1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

พูดคุยกับ ซิลเวสเตอร์ ถึงการทำงาน John Rambo ในไทย

พูดคุยกับ ซิลเวสเตอร์ ถึงการทำงาน John Rambo ในไทย

หลังจากห่างหายไปนานถึง 18 ปีจากภาคก่อน ตอนนี้ก็ได้เวลาสำหรับทหารยอดนักบู๊อย่าง จอห์น แรมโบ้ ที่รับบทโดย "ซิลเวสเตอร์ สตอลโลน" จะกลับมาอีกครั้งในภาคล่าสุด "John Rambo" หรือ "Rambo IV" อันเป็นภาคที่ 4 แล้ว โดยภาคนี้เขายังนั่งแท่นผู้กำกับเองอีกด้วย อีกทั้งเรื่องนี้ยังได้ยกกองมาถ่ายทำถึงประเทศไทย ดังนั้นการสัมภาษณ์พิเศษแบบคำต่อคำกับ ซิลเวสเตอร์ จึงเกิดขึ้น

ช่วยเล่าบทโดยคร่าวๆ ให้ฟังหน่อย

"หลังจากที่เมื่อ 18 ปีก่อน แรมโบ้ภาค 3 ได้เดินหายไปในป่าแห่งหนึ่งในประเทศไทย และมีคนพบว่าแรมโบ้ใช้ชีวิตอย่างสมถะเรียบง่าย เป็นคนจับงูหาเลี้ยงชีพอยู่ที่ภาคเหนือของประเทศไทย เรื่องราวการผจญภัยและต่อสู้ของแรมโบ้จะเกิดขึ้นจากตรงนี้ เมื่อประมาณ 1 ปี ครึ่งที่ผ่านมา ซึ่งผมกำลังอยู่ระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่อง Rocky Balboa ผมมีความรู้สึกอยากที่จะทำหนังแอ็กชั่นดีๆ ที่มาจากปัญหาจริงๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งปัญหาของประเทศพม่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจครับ"

ทำไมถึงเลือกเมืองไทยเป็นสถานที่ถ่ายทำ

"จริง ๆ แล้วผมมีความตั้งใจที่อยากจะเข้ามาถ่ายทำแรมโบ้ 2 ในเมืองไทยอยู่แล้ว แต่ในที่สุดแรมโบ้ 2 ก็ได้ไปถ่ายทำในประเทศเม็กซิโก เพราะด้วยเหตุผลบางประการ มาครั้งนี้ John Rambo เนื้อเรื่องมีส่วนเกี่ยวข้องกับประเทศพม่าและบทก็มีความเกี่ยวข้องกับเมืองไทยอยู่บ้าง ประกอบกับสถานที่ประเทศไทยมีความหลากหลายทั้งในเรื่องเชิงวัฒนธรรมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงบุคลากร ผู้เชี่ยวชาญที่มีอยู่มาก ประเทศไทยจึงเป็นสถานที่ที่เพอร์เฟ็กต์มากในการเข้ามาครั้งนี้"

ได้ทำการหาข้อมูลเกี่ยวกับพม่าเยอะไหม

"ผมทำรีเซิร์ชมาเยอะมาก ทั้งพูดคุยกับนักการเมืองที่อเมริกา องค์การสหประชาชาติและคนพม่าอพยพ ยิ่งสืบค้นไปมาก เรื่องราวของพม่าก็เหมือนหนังประเภทสยองขวัญ เป็นเรื่องราวที่โหดร้ายมาก แต่คนทั่วโลกรู้จักแต่ปัญหาของ อิรัก ซัดดัม, โซมาเรีย ผู้คนไม่รู้เลยว่าในพม่าถือว่าเป็นสงครามกลางเมืองที่ยาวนานที่สุดในโลก"

เป็นสิ่งที่คุณสนใจเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า

"เป็นสิ่งที่ผมสนใจเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว พม่าเป็นประเทศที่แปลกประหลาดและไม่ธรรมดามาก เค้าไม่สนใจอะไรเลย พม่าเป็นประเทศที่มีประเทศที่ร่ำรวยหนุนหลังอยู่ ผมต้องการตีแผ่เรื่องราวเพื่อให้ความรู้แก่ผู้ชมพร้อมไปกับให้ความสนุกสนานกับฉากแอ็กชั่นมันๆ"

ทำไมระยะห่างระหว่าง Rambo 3 ถึงภาคล่าสุดถึงห่างกันนานมาก

"ผมรู้ว่ามันนานมาก หลังจากจบ Rambo 3 ซึ่งเป็นการทำงานที่ยากมากแล้วผมมีปัญหาทางด้านการเมือง นอกจากนั้นเค้ายังกล่าวหาว่าผมใช้ยาเสพติด ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ผมรู้สึกท้อแท้และผิดหวังเช่นเดียวกับ Rocky 5 ซึ่งผมไม่ได้คิดว่าจะได้ทำมัน ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมานี้โลกเปลี่ยนไปมากมาย ผมประหลาดใจมากที่คนอยากที่จะนำบทบาทนี้กลับมาทำใหม่ ในช่วงหลังๆ ส่วนมากคนหันไปนิยมแฟนตาซี อย่าง Spider-Man, Fantastic 4, The Hulk แต่อย่างไรก็ตามหนังอย่าง Rambo ก็มีคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นเฉพาะและน่าจดจำได้อย่างยาวนาน เพียงแต่ภาคนี้ผมได้ใส่เนื้อหาของความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในโลกนี้ลงไป"

หลังจากภาคนี้แล้วจะยังมี Rambo 5 อีกหรือไม่

"ไม่มีแล้วครับ เพราะผมมองโลกในอนาคตจะไม่มีสงคราม ทุกคนต้องการความสงบสุข"

จากภาคที่แล้วถึงภาคนี้มีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้าง

"แน่นอนครับ ตัวแรมโบ้ในภาคนี้เริ่มไม่ค่อยมีความเชื่อถือในคนอื่น มีความแข็งแกร่งและเข็มแข็ง บ้าบิ่น มีความโกรธแค้นมากแตกต่างจากแรมโบ้ภาคอื่นๆ ที่เค้ามีความสุขุม เงียบขรึม ไม่ค่อยพูด ดังนั้น John Rambo ในภาคนี้ จึงเป็นภาคที่มันและดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา"

ภาคนี้มีความยากกว่าภาคที่แล้วอย่างไร

"เป็นหนังที่ยากที่สุดในชีวิตผม ผู้ชมในยุคนี้ก็แตกต่างจาก 20 ปีที่แล้ว มีความซับซ้อนในความต้องการรับชม ผู้ชมต้องการความสมจริงมากขึ้น มีความลุ่มลึกในเนื้อหา ดังนั้นหนังเรื่องนี้มีความสมจริงสมจังและยิ่งใหญ่ อลังการมาก ในหนังเรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของการแอ็กชั่นผจญภัยของแรมโบ้"

คาดการณ์ว่าภาคนี้กลุ่มเป้าหมายจะมีการเปลี่ยนไปหรือไม่

"แน่นอนกลุ่มเป้าหมายเปลี่ยนไป ก่อนที่ผมจะสร้างหนังเรื่องนี้ผมมองว่าตอนนี้เป็นตลาดของวัยรุ่นที่จะไปดูหนังในโรงภาพยนตร์ คนกลุ่มนี้อาจจะเคยดู Rambo ในรูปแบบวีซีดีและดีวีดี แต่สำหรับ John Rambo กลุ่มเป้าหมายจะกว้างมากไม่ว่าจะเป็นเด็กวัยรุ่น ผู้ใหญ่หรือคนที่ไม่เคยดู Rambo มาก่อนรวมไปถึงแฟนๆ Rambo ก็จะกลับมาดูอีกแน่นอน"

คุณคาดหวังกับผลของภาคนี้อย่างไร

"คิดว่าหนังเรื่องนี้คงจะได้รับการตอบรับจากคนไทยอย่างดีมาก เพราะว่าไม่ว่าจะสถานที่ถ่ายทำที่ใช้ในประเทศไทย ทีมงานคนไทย และดาราคนไทยหลายๆ คนก็มาแสดงในเรื่องนี้ นอกจากนั้นยังใช้คนพม่าจริงๆ มาเล่นในบทที่มีความสำคัญ ซึ่งยากมากที่จะมีโอกาสได้ร่วมงานแบบนี้"

คุณคิดอย่างไรกับประเทศไทย

"ผมรักเมืองไทย และความเป็นคนไทย นอกจากนี้ทีมงานที่ทำงานร่วมกับผมยังเป็นบุคลากรที่มีความสามารถมาก ผมคิดว่าวงการภาพยนตร์ในประเทศไทยมีความแข็งแกร่งไม่แพ้ฮ่องกงเลยทีเดียว"

ภาพยนตร์เรื่องนี้ใช้งบประมาณในการถ่ายทำเท่าไหร่

"ในการถ่ายทำใช้งบประมาณ 50 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่หากรวมกับงบประมาณในการทำโพสต์โปรดักชั่น และการตลาดแล้วคาดว่าจะใช้ถึง 100 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 4,000 ล้านบาท"

ในเรื่องนี้คุณทั้งเล่นเองและกำกับเองด้วย เป็นอย่างไรบ้าง

"ตอนแรกที่รับปากว่าจะกำกับ ผมไม่คิดว่าจะยากมากนัก แต่เมื่อมากำกับแล้ว ผมคิดว่าเป็นอะไรที่ยากที่สุดในชีวิตผมเลยทีเดียว เป็นงานที่เหนื่อยที่สุดในชีวิตที่ผ่านมา แต่คุ้มค่ามากที่ได้มาทำ แต่การที่ผมได้มากำกับเองทำให้ผมได้บอกเรื่องราวในมุมมองของผมและผมคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี และไม่คิดว่าคนอื่นจะทำได้ในรูปแบบอย่างที่ผมทำ เป็นงานที่หินมาก และสามารถทำให้มุมกล้องถ่ายทอดออกไปเป็นมุมมองของ Rambo อย่างแท้จริง"

ร่วมงานกับ ต๊อก - ศุภกรณ์ กิจสุวรรณ เป็นอย่างไรบ้าง

"เค้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก เค้าเล่นได้ยอดเยี่ยมจริงๆ เค้าหล่อดูดีและมีบุคลิกที่ดีมาก ในตอนแรกผมไม่ได้คาดหวังไว้อย่างนี้เลย เค้าไวมาก ยิ่งในฉากแอ็กชั่นก็เหมือนแมวเลยทีเดียว ผมเลยเพิ่มเติมบทแอ็กชั่นให้กับเค้า เค้าเปรียบเสมือนแรมโบ้ภาคภาษาไทยคนหนึ่ง และผมคิดว่าเค้าจะมีอนาคตที่ไกล"

หลังจากเรื่องนี้แล้วคุณมีแผนงานอะไรบ้าง

"ผมมีแผนที่จะทำหนัง เป็นหนังที่เกี่ยวกับอดีตนักแข่งรถมอเตอร์ไซด์ ที่มีน้องชายที่ร่ำรวยมาก และมาวันหนึ่งได้เจอกับปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดจึงได้กลับมาหาอดีตนักแข่งรถคนหนึ่ง ณ เวลานั้นเค้าไม่ได้แข่งรถมานานกว่า 20 ปี เป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว ซึ่งยากมากในการที่จะกลับมาคุยกันได้เหมือนเดิม เป็นโปรเจกต์ที่น่าสนใจอันหนึ่ง ซึ่งผมจะต้องเล่นและกำกับเองด้วย จริงๆ แล้วสตูดิโอที่ฮอลลีวูดอยากจะให้ผมได้สร้างหนังอีกสัก 2-3 เรื่อง ซึ่งผมก็เห็นดีด้วยและหลังจากนั้นผมคงเกษียณแล้ว"

ความคิดเห็น

ภาพยนตร์ที่เกี่ยวข้อง

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • Badlapur - เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แนวตลกเรื่องแรกที่ วรุณ ธาวาน ผู้รับบท รักฮาฟ แสดง อ่านต่อ»
  • Chappie - ชาร์ลโต คอปลีย์ ผู้รับบท แชปปี้ กับผู้กำกับ นีลล์ บลอมแคมป์ เรียนโรงเรียนเดียวกันสมัยมัธยมศึกษา ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ชาร์ลโต จึงร่วมแสดงในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ นีลล์ กำกับก่อนหน้านี้ ได้แก่ District 9 (2009) และ Elysium (2013) อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เรื่องราวชีวประวัติของ เฮเลน เรดดี (ทิลดา คอปแฮม-ฮาร์วีย์) นักร้องนักแต่งเพลงหญิงที่ขับเคลื่อนพลังสตรีนิยมในช่วง 1970 อ...อ่านต่อ»