พูดคุยกับ ซิลเวสเตอร์ ถึงการทำงาน John Rambo ในไทย
หลังจากห่างหายไปนานถึง 18 ปีจากภาคก่อน ตอนนี้ก็ได้เวลาสำหรับทหารยอดนักบู๊อย่าง จอห์น แรมโบ้ ที่รับบทโดย "ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน" จะกลับมาอีกครั้งในภาคล่าสุด "John Rambo" หรือ "Rambo IV" อันเป็นภาคที่ 4 แล้ว โดยภาคนี้เขายังนั่งแท่นผู้กำกับเองอีกด้วย อีกทั้งเรื่องนี้ยังได้ยกกองมาถ่ายทำถึงประเทศไทย ดังนั้นการสัมภาษณ์พิเศษแบบคำต่อคำกับ ซิลเวสเตอร์ จึงเกิดขึ้น
ช่วยเล่าบทโดยคร่าวๆ ให้ฟังหน่อย
"หลังจากที่เมื่อ 18 ปีก่อน แรมโบ้ภาค 3 ได้เดินหายไปในป่าแห่งหนึ่งในประเทศไทย และมีคนพบว่าแรมโบ้ใช้ชีวิตอย่างสมถะเรียบง่าย เป็นคนจับงูหาเลี้ยงชีพอยู่ที่ภาคเหนือของประเทศไทย เรื่องราวการผจญภัยและต่อสู้ของแรมโบ้จะเกิดขึ้นจากตรงนี้ เมื่อประมาณ 1 ปี ครึ่งที่ผ่านมา ซึ่งผมกำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่อง Rocky Balboa ผมมีความรู้สึกอยากที่จะทำหนังแอ็กชั่นดีๆ ที่มาจากปัญหาจริงๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งปัญหาของประเทศพม่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจครับ"
ทำไมถึงเลือกเมืองไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ
"จริง ๆ แล้วผมมีความตั้งใจที่อยากจะเข้ามาถ่ายทำแรมโบ้ 2 ในเมืองไทยอยู่แล้ว แต่ในที่สุดแรมโบ้ 2 ก็ได้ไปถ่ายทำในประเทศเม็กซิโก เพราะด้วยเหตุผลบางประการ มาครั้งนี้ John Rambo เนื้อเรื่องมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศพม่าและบทก็มีความเกี่ยวข้องกับเมืองไทยอยู่บ้าง ประกอบกับสถานที่ประเทศไทยมีความหลากหลายทั้งในเรื่องเชิงวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญที่มีอยู่มาก ประเทศไทยจึงเป็นสถานที่ที่เพอร์เฟ็กต์มากในการเข้ามาครั้งนี้"
ได้ทำการหาข้อมูลเกี่ยวกับพม่าเยอะไหม
"ผมทำรีเซิร์ชมาเยอะมาก ทั้งพูดคุยกับนักการเมืองที่อเมริกา องค์การสหประชาชาติและคนพม่าอพยพ ยิ่งสืบค้นไปมาก เรื่องราวของพม่าก็เหมือนหนังประเภทสยองขวัญ เป็นเรื่องราวที่โหดร้ายมาก แต่คนทั่วโลกรู้จักแต่ปัญหาของ อิรัก ซัดดัม, โซมาเรีย ผู้คนไม่รู้เลยว่าในพม่าถือว่าเป็นสงครามกลางเมืองที่ยาวนานที่สุดในโลก"
เป็นสิ่งที่คุณสนใจเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า
"เป็นสิ่งที่ผมสนใจเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว พม่าเป็นประเทศที่แปลกประหลาดและไม่ธรรมดามาก เค้าไม่สนใจอะไรเลย พม่าเป็นประเทศที่มีประเทศที่ร่ำรวยหนุนหลังอยู่ ผมต้องการตีแผ่เรื่องราวเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ชมพร้อมไปกับให้ความสนุกสนานกับฉากแอ็กชั่นมันๆ"
ทำไมระยะห่างระหว่าง Rambo 3 ถึงภาคล่าสุดถึงห่างกันนานมาก
"ผมรู้ว่ามันนานมาก หลังจากจบ Rambo 3 ซึ่งเป็นการทำงานที่ยากมากแล้วผมมีปัญหาทางด้านการเมือง นอกจากนั้นเค้ายังกล่าวหาว่าผมใช้ยาเสพติด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผมรู้สึกท้อแท้และผิดหวังเช่นเดียวกับ Rocky 5 ซึ่งผมไม่ได้คิดว่าจะได้ทำมัน ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้โลกเปลี่ยนไปมากมาย ผมประหลาดใจมากที่คนอยากที่จะนำบทบาทนี้กลับมาทำใหม่ ในช่วงหลังๆ ส่วนมากคนหันไปนิยมแฟนตาซี อย่าง Spider-Man, Fantastic 4, The Hulk แต่อย่างไรก็ตามหนังอย่าง Rambo ก็มีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นเฉพาะและน่าจดจำได้อย่างยาวนาน เพียงแต่ภาคนี้ผมได้ใส่เนื้อหาของความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในโลกนี้ลงไป"
หลังจากภาคนี้แล้วจะยังมี Rambo 5 อีกหรือไม่
"ไม่มีแล้วครับ เพราะผมมองโลกในอนาคตจะไม่มีสงคราม ทุกคนต้องการความสงบสุข"
จากภาคที่แล้วถึงภาคนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง
"แน่นอนครับ ตัวแรมโบ้ในภาคนี้เริ่มไม่ค่อยมีความเชื่อถือในคนอื่น มีความแข็งแกร่งและเข็มแข็ง บ้าบิ่น มีความโกรธแค้นมากแตกต่างจากแรมโบ้ภาคอื่นๆ ที่เค้ามีความสุขุม เงียบขรึม ไม่ค่อยพูด ดังนั้น John Rambo ในภาคนี้ จึงเป็นภาคที่มันและดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา"
ภาคนี้มีความยากกว่าภาคที่แล้วอย่างไร
"เป็นหนังที่ยากที่สุดในชีวิตผม ผู้ชมในยุคนี้ก็แตกต่างจาก 20 ปีที่แล้ว มีความซับซ้อนในความต้องการรับชม ผู้ชมต้องการความสมจริงมากขึ้น มีความลุ่มลึกในเนื้อหา ดังนั้นหนังเรื่องนี้มีความสมจริงสมจังและยิ่งใหญ่ อลังการมาก ในหนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของการแอ็กชั่นผจญภัยของแรมโบ้"
คาดการณ์ว่าภาคนี้กลุ่มเป้าหมายจะมีการเปลี่ยนไปหรือไม่
"แน่นอนกลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนไป ก่อนที่ผมจะสร้างหนังเรื่องนี้ผมมองว่าตอนนี้เป็นตลาดของวัยรุ่นที่จะไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ คนกลุ่มนี้อาจจะเคยดู Rambo ในรูปแบบวีซีดีและดีวีดี แต่สำหรับ John Rambo กลุ่มเป้าหมายจะกว้างมากไม่ว่าจะเป็นเด็กวัยรุ่น ผู้ใหญ่หรือคนที่ไม่เคยดู Rambo มาก่อนรวมไปถึงแฟนๆ Rambo ก็จะกลับมาดูอีกแน่นอน"
คุณคาดหวังกับผลของภาคนี้อย่างไร
"คิดว่าหนังเรื่องนี้คงจะได้รับการตอบรับจากคนไทยอย่างดีมาก เพราะว่าไม่ว่าจะสถานที่ถ่ายทำที่ใช้ในประเทศไทย ทีมงานคนไทย และดาราคนไทยหลายๆ คนก็มาแสดงในเรื่องนี้ นอกจากนั้นยังใช้คนพม่าจริงๆ มาเล่นในบทที่มีความสำคัญ ซึ่งยากมากที่จะมีโอกาสได้ร่วมงานแบบนี้"
คุณคิดอย่างไรกับประเทศไทย
"ผมรักเมืองไทย และความเป็นคนไทย นอกจากนี้ทีมงานที่ทำงานร่วมกับผมยังเป็นบุคลากรที่มีความสามารถมาก ผมคิดว่าวงการภาพยนตร์ในประเทศไทยมีความแข็งแกร่งไม่แพ้ฮ่องกงเลยทีเดียว"
ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้งบประมาณในการถ่ายทำเท่าไหร่
"ในการถ่ายทำใช้งบประมาณ 50 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่หากรวมกับงบประมาณในการทำโพสต์โปรดักชั่น และการตลาดแล้วคาดว่าจะใช้ถึง 100 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท"
ในเรื่องนี้คุณทั้งเล่นเองและกำกับเองด้วย เป็นอย่างไรบ้าง
"ตอนแรกที่รับปากว่าจะกำกับ ผมไม่คิดว่าจะยากมากนัก แต่เมื่อมากำกับแล้ว ผมคิดว่าเป็นอะไรที่ยากที่สุดในชีวิตผมเลยทีเดียว เป็นงานที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา แต่คุ้มค่ามากที่ได้มาทำ แต่การที่ผมได้มากำกับเองทำให้ผมได้บอกเรื่องราวในมุมมองของผมและผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี และไม่คิดว่าคนอื่นจะทำได้ในรูปแบบอย่างที่ผมทำ เป็นงานที่หินมาก และสามารถทำให้มุมกล้องถ่ายทอดออกไปเป็นมุมมองของ Rambo อย่างแท้จริง"
ร่วมงานกับ ต๊อก - ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ เป็นอย่างไรบ้าง
"เค้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก เค้าเล่นได้ยอดเยี่ยมจริงๆ เค้าหล่อดูดีและมีบุคลิกที่ดีมาก ในตอนแรกผมไม่ได้คาดหวังไว้อย่างนี้เลย เค้าไวมาก ยิ่งในฉากแอ็กชั่นก็เหมือนแมวเลยทีเดียว ผมเลยเพิ่มเติมบทแอ็กชั่นให้กับเค้า เค้าเปรียบเสมือนแรมโบ้ภาคภาษาไทยคนหนึ่ง และผมคิดว่าเค้าจะมีอนาคตที่ไกล"
หลังจากเรื่องนี้แล้วคุณมีแผนงานอะไรบ้าง
"ผมมีแผนที่จะทำหนัง เป็นหนังที่เกี่ยวกับอดีตนักแข่งรถมอเตอร์ไซด์ ที่มีน้องชายที่ร่ำรวยมาก และมาวันหนึ่งได้เจอกับปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดจึงได้กลับมาหาอดีตนักแข่งรถคนหนึ่ง ณ เวลานั้นเค้าไม่ได้แข่งรถมานานกว่า 20 ปี เป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ซึ่งยากมากในการที่จะกลับมาคุยกันได้เหมือนเดิม เป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจอันหนึ่ง ซึ่งผมจะต้องเล่นและกำกับเองด้วย จริงๆ แล้วสตูดิโอที่ฮอลลีวูดอยากจะให้ผมได้สร้างหนังอีกสัก 2-3 เรื่อง ซึ่งผมก็เห็นดีด้วยและหลังจากนั้นผมคงเกษียณแล้ว"