เบิกฤกษ์ฉาย ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทั้ง 2 ภาค
ฉีกแนวสร้างประวัติศาสตร์วงการภาพยนตร์ไทยอีกครั้งด้วยการฉายทั้ง 2 ภาคพร้อมกัน และจำหน่ายบัตรราคาพิเศษทุกที่นั่ง ประกาศความยิ่งใหญ่แห่งอิสรภาพให้สะใจผู้ชม เบิกฤกษ์ลงโรงในวันกองทัพไทย ที่รัฐบาลประกาศเปลี่ยนแปลงให้ตรงตามความเป็นจริง
"ท่านมุ้ย" หรือ "ม.จ. ชาตรีเฉลิม ยุคล" ผู้กำกับภาพยนตร์ "ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช" เปิดเผยว่า ได้เลื่อนกำหนดฉายภาพยนตร์แห่งอิสรภาพเรื่องนี้พร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศ จากเดิม 21 ธันวาคม พ.ศ. 2549 ไปเป็นวันกองทัพไทย 18 มกราคม พ.ศ. 2550 โดยจัดทำเป็น 2 ภาค ความยาวภาคละประมาณ 2 ชั่วโมง 10 นาที และฉายทั้ง 2 ภาคนี้ไปพร้อมๆ กัน
ภาคแรกเริ่มตั้งแต่สงครามช้างเผือก ปี พ.ศ. 2107 ที่พระองค์ดำ (สมเด็จพระนเรศวรมหาราช) ซึ่งมีพระชันษาเพียง 9 พรรษา ต้องเสด็จไปประทับยังหงสาวดีในฐานะองค์ประกัน โดยพระเจ้าหงสาวดีบุเรงนองทรงรับเป็นโอรสบุญธรรม และจบภาคแรกในช่วงที่ทรงหนีกลับอยุธยา ซึ่งผู้ชมจะได้เรียนรู้เกร็ดประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจในช่วงทรงพระเยาว์และทรงใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนพม่า ทรงพระผนวชเป็นสามเณรอยู่ในสำนักของพระมหาเถรคันฉ่อง ที่ได้ถวายความรู้แด่พระองค์ดำจนทรงเจนจบทั้งด้านศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ และยุทธศาสตร์การรบตามตำราพิชัยสงคราม
ส่วนภาค 2 เป็นช่วงที่ทรงเจริญพระชันษา กลับไปประทับยังหงสาวดีอีกครั้งหนึ่ง ทรงผ่านเหตุการณ์สำคัญมากมาย และทรงมีชัยชนะในศึกสงครามต่างๆ ด้วยพระอัจฉริยภาพในการรบที่ล้ำเลิศ ภาคนี้จบลงที่การประกาศอิสรภาพอันทำให้ดำรงเอกราชและความเป็นไทที่เราภาคภูมิใจตราบจนทุกวันนี้
"ตลอดพระชนม์ชีพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีเรื่องราวต่างๆ ที่สำคัญและน่าสนใจมากมาย ทรงเปี่ยมไปด้วยความเสียสละ กล้าหาญเด็ดเดี่ยว อดทน และทรงมุ่งมั่นที่จะกอบกู้เอกราชตั้งแต่ทรงพระเยาว์ ความคับแค้นพระทัยในการอยู่ท่ามกลางศัตรู เราอยากถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้คนไทยทุกคนได้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน ตระหนักถึงความยิ่งใหญ่ของคำว่า อิสรภาพ ที่ทำให้เรามีศักดิ์ศรีอย่างเต็มภาคภูมิ
เรื่องราวเหล่านี้หากสร้างให้จบในภาคเดียวคงไม่ประทับใจ จึงแบ่งเป็น 2 ภาคที่มีครบรส มีความสำคัญและความน่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันเลย แล้วก็นำออกฉายพร้อมกันทั้ง 2 ภาค ใครอยากดูภาคไหนก็เลือกได้ หรือจะดูทั้ง 2 ภาคแบบต่อเนื่องก็ได้ทันทีในช่วงเดียวกันนี้เลย ไม่ต้องรอ" ท่านมุ้ย กล่าว
สำหรับกำหนดการเข้าฉายพร้อมกันทุกโรงภาพยนตร์ทั่วประเทศที่เลื่อนไปเป็นวันที่ 18 มกราคม ปีหน้านั้น เนื่องจากต้องการให้มีความหมายที่สำคัญต่อภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติเรื่องนี้ โดยถือเป็นการฉายเบิกฤกษ์วันกองทัพไทยที่เปลี่ยนแปลงจากเดิม 25 มกราคม ให้เป็นวันที่ 18 มกราคมของทุกปี โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นไป ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่ผ่านมา
โดยได้มีการกำหนดให้วันที่ 18 มกราคมของทุกปีเป็นวันยุทธหัตถี ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงมีชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา เพื่อให้เป็นไปตามหลักฐานที่คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติเสนอ จากวันทางจันทรคติ (ข้างขึ้นข้างแรม) ตามที่ระบุในพงศาวดาร คือวันจันทร์ เดือนยี่ แรม 2 ค่ำ ปีมะโรง จ.ศ. 954 ให้เป็นวันทางสุริยคติ (กำหนดวันที่ตายตัว) อย่างถูกต้องตามความเป็นจริง ที่คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทยและราชบัณฑิตได้คำนวณและตรวจสอบ
นอกจากนี้ยังเตรียมการจำหน่ายบัตรเข้าชมภาพยนตร์ในราคาพิเศษ ทุกที่นั่ง ทุกโรง ทั่วประเทศ เพื่อให้ทุกคนได้ชมภาพยนตร์แห่งอิสรภาพเรื่องนี้อย่างเต็มอิ่ม และร่วมสร้างจิตสำนึกในความรักชาติ รักแผ่นดินไทย มีความสามัคคีปรองดอง และพร้อมที่จะตอบแทนคุณของแผ่นดินไทยด้วยความกตัญญู