แบม-โบ้ท วันชื่นคืนสุขในงานเลี้ยงฉลองสมรสพระราชทาน
คู่รักอดีตพิธีกรและนักการเมืองสาว "แบม - จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์" ที่ถูกตีตราจองจากหนุ่มนักธุรกิจ "โบ้ท - บุตรรัตย์ จรูญสมิทธิ์" ได้ใช้ชีวิตคู่กันไปสักระยะหนึ่งแล้ว หลังจากที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาพระราชทานน้ำสังข์ ในช่วงบ่ายของวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา ณ วังไกลกังวล หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และเมื่อได้ฤกษ์ดีในวันที่ 28 มิถุนายน ที่ผ่านมา คู่บ่าวสาวก็ได้จัดงานเลี้ยงฉลองมงคลสมรสพระราชทานขึ้น ณ ห้องรอยัลบอลรูม โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล
บรรยากาศในงานเน้นตกแต่งด้วยโทนสีฟ้า สีประจำวันเกิดของเจ้าสาว ซึ่งมีเพื่อนๆ ของเจ้าสาวแต่งชุดด้วยสีฟ้าตั้งแถวรอรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน โดยมีของชำร่วยเป็นกล่องใส่นามบัตรและใส่ของเล็กๆ น้อยๆ รูปหนังสือสีฟ้าด้านหน้ามีข้อความว่า The Book of Love เนื่องจากฝ่ายเจ้าบ่าวเป็นคนที่ชอบอ่านหนังสือ ส่วนด้านหลังก็มีนิยามความรักที่เขียนไว้ว่า "Love is like the wind. You can't see it, but you can feel it." ความรักเป็นเหมือนกับสายลม มองไม่เห็นด้วยตาแต่สามารถสัมผัสได้
เวลาประมาณ 16.40 น. เจ้าบ่าวและเจ้าสาวก็ควงคู่กันออกมาให้สัมภาษณ์กับบรรดาสื่อมวลชนก่อนจะเริ่มพิธี
ในวันพระราชทานน้ำสังข์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ทรงรับสั่งว่าอะไร
แบม "ท่านก็รับสั่งสั้นๆ กระชับนะคะ ว่าให้เราทั้งคู่รักกันนานๆ และครองรักกันด้วยความเข้าใจ"
โบ้ท "โดยสรุปก็ให้อยู่กันนานๆ เข้าใจซึ่งกันและกัน ใช้ความอดทน ท่านก็ไม่ได้รับสั่งอะไรมากมายครับ"
วางแผนชีวิตครอบครัวยังไงไว้บ้าง
โบ้ท "ในส่วนของเราเองโดยอายุ เราก็อยากที่จะมีทายาทเลย ก็ไม่รู้เสกได้รึเปล่า ส่วนตัวผมอยากได้ 2 คน (หัวเราะ) ก็ต้องดูวัยดูอะไรด้วยนะครับ"
แบม "ก็ไปหาหมอ ไปปรึกษาว่าเราต้องเตรียมพร้อมยังไงในการมีบุตร เพราะว่าเราก็อายุมาก คุณหมอก็แนะนำ ที่สำคัญก็ต้องตรวจเลือดว่าเลือดสองคนเข้ากันแล้วมีปัญหาไหม ผลตรวจทุกอย่างก็สมบูรณ์ไม่มีปัญหาอะไร ตอนนี้ก็รอว่าหลังจากนี้จะสามารถได้ดั่งใจเราที่ต้องการรึเปล่านะคะ"
เตรียมวางแผนไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ไว้รึยัง
แบม "เราอยากไปเที่ยวยุโรป อยากไปอิตาลีแต่อยากไปช่วงหน้าหนาว ก็เลยอาจจะเก็บไว้เป็นปลายๆ ปี หลังจากแต่งงานแล้วพักผ่อนหายเหนื่อยก็คงจะไปเที่ยวทะเล อาจจะไปภูเก็ต เพราะเราชอบไปเที่ยวกันบ่อยๆ แต่ละทริปไม่ต้องยาวนัก เป็นโอกาสที่เราจะได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แต่ถ้ามีช่วงเวลานานๆ แล้วถ้าตอนนั้นไปได้ก็คงจะไปอิตาลี ยกเว้นแต่ว่ามีน้อง เสกได้ทันใจซะก่อน (หัวเราะ) ก็คงไปไม่ได้"
อยากให้ แบม หยุดงานวงการบันเทิงและงานการเมืองเลยไหม
โบ้ท "แบมเขาเป็นคนมีความสามารถมากนะครับ ผมคงไม่ปิดกั้นโอกาสเขาอยู่แล้ว แต่เราสองคนก็ต้องยอมรับความเป็นจริงในเรื่องของวัย ตอนนี้เป้าหมายแรกของเราก็คือจะต้องมองในเรื่องของการมีทายาทก่อน แล้วก็เป็นไปตามขั้นตอน โอกาสมันเข้ามาตลอดเวลาและเขาเป็นคนที่มีความตั้งใจสูง ก็ต้องรอดูจังหวะตรงนั้นว่าอะไรจะเข้ามา ณ จุดนั้นก็ตามใจเขาครับ"
มูลค่าของชุดและเครื่องประดับ
แบม "ประเมินไม่เป็นเหมือนกันค่ะ (หัวเราะ) จริงๆ ก็ไม่ได้เน้นตรงนั้นนะคะ ก็ดูว่าอะไรใส่ออกมาแล้วสวย เพราะว่าการเป็นเจ้าสาว แบมเชื่อว่าเป็นความฝันของผู้หญิงหลายๆ คน เป็นโอกาสที่เราจะได้แต่งชุดขาวๆ ฟูๆ ถ้าเราอยู่เฉยๆ เราคงไม่สามารถหยิบมาใส่ได้ เราก็มีภาพที่เคยจินตนาการเอาไว้ว่าถ้าเราได้เป็นเจ้าสาว เราอยากเป็นเจ้าสาวแต่งชุดแบบไหนยังไง เพียงแต่ว่าทำให้เหมือนกับสิ่งที่เราเคยนึกฝัน เคยจินตนาการเอาไว้เท่านั้นเอง"
แบม เตรียมตัวเป็นแม่ศรีเรือนยังไงบ้าง
แบม "หลังจากส่งตัว เราก็ได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาประมาณ 2 อาทิตย์ ให้เวลาส่วนใหญ่ในเรื่องของการดูแลเรื่องอาหาร ตั้งแต่เรียนจบทำงานมาแบมไม่ค่อยมีโอกาสมีชีวิตที่จะตื่นเช้ามาเป็นแม่บ้าน ทำกับข้าว ดูแลบ้าน ตอนเย็นกลับมาเตรียมอาหาร เป็นเรื่องของการทำงาน ช่วงที่เป็นคนบันเทิง เป็นข้าราชการ เป็นสส. ก็ทำงานแบบเต็มวันเลย
ตอนนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เราพอจะมีเวลามากขึ้น ก็ตื่นมาตอนเช้าก็เตรียมอาหารเช้าให้ พี่โบ้ทเป็นคนตื่นเช้า 6 โมงก็ตื่นแล้ว 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาไม่ว่าแบมจะนอนกี่โมง 6 โมงก็ต้องตื่นขึ้นมาทำอาหารเช้าให้เขา แต่เขาเป็นคนทานง่ายก็เตรียมง่ายๆ ตอนเย็นก็เตรียมอาหารเย็นอาหารค่ำให้เขา บางครั้งตอนกลางวันเขาอยากกลับมากินข้าวบ้านก็เตรียมให้เขาทานที่บ้าน"
เจ้าบ่าวปลื้มเจ้าสาวมากขนาดไหน
โบ้ท "เอาสั้นๆ ดีกว่านะครับ พอผมอยู่กับเขาตื่นขึ้นมาก็เหมือนมีแม่พลอยอยู่ในบ้าน จริงๆ นะ (หัวเราะ) ไม่นึกเหมือนกัน ผมชอบหนังสือเล่มนี้มากนะครับ แล้วก็ไม่นึกว่าจะเจอในยุคนี้ไม่น่าเชื่อ ที่สำคัญเขาทำด้วยความเต็มใจไม่เหน็ดเหนื่อย ผมดูแล้วยังเหนื่อยแทนเลยนะครับ"
ประทับใจเมนูไหนของ แบม มากที่สุด
โบ้ท "เขาทำทุกอย่างเลย สมมติว่าวันนี้ผมอยากจะกินอาหารฝรั่ง ไทย จีน หัดทำหมด ก่อนจะให้ทานก็บอกว่าวันนี้ซอสไม่ครบ เกริ่นตลอด ซึ่งจริงๆ แล้วผมเป็นผู้ชายทานง่ายๆ ขอให้อาหารสุกก็โอเคแล้ว แต่ว่าก็อร่อยไปหมด"
ความประทับใจที่มีต่อตัวเจ้าสาว
โบ้ท "จริงๆ แล้วเรื่องความประทับใจในตัวเขา เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาเป็นคนที่ใช่ด้วย เพราะว่าไม่มีเหตุการณ์ใดเหตุการณ์นึง ผมว่าโดยทั่วไปคนเรามักจะนึกว่าจะมีอะไรบางอย่างเข้ามาแล้วชนะใจเราได้ ยิ่งคุณใช้ชีวิตแล้วทำงานหรือมีประสบการณ์ไปเรื่อยๆ คุณจะรู้ว่าคงมีน้อยอย่างที่ทำให้เราหวั่นไหวได้เวลาเราโตแล้ว สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกว่าเขาใช่ เป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แต่เกิดขึ้นสม่ำเสมอมากๆ ความจิตใจดี การตัดสินใจของเขาทั้งช่วงที่มีความสุขและความทุกข์ ในยามวิกฤต ซึ่งผมเห็นเนื้อแท้ของเขาทำให้เกิดความมั่นใจขึ้นมาได้เองอย่างไม่น่าเชื่อ"
เหตุการณ์วิกฤตคือเหตุการณ์อะไร
โบ้ท "สมมติคนเราคบกันก็ต้องมีทะเลาะกันบ้าง อย่างตอนที่ทะเลาะกันก็เป็นจุดนึงที่รู้สึกได้เลย เพราะว่าเราทะเลาะกันไม่ได้รู้สึกโกรธจนมองหน้ากันไม่ได้ เดินจากกันไปแป๊บเดียวหันมามองหน้ากันก็หัวเราะกันแล้ว เป็นอะไรที่นึกไม่ถึงว่าวันนึงจะเจอเหตุการณ์แบบนี้ เป็นส่วนนึงที่เป็นตัวชี้นำสำหรับผมว่าอันนี้คือชีวิตจริงๆ ไม่ใช่ชีวิตในนิยายที่เราเจอคนที่สวยหรู ผมคิดว่าหลังจากงานวันนี้ไปก็เข้าสู่ความเป็นจริง เราก็อยู่กันสองคนหรือจะมีคนที่สามมารึเปล่านะครับ"
แบม "คนที่สามหมายถึงลูกใช่ไหม เอาให้ชัดๆ (หัวเราะ)"
โบ้ท "คนที่สามตัวเล็กๆ"
คำพูดที่อยากจะบอกซึ่งกันและกัน
แบม "ตอนนี้แบมก็เข้าอายุ 37 แล้ว มีหลายคนบอกว่ารอดตายโค้งสุดท้าย (หัวเราะ) แบมว่าเป็นความโชคดีที่เราสามารถเจอใครสักคนนึงที่มีความลงตัว อยู่กับเราแล้วเรารู้สึกว่าเรามีความสุข มีความสบายใจ มีความมั่นคง มีความมั่นใจ แล้วเขาพร้อมที่จะยืนเคียงข้างเรา ซึ่งก็ไม่คิดว่าพี่โบ้ทจะเดินเข้ามาในชีวิตแล้วก็เป็นคนๆ นั้น วันนี้ก็ต้องบอกว่าเป็นความสุข ความดีใจที่สุดในชีวิตที่มีในวันนี้นะคะ ในความเป็นภรรยาก็อยากทำหน้าที่ดูแลเขา และก็ตั้งใจไว้ว่าถ้าเกิดเรามีลูกด้วยกัน ก็ไม่อยากจะให้เขารู้สึกว่าเขาถูกทอดทิ้ง ก็จะทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด ดูแลเขาให้สมบูรณ์เท่าที่จะทำได้นะคะ"
โบ้ท "ผมก็ไม่นึกเหมือนกันนะครับ มาถึง 40 แล้วก็เพิ่งมาเจอเขา เราก็คบกันมาประมาณ 2 ปีตอน 38 ก็เลิกคิดไปแล้วเหมือนกัน ผมก็ผ่านประสบการณ์มาในระดับนึง สาเหตุที่ยังเลือกใครไม่ได้เลย ไม่ใช่เพราะผมสเปกเยอะนะ เหมือนผู้ชายทุกคนที่อยากจะได้คนที่หน้าตาดี ที่สำคัญนิสัยดี มันไม่เจอ เข้ากันไม่ได้เป๊ะ ได้ยินแต่ผู้ใหญ่พูดแล้วเราก็ไม่เชื่อ แต่วันนึงพอมาเจอกับตัวเราเองก็ค้นพบว่าเขาเป็นคนๆ นั้น
ผมเองก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่น หลายๆ ครอบครัวที่เห็นเขาอยู่ด้วยกันไปนานๆ อันนั้นก็คือเป้าหมายในชีวิตของผมที่ผมอยากจะเป็น พอดีผมเจอเขาแล้วลงตัวพอดี ผมเลยมองเห็นภาพของเรา ผมก็จะทำหน้าที่นั้น เพราะวันนี้ผมก้าวเข้ามาอยู่ในจุดที่เราจะมีครอบครัวของเราแล้ว เป็นการสร้างครอบครัว แล้วถ้ามีลูกความรับผิดชอบในเรื่องของการสร้างทรัพยากรใหม่ขึ้นมาให้มีคุณภาพกับสังคม ก็ต้องเป็นเรื่องที่เราต้องรับภาระต่อไป"
หลังจากจบงานแถลงข่าวทั้ง แบม และ โบ้ท ก็ได้ตัดคัปเค้กเพื่อมอบให้กับสื่อมวลชนที่มาร่วมทำข่าวด้วย จากนั้นทั้งคู่ก็ขอเวลาไปเตรียมตัวเพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติที่มาร่วมแสดงความยินดี ที่มีทั้งญาติ เพื่อนสนิทของคู่บ่าวสาว รวมถึงนักการเมืองชื่อดัง อาทิ "อภิรักษ์ โกษะโยธิน" อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ "สุเทพ เทือกสุบรรณ" "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" "พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์" "แซม - ยุรนันท์ ภมรมนตรี" "ปวีณา หงสกุล" มากับอดีตนางงามจักรวาล "อาภัสรา หงสกุล" ครอบครัว "พรเทพ เตชะไพบูลย์" ที่มาพร้อมกับภรรยา "กบ - ปภัสรา เตชะไพบูลย์" และลูกสาว "เหนือ - ดิสรยา เตชะไพบูลย์"
ส่วนคนในวงการบันเทิงก็มากันหลากหลาย เจ้านายเก่าอย่าง "ประวิทย์ มาลีนนท์" "อัมพร มาลีนนท์" "วิทวัส สุนทรเนตร์" และครอบครัว รวมถึงเพื่อนๆ นักแสดงและพิธีกร เช่น "เข็ม - กฤตธีรา อินพรวิจิตร" "นิด - อรพรรณ วัชรพล" "แหม่ม - คัทลียา แมคอินทอช" "เอิ๊ก - พรหมพร ยูวะเวส" "น้ำฝน - วิรุฬกานต์ กฤตบุญญาลัย" "เจมส์ - เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์" ที่มากับ "เอ๊ะ - ศศิกานต์ อภิชาติวรศิลป์" "วุ้นเส้น - วิริฒิพา ภักดีประสงค์" ควงมากับ "ณัฐ เทพหัสดิน ณ อยุธยา" "บ๊อบ - ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์" มาครอบครัว "เปิ้ล - หัทยา วงษ์กระจ่าง" ที่ควงมาลูกสาวฝาแฝด ที่ขาดไม่ได้กับหลานชาย "อชิ - อชิรวัตติ์ มัสยวาณิช" และอดีตน้องเขย "ฟลุค - เกริกพล มัสยวาณิช" ก็มาร่วมแสดงความยินดีด้วยเช่นกัน
ในส่วนของพิธีการก็ได้น้องสาว "โบ - ชญาดา ลิ่วเฉลิมวงศ์" และ "อี้ - แทนคุณ จิตต์อิสร" ร่วมเป็นพิธีกร เริ่มงานด้วยการบอกเล่าเรื่องราวความรักของทั้งคู่ให้แขกผู้เกียรติภายในงานได้ฟังผ่านวีทีอาร์ ก่อนที่คู่บ่าวสาวจะขึ้นมารับคำอวยพรจากประธานในพิธี "บรรหาร ศิลปอาชา" อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย
จากนั้น แบม ก็กล่าวคำขอบคุณประธานในพิธี แขกที่มาร่วมงานพร้อมทั้งเผยความในใจด้วยความซาบซึ้งน้ำตาคลอว่า "ขอบคุณครอบครัวของเจ้าบ่าว จรูญสมิทธิ์ คุณพ่อ คุณแม่ของพี่โบ้ท ที่ได้ให้ความเอ็นดูให้แบมได้มีโอกาสได้เข้าไปเป็นสะใภ้ ได้ใช้สกุลจรูญสมิทธิ์ แบมตั้งใจว่าในการเป็นภรรยาของพี่โบ้ท แบมก็อยากที่จะมีทายาทที่เป็นลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจากคุณพ่อคุณแม่ทั้ง 2 ท่านที่เป็นคนที่มีจิตใจที่ดี ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่ทำให้แบมได้เป็นแบมคนนี้ เป็นคนที่พี่โบ้ทเลือก ขอบคุณน้องๆ ที่เป็นกำลังใจให้พี่แบมมาตลอด สุดท้ายขอขอบคุณเจ้าบ่าว ขอบคุณที่อยู่ตรงนี้และทำให้ความฝันของแบมเป็นความจริงนะคะ"
ทางด้านฝ่ายเจ้าบ่าวก็กล่าวว่า "ขอขอบคุณ คุณแม่ คุณพ่อ น้องๆ ทุกคนของแบมที่เปิดโอกาสให้ผมได้เข้าไปรู้จักเขาแบบธรรมชาติที่สุด ขอขอบคุณมากนะครับที่อนุญาตให้ผมเข้าไปเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัว ขอขอบคุณคุณแม่คุณพ่อของผมเองที่ได้เสียสละเลี้ยงลูกเป็นอย่างมาก ผมหวังว่าผมจะได้เป็นหัวหน้าครอบครัวที่สมบูรณ์แบบที่คุณพ่อคุณแม่ได้เป็น
สุดท้ายต้องขอขอบคุณแบมบี้ที่ให้โอกาสพี่ได้เข้ามา บ่อยครั้งแบมจะบอกว่าผมเป็นคนไม่ค่อยละเอียดอ่อนมากนัก ไม่ค่อยหวาน ผมอยากบอกว่าความรักที่ผมมีให้เขาเป็นความรักขั้นแอดวานซ์ไปแล้ว ไม่เหมือนความรักวัยรุ่น ผมพยายามทำความรักให้มั่นคง แน่นิ่งเหมือนต้นไม้ ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป ค่อยๆ เบ่งบาน ที่สำคัญเมื่อถึงเวลาที่ต้องร่วงโรย ก็อยากจะร่วงโรยด้วยกันอย่างสง่างาม"
และก็มาถึงช่วงสุดท้ายของพิธีในช่วงจุดเทียนชัยมงคลและตัดเค้ก โดยทั้งคู่ได้นำเค้กไปมอบให้กับประธานในงานรวมถึงผู้หลักผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย ก่อนจะปิดท้ายด้วยธรรมเนียมการโยนช่อดอกไม้เพื่อลุ้นหาเจ้าสาวคนถัดไป