แบม และ โบ้ท ควงคู่หวานเข้าพิธีหมั้นตามประเพณีไทย

หลังจากคบหาดูใจกันมาเกือบ 2 ปี อดีตพิธีกรและนักการเมืองสาว "แบม - จณิสตา ลิ่วเฉลิมวงศ์" กับหนุ่มนักธุรกิจ "โบ้ท - บุตรรัตย์ จรูญสมิทธิ์" ได้เข้าพิธีหมั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อช่วงเช้าเวลา 09.29 น. ของวันที่ 26 เมษายน ที่ผ่านมา ณ โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล

รูปแบบของการจัดงานมีขึ้นแบบเรียบง่ายตามประเพณีไทย เป็นงานภายในครอบครัว เฉพาะญาติใกล้ชิดและเพื่อนสนิท ซึ่งฝ่ายสาวแต่งกายด้วยชุดไทยจักรี เป็นผ้าสไบปักทั้งผืน นุ่งผ้ายกสีทองทั้งชุด ฟากฝ่ายชายแต่งกายด้วยผ้าไหมแบบชุดพระราชทานสีครีมทอง ส่วนการแต่งกายของแขกทั้ง 2 ฝ่ายเป็นการสลับสีประจำวันเกิดของคนทั้งคู่ โดยแขกทางฝ่ายหญิงแต่งกายด้วยสีชมพู เนื่องจาก โบ้ท เกิดวันอังคาร ทางแขกของฝ่ายชายก็แต่งกายด้วยสีฟ้า เพราะ แบม เกิดวันศุกร์ สำหรับการตกแต่งสถานที่ก็เน้นสีชมพูเป็นหลัก

ส่วนของพิธีหมั้นก็ได้รับเกียรติจาก "มีชัย ฤชุพันธ์" อดีตประธานรัฐสภามาเป็นประธานในพิธี โดยมี "ดร.สุบิน ปิ่นขยัน" อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เป็นผู้ใหญ่ฝ่ายชาย และ "เชาวน์ สายเชื้อ" อดีตประธานตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้ใหญ่ทางฝ่ายหญิง สำหรับของชำร่วยที่ใช้มอบให้กับแขกที่มาร่วมงานเป็นครีมทามือขนาดพกพา จากนั้นเวลาประมาณ 13.30 น. ว่าที่คู่บ่าวสาวก็จูงมือกันมาต้อนรับสื่อมวลชนพร้อมทั้งเปิดใจให้สัมภาษณ์ถึงช่วงเวลาแห่งความสุขในครั้งนี้

ในส่วนของพิธีการหมั้นในช่วงเช้ามีอะไรบ้าง

แบม "พิธีหมั้นจริงๆ ก็เรียบง่ายตามประเพณี สวมเครื่องประดับให้กับฝ่ายหญิง สวมแหวนหมั้นให้แก่กันและกัน เป็นอันจบพิธีและรับประทานอาหารกลางวันกันอย่างง่ายๆ วันนี้พวกเราก็แต่งกันเป็นสีฟ้า ชมพู เพราะสีฟ้าเป็นสีวันศุกร์วันเกิดแบมเอง สีชมพูเป็นสีวันอังคารวันเกิดพี่โบ้ท เหมือนแลกกันใส่ ฝ่ายหญิงคือเจ้าบ้านให้เกียรติฝ่ายชาย ใส่สีชมพูกันทั้งหมด ฝ่ายชายเองก็มาเยือนก็เลยใส่สีฟ้า ขั้นตอนก็ไม่มีอะไร"

สินสอด

แบม "เราไม่ได้เน้นเรื่องรายละเอียดของสินสอดทองหมั้น ขนาดของแหวนหมั้น ไม่ได้เน้นเรื่องวัตถุ เน้นในเรื่องของการทำอะไรที่ถูกต้องตามธรรมเนียมและประเพณี ซึ่งอันนี้ก็เป็นเรื่องของฝ่ายชายดูว่าอะไรที่เหมาะสมแก่ทั้ง 2 ฝ่ายและเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้เน้นว่าอะไรยังไง ที่พิเศษคงเป็นแหวนหมั้นที่ไปเลือกดูด้วยกัน"

ความประทับใจซึ่งกันและกัน

โบ้ท "สำหรับผมก็คงเป็นในเรื่องของจิตใจนะครับ ประทับใจเขาในเรื่องที่เป็นผู้หญิงที่มีจิตใจงามมาก ไม่ใช่เท่าที่ข้างนอกที่เราเห็นกัน พอรู้จักได้สนิทได้ใกล้ชิดก็จะรู้ถึงความมีน้ำใจของเขา และความเสียสละตรงนี้ที่ผมประทับใจเขา"

แบม "พี่โบ้ทเป็นคนมีความจริงใจมาก เป็นคนที่ตรงมากซะจนไม่น่าเชื่อว่าจะตรงได้ขนาดนี้ เป็นคนที่มีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่เกินกว่าที่เราเห็น พอเราคุยก็เลยรู้สึกว่าสำหรับผู้หญิงความอบอุ่นและความมั่นใจตรงนี้เป็นเรื่องที่สำคัญ ถึงแม้เราจะไปทำงานมีตำแหน่งหน้าที่เป็นผู้นำองค์กร นักการเมือง แต่ว่าสุดท้ายบางครั้งเราก็อยากจะมีใครสักคนที่พอจะเป็นหลักทางความคิดให้กับเราได้เหมือนกัน ซึ่งพี่โบ้ทเขาก็เป็นตรงนั้นได้

สิ่งที่แบมเห็นในตัวเขา เขาเป็นคนที่มีความกตัญญูและรักครอบครัว แบมเห็นสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อคุณพ่อคุณแม่ หรือความเอาใจใส่ญาติพี่น้อง แบมว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะว่าสุดท้ายแล้วพอเราแต่งงานไป เราก็จะเป็นอีกหน่วยนึง ซึ่งถ้าเกิดใครมีพื้นฐานของการรักครอบครัวมาเป็นทุน แบมว่าสุดท้ายเขาก็จะรักครอบครัวของเขาเอง ถ้าแบมเข้าไปเป็นสมาชิกในหน่วยนั้นของเขา แบมก็คิดว่าเขาจะทำให้แบมมีความมั่นใจมากขึ้น

อีกส่วนนึงเขาเป็นคนทำงานเก่ง มีวินัยในชีวิต บางครั้งเราเองก็อาจจะตามใจตัวเองบ้าง แต่พี่โบ้ทเขาจะบอกเราได้ว่าอะไรถูกอะไรผิด อะไรควรไม่ควร เราก็เลยรู้สึกว่าเราต้องการผู้นำแบบนี้ถึงจะนำพาตัวเราแล้วก็อนาคตก็คือลูกของเราไปข้างหน้าได้ แบมไม่ได้มองหาแค่คู่ชีวิตที่จะมาอยู่ด้วย แบมมองหาคนที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัว มาเป็นพ่อของลูก ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้ก็มีในตัวเขาเป็นความลงตัวที่เราทั้งคู่ได้เห็นซึ่งกันและกันค่ะ"

ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเจอเลยไหม

โบ้ท "เจอกันครั้งแรกก็แน่นอนอยู่แล้วครับ เขาเป็นคนที่มีเสน่ห์ เห็นปุ๊บก็ต้องสะดุดตาอยู่แล้ว เราผ่านชีวิตมาช่วงนึงก็คงไม่ใช่แค่นั้น ก็ค้นพบจิตใจซึ่งกันและกัน สำหรับผมเองเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด ต้องมีครบทุกอย่างให้สมดุลย์กัน พอดีเขาเป็นคนที่มีส่วนนั้นเยอะมากเลย ผมก็โชคดีที่ได้มาเจอ"

เจอกันครั้งแรกที่ไหน

โบ้ท "วันนั้นต่างคนต่างออกไปเที่ยว ไปเจอกันข้างนอกไปนั่งทานข้าวแถวหลังสวน จริงๆ แล้วเราเรียนมาด้วยแต่ว่าไม่ทันกัน พอดีเพื่อนของแบมรู้จักกับผม เขาก็ดึงไปแนะนำ เราก็รู้จักเขาอยู่แล้วว่าเขาเป็นใครแต่ว่าไม่เคยได้คุย พอคุยหลังจากนั้นก็สานสัมพันธ์ต่อเนื่อง ผมก็อายุเยอะแล้วก็บอกเขาตรงๆ เลย คุยทำความรู้จักกับที่บ้าน เพราะเราต่างคนก็อายุเยอะ ไม่ได้มีขั้นตอนอะไรที่แปลกๆ ครับ"

วางแผนการใช้ชีวิตหลังแต่งงานไว้ว่ายังไง

โบ้ท "โดยส่วนตัวผมก็อยากให้เขาเป็นแม่บ้าน ถ้าเกิดอยากทำธุรกิจด้วยก็โอเค เขาเป็นคนมีความสามารถ เพราะฉะนั้นวันๆ นึงเขาจะต้องมีอะไรทำ ได้ใช้ความคิด ความสามารถของตัวเอง ส่วนเรื่องการเมืองอันนี้เราพักไว้ก่อนดีกว่า เพราะเมืองไทยเปลี่ยนไปเยอะ วันนี้เราเพิ่งจะเริ่มต้นครอบครัวก็เอาอะไรที่เป็นแก่นของชีวิตดีกว่า"

ฝ่ายชายเป็นคนโรแมนติกไหม

แบม "แบมว่าความโรแมนติกแต่ละคนก็จะมีเอกลักษณ์ของตัวเอง เขาก็จะมีความโรแมนติก ความหวานในรูปแบบของเขา ก็มีโมเมนต์ที่ทำให้แบมรู้สึกว่าแบบนี้โรแมนติกในความรู้สึกของเราค่ะ"

บรรยากาศวันขอแต่งงาน

แบม "วันที่ขอแต่งงานก็เรียบมากเลย (หัวเราะ) จริงๆ เราคบกันมาก็คุยเรื่องครอบครัวกันมาเรื่อยๆ อยู่แล้ว ใจเรารู้ซึ่งกันและกันว่าเราคงอยู่ด้วยกัน แต่เราไม่เอ่ยขึ้นมาว่าเราจะแต่งงานอะไรยังไงเมื่อไร จนวันนึงไปดูคอนโดที่เขาแต่งเอาไว้ เขาก็บอกว่าให้แบมมาช่วยแต่งจะได้ดูว่าอยากจะอยู่ที่นี่ไหม อยากอยู่ด้วยกันไหม แล้วเขาก็ถามว่าจะอยู่กับเขาไหมล่ะ ก็บอกว่าโอเคค่ะ ตอบเลยตกลง"

โบ้ท "จริงๆ ผมคิดตั้งแต่แรก คุยกับเขาตั้งแต่แรก ผมก็บอกเขาเลยว่าผมมาแนวนี้ ไม่ได้มาเป็นพี่เป็นเพื่อน ก็คุยกับเขาเลยว่าผมมีแนวคิดอย่างนี้ คือผมจะทำอะไรผมทำจริง ไม่ได้ไปซื้อคอนโดทิ้งไว้เฉยๆ ผมก็คิดเอาไว้ถ้าเกิดเจอใครที่คิดว่าใช่ เราจะต้องรอทำไม วิธีพูดของผมอาจจะเป็นการแสดงการกระทำเลย ผมก็เลยซื้อคอนโดแล้วพาเขาไปดู คุยกับเขาว่าสมมติเรามีครอบครัวเราจะอยู่ยังไง"

ท่าน บรรหาร ศิลปอาชา ได้ให้คำอวยพรอะไรมาบ้าง

แบม "เราได้ไปกราบเรียนเชิญท่านด้วยกัน ท่านหัวหน้าพรรคก็ดีใจด้วยที่ลงเอย มีวันที่จะได้เห็นแบมมีความสุข แล้วก็ได้แนะนำพี่โบ้ท ได้เจอพี่โบ้ท ก็ให้โอวาทมานิดๆ หน่อยๆ ท่านบอกก็ดีแล้ว เรื่องการแต่งงานการเลือกคู่ที่ดีเป็นเรื่องสำคัญในชีวิต ไม่ต้องรอถ้าเกิดว่าเราถูกใจกันแล้วก็แต่งซะเลย ท่านก็น่ารักมากค่ะ"

กำหนดการแต่งงาน

แบม "จริงๆ แล้วเดิมทีวางไว้เดือนหน้า ตอนนี้คงต้องรอไปสัก 2-3 เดือน เพราะทางผู้ใหญ่บอกให้รอดูสักหน่อยนึงค่ะ คงต้องรอกำหนดของทางผู้ใหญ่ที่ได้หารือซึ่งกันและกันทั้ง 2 ฝ่ายด้วย"