เช่น บีบอย ที่ไม่ใช่การต่อสู้ แต่พอดีท่าทางเขาแข็งแกร่งและผาดโผนเราสามารถพลิกให้เป็นมาร์เชียลอาร์ตส์ได้ เพราะฉะนั้นทุกๆ อย่างในโลกนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้ไม่มีที่สิ้นสุดครับ" ส่วน ท็อป ก็ช่วยเสริมเรื่องการนำการเต้นแบบลีลาศเข้ามาผสมว่า "สำหรับศิลปะการเต้นรำ มีสเต็ปพื้นฐานมีบล็อกที่ใกล้เคียงกับแอ็กชันมากๆ ก็เลยคุยงานกับพี่ปรัชเขา ตั้งโจทย์ออกมาพยายามศึกษาและทำแอ็กชันที่เป็นศิลปะต่างๆ ทั่วโลก ผมว่ามันมีพื้นฐานเดียวกันคือเป็นต้นตำรับสำหรับการต่อสู้ทุกรูปแบบมารวมไว้ในหนังเรื่องนี้ครับ"

ในเรื่องนี้ จีจ้า ต้องไปฝึกการเต้นบีบอย เพื่อให้สมจริงมากขึ้นด้วย "หนักหน่วงมากมีเวลาให้ 2 เดือน ถ้าเป็นบีบอยที่เขาเป็นมืออาชีพ เขาเล่นกันเป็นปีจนกว่าเขาจะได้ท่าที่เก่งมาก อย่างจ้าบอกได้เลยว่าทำได้ในระดับนึง เพราะฉะนั้นช่วง 2 เดือนจ้าต้องเก็บเกี่ยวให้ได้เยอะที่สุด ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานหรือท่าทางใดๆ ก็ตาม"

ถ้าเป็นฉากบู๊ฉากอารมณ์สู้ไม่ถอย แต่ผู้กำกับบอกฉากที่ จีจ้า มีปัญหามากที่สุดคือ "เขาเป็นคนที่เล่นดรามาติกอะไรได้หมดเลย แต่ว่าจ้าเป็นคนที่เวลาจะเล่นเลิฟซีนจะเขิน เขินกันเองกับคาซู ถือเป็นฉากที่ต้องให้เวลาเขาไปนั่งทำสมาธิ เวลาถ่ายแป๊บเดียวแต่ว่าก่อนจะถ่าย 2 คนต้องไปทำสมาธิก่อน ส่วนเรื่องของแอ็กชันเรามีการดีไซน์ฉากแอ็กชันที่ใหม่ขึ้นมาฉากนึง ก็คือฉากสะพานเชื่อม ฉากสะพานเชื่อมพื้นจะเป็นไม้เป็นร่องๆ แล้วตอนที่เล่นๆ กันอยู่ กล้องจับภาพอยู่ที่คาซูกับซิงห์ เฮ้ยจ้าหายไปไหน"

จีจ้า ก็เล่าต่อว่า "ฉากสะพานไม้จะเป็นไม้ที่เป็นซี่ๆ ด้วยความที่แกว่งไปแกว่งมา แล้วตัวจ้าเล็กสุด เอาแค่น้ำหนักตัวจ้าเดินก็แกว่งแล้ว แต่ว่าพี่ 2 คนเอาเล่นแอ็กชันกันอยู่กลางสะพาน จ้าอยู่ปลายสะพาน เป็นจังหวะที่พี่ซิงห์ต้องเตะๆ กับคาซูแล้วก็หันมาปุ๊บหาจ้าไม่เจอ คือจ้าหล่นลงไป 2 ขาคร่อมแผ่นไม้อยู่ ขึ้นมาไม่ได้ก็ต้องให้พี่ซิงห์ช่วยหิ้วขึ้นมาวาง มีอุปสรรคในการถ่ายทำค่อนข้างเยอะ แต่ว่าฉากสะพานไม้เป็นฉากที่นักแสดงทั้งหมดรู้สึกว่าพอเล่นได้แล้ว รู้สึกว่าภูมิใจมากค่ะ"

สุดท้าย จีจ้า กล่าวฝากภาพยนตร์ว่า "สำหรับ จีจ้า ดื้อสวยดุ เป็นผลงานของพี่ราเชนทร์ ลิ้มตระกูล แล้วก็ของทุกๆ คนเลยค่ะ ยังไงจ้าก็ขอฝากด้วยนะคะว่าหนังเรื่องนี้มีความแปลกใหม่แน่นอน อยากรู้ว่าจะเป็นยังไงต้องติดตามชมกันดูค่ะ"

ติดตามชมการต่อสู้แนวใหม่ว่าจะบู๊ได้มันสะใจขนาดไหน ได้ใน จีจ้า ดื้อสวยดุ เข้าฉายแล้วตั้งแต่ 12 สิงหาคม ที่ผ่านมา ในโรงภาพยนตร์

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30
  • รูปภาพ 31
  • รูปภาพ 32
  • รูปภาพ 33
  • รูปภาพ 34
  • รูปภาพ 35
  • รูปภาพ 36
  • รูปภาพ 37
  • รูปภาพ 38
  • รูปภาพ 39
  • รูปภาพ 40
  • รูปภาพ 41

ความคิดเห็น

ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ในอดีต

  • รักแห่งสยาม
    เข้าฉายปี 2007
    แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์
  • Harry Potter and the Chamber of Secrets
    เข้าฉายปี 2002
    แสดง Daniel Radcliffe , Emma Watson , Rupert Grint
  • ตีสาม 3D
    เข้าฉายปี 2012
    แสดง กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ชาคริต แย้มนาม

เกร็ดภาพยนตร์

  • Big Game - ผู้กำกับ ยาลมารี เฮแลนเดอร์ มองว่าสถานที่จริงที่ตอนเหนือของประเทศฟินแลนด์ ไม่เหมือนภาพที่เขานึกไว้ในหัว จึงถ่ายทำที่เทือกเขาแอลป์แทน อ่านต่อ»
  • When Marnie Was There - เป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายก่อนที่ค่ายจิบลิจะพักการสร้างภาพยนตร์ อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

Chandro Tomar (Bhumi Pednekar) และ Prekashi Tomar (Taapsee Pannu) พวกเธอทั้ง 2 อายุเกิน 60 ปีแล้ว เธอใด้สร้างแรงบันดาลใ...อ่านต่อ»