1. สยามโซน
  2. ภาพยนตร์
  3. ข่าววงการภาพยนตร์

เด็กหอ ภาพยนตร์ผีฉีกแนวของหนึ่งในผู้กำกับ แฟนฉัน

เด็กหอ ภาพยนตร์ผีฉีกแนวของหนึ่งในผู้กำกับ แฟนฉัน

เปิดให้สัมภาษณ์ทั้งผู้กำกับและนักแสดงสำหรับภาพยนตร์เรื่องใหม่ "เด็กหอ" ของ ผู้กำกับ "ย้ง - ทรงยศ สุขมากอนันต์" หนึ่งในผู้กำกับภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในการกำกับคนเดียวของเขา โดยก่อนหน้านี้ เอส - คมกฤษ ตรีวิมล ผู้กำกับอีกคนของ แฟนฉัน ได้ทำให้ภาพยนตร์เรื่อง เพื่อนสนิท กลายเป็นภาพยนตร์รักโรแมนติกที่ทำเงินมากที่สุดมาแล้ว ครั้งนี้ถึงคราวของ เด็กหอ ภาพยนตร์คนละแนวกับ แฟนฉัน อย่างสิ้นเชิง เพราะเขาบอกว่ามัน คือ ภาพยนตร์ผี

เห็นงานที่เสร็จแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง

"พอใจมากรู้สึกดีกับมันมาก คือมันใช่ 100 เปอร์เซ็นต์"

เรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำนานไหม

"จริงๆ แล้วเราถ่ายทำกันที่โรงเรียน ทำให้เราต้องรอช่วงเด็กปิดเทอมกันถึงจะถ่ายกันได้ พอช่วงปิดเทอมใหญ่ถ่ายได้ไม่ครบก็ต้องรอไปช่วงปิดเทอมเล็ก ก็เลยมีช่วงเว้นตอนเปิดเทอม ปิดเทอมใหญ่ 3 เดือน ปิดเทอมเล็ก 1 เป็น 4 เดือน และช่วงเปิดเรียนอีก ก็เลยดูว่า เด็กหอ ใช้เวลาถ่ายกันนานเกือบครึ่งปี"

ทำไมถึงคิดทำภาพยนตร์แนวนี้

"เพราะเป็นคนที่ชอบดูหนังผีหนังลึกลับมาก ก็เลยคิดทำและบวกกับเรามีประสบการณ์ของการอยู่หออยู่โรงเรียนประจำที่มีรุ่นพี่เล่าเรื่องผีในโรงเรียนให้ฟัง ก็เลยน่าสนใจ แล้วเราก็มีประเด็นมีเรื่องที่อยากจะบอกกับคนดู ซึ่งเราก็จับเอามารวมๆ กันแต่งบ้างประสบการณ์บ้างก็เลยได้เรื่องนี้"

ทำไมถึงวางตัวครูปราณีเป็น แหม่ม - จินตหรา สุขพัฒน์

"เริ่มจากผมอยากได้พี่แหม่มมาเล่นหนังของผม เพราะพี่แหม่มคือดาราในดวงใจ และจริงๆ ตอนที่เป็นเรื่องนี้ก็ยังไม่มีบทของครูปราณี แต่ผมเขียนบทครูปราณีให้พี่แหม่มโดยเฉพาะ ซึ่งตอนแรกที่ติดต่อพี่แหม่มก็อยากมาเล่นให้ แต่ไม่รู้จะมีคิวหรือเปล่า พี่เขาก็ถามว่าผมมองใครไว้อีกไหม ผมก็บอกว่าไม่มี มีพี่คนเดียว (หัวเราะ)"

วันแรกที่ร่วมงานกับ แหม่ม - จินตหรา สุขพัฒน์

"เกร็งครับ เพราะพี่แหม่มเป็นดาราระดับฝีมือ และเราก็ถือว่าเป็นผู้กำกับใหม่ แต่พอทำงานไปเรื่อยๆ พี่แหม่มเขาก็ทำให้เราทำงานง่ายขึ้น พี่เขาไม่มีอีโก้ เราบอกยังไงพี่เขาก็ทำตาม และเขาก็ไม่คิดว่าเราเป็นผู้กำกับรุ่นใหม่ ทำงานให้เราอย่างเต็มที่ และมีสปิริตสูงมาก มาตรงเวลากลับดึกก็ไม่มีบ่น"

ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำงานคนเดียวเป็นอย่างไรบ้าง

"เหนื่อยครับ คือผมเพิ่งได้รู้ว่าผู้กำกับที่เขาทำงานคนเดียวจริงๆ เขาต้องทำยังไงบ้าง เหมือนเป็นการเริ่มต้นใหม่ของผม คือต้องทำทุกอย่าง ต้องมีหน้าที่ตัดสินใจในทุกเรื่อง ต้องรับผิดชอบทุกเรื่อง"

ต้องกลับมาทำงานกับเด็กอีกครั้งรู้สึกอย่างไร

"เหนื่อย (หัวเราะ) แต่ยังไม่เข็ดนะที่จะทำงานกับเด็ก แต่บางครั้งก็มีบ้างช่วงที่ถ่าย คือคิดว่าเรื่องหน้าไม่เอาเด็กแล้ว มันเหนื่อย เพราะเป็นเด็กผู้ชายช่วงวัยที่ปีนต้นมะพร้าวแข่งกับลิงยังชนะ (หัวเราะ) ซนมาก และหนังของผมจะมีฉากที่เป็นชิงเช้าชิงพลบ ถ้าเวลาเขาซนหรืองอแงแค่ผ่านไป 10 หรือ 15 นาที ก็ไม่ได้อะไรแล้ว แต่ผมก็ดุนะ ถามได้คือเวลาทำงานก็คือทำงาน แต่ยังไงก็ยังชอบทำงานกับเด็กอยู่ เพราะเขาจริง คือเขาเปิดใจ เวลาอยู่ในกองผมดุ แต่ถ่ายเสร็จผมก็พาไปเที่ยวไปเล่น คือเขาไม่ได้กลัวขนาดไม่กล้าคุยกับผม"

ทำไมถึงชอบทำภาพยนตร์ที่มีเด็กเกี่ยวข้อง

"ไม่เชิงชอบ แต่เพราะเราผ่านช่วงเวลานั้นมาแล้วเราเข้าใจเรารู้ว่าเขารู้สึกอย่างไร ถ้าจะให้ทำหนังเกี่ยวกับคนแก่ เราก็คงจะทำได้ไม่ดี เพราะมันยังไม่ถึง และถ้าเป็นวัยทำงานที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็ยังไม่ชัด เพราะคนเรามักจะมองอะไรไม่ชัดเจนในสิ่งที่กำลังเป็นอยู่ แต่ช่วงเด็กคือผ่านมาแล้ว เราเข้าใจมันอย่างชัดเจน แต่วัยรุ่นก็อยากทำนะ ผมก็เคยเป็นวัยรุ่นมาเหมือนกัน (หัวเราะ)"

รู้สึกกังวลไหมกับงานของตัวเอง

"ไม่รู้สึก คือเพื่อนทำรายได้เยอะเท่าไหร่ เราก็รู้สึกดีใจ พอมีงานเลี้ยงฉลองรายได้ เราก็ได้กินเหล้าฟรี (หัวเราะ) บริษัทให้โบนัสอะไรอย่างเนี้ยะ คือหนังของเพื่อนก็เหมือนหนังของเรา อย่างเอสก็ยังมาช่วยผมดู ช่วยคอมเม้นต์ คือเราก็ยังช่วยกันอยู่ เราสนุกที่จะทำงานแบบนี้ และก็เราทำงานเหมือนเป็นพี่น้องกัน แต่ถ้าจะรู้สึกก็คงกลัวว่าจะหาเงินมาใช้นายทุนได้ไม่เท่ากับที่เขาให้มา เพราะเรื่องนี้ทุนค่อนข้างสูงเหมือนกัน"

คิดว่าคนดูจะชอบภาพยนตร์เรื่องนี้ไหม

"คิดว่าถ้าชอบก็คือความแปลกตาความแปลกใหม่ของภาพและเรื่อง และผมก็มั่นใจว่ามันจะใหม่สำหรับคนดูหนังไทย ซึ่งผมก็ยังไม่กล้าบอกหรอกว่ามันดี เพราะเหมือนยกตัวเอง เรื่องนี้ให้คนดูตัดสินเองดีกว่าว่าดีไม่ดี"

สิ่งที่ยากที่สุดในการทำภาพยนตร์เรื่องนี้

"ก็คงเป็นการทำงานกับเด็ก เพราะอย่างที่บอกไปแล้วว่าเขาอยู่ในวัยที่ค่อนข้างซน ไม่ค่อยมีสมาธิเล่นกันอยู่ตลอด ซึ่งทำให้เสียเวลาและก็ต้องมีการดุกัน อีกเรื่องก็คงเป็นเรื่องสัตว์ เพราะหนังเรื่องนี้มีฉากที่ใช้สัตว์เข้ามาเล่นเยอะพอสมควร และเราก็ควบคุมมันได้ยาก ทำให้บางครั้งออกมาไม่ได้ดั่งใจเราเท่าไหร่ ก็ต้องคอยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าไป"

ความแตกต่างของภาพยนตร์เรื่องนี้กับภาพยนตร์ในแนวเดียวกัน

"คือบอกได้เลยว่าเป็นหนังผี แต่ของผมมันแตกต่างเพราะเป็นหนังผีที่เน้นบรรยากาศ ให้คนดูกลัวจากเนื้อเรื่อง เช่น เราเห็นภาพๆ นึง ตอนแรกอาจรู้สึกเฉยๆ แต่พอเรารู้เรื่องราวของมัน เราอาจจะขนลุก คือเป็นความกลัวจากเรื่องที่ไม่ใช่มีผีโผล่มาหลอก หรือมีซาวด์แรงๆ ให้คนดูตกใจ"

มีโอกาสกลับมาทำงานกับเพื่อนๆ ที่กำกับเรื่อง แฟนฉัน อีกไหม

"วันหนึ่งอาจจะกลับมารวมตัวกันอีก เพราะรู้แล้วว่าแยกกันไปทำหนังของตัวเองแล้วมันเหนื่อยขนาดนี้ ทำไมไม่กลับมารวมกัน แต่ก็มีบางคนบอกว่า เฮ้ย เดี๋ยวต้องหาร 6 อีก (หัวเราะ)"

ฝากถึงคนดูกับภาพยนตร์เรื่องนี้

"คืออยากบอกว่าหนังเรื่อง เด็กหอ เป็นหนังที่ดูง่ายเข้าใจง่าย ไม่ได้ดูยาก และสื่อกับคนดูโดยตรง คือคนดูเข้าไปดูแล้วไม่มีทางไม่เข้าใจ เป็นหนังผีแต่ไม่ถึงกับสยอง และมีความสนุกอยู่ที่ตรงเรื่องราวที่จะพาเราไปเอง ไม่มีการหักมุม เป็นอย่างที่เป็น ก็อยากฝากว่าเราทำงานอย่างที่เราอยากทำ ตั้งใจและก็มั่นใจว่าเราทำงานที่ดีและทำเพื่อคนดู"

สำหรับนักแสดงสาวที่ผู้กำกับ ย้ง เขียนบทให้เธอโดยเฉพาะอย่าง แหม่ม - จินตหรา สุขพัฒน์ ได้เล่าให้ฟังถึงการทำงานในเรื่องนี้ หลังจากที่ห่างหายจากงานภาพยนตร์ไปนานพอสมควร

กลับมาแสดงภาพยนตร์อีกครั้งรู้สึกอย่างไรบ้าง

"ก็ตื่นเต้นเหมือนกัน คือเราทิ้งไปนานหลังจากหนังเรื่อง ฮวงจุ้ย เราก็ต้องกับมาปรับวิธีการแสดงของเรา เพราะไม่เหมือนกันกับการเล่นละคร คือละครจะมีจังหวะของมัน แต่หนังจะเล่นเออกมาให้เป็นธรรมชาติมากที่สุด"

ทำไมถึงรับงานแสดงภาพยนตร์เรื่องนี้

"คือตอนแรกเรามีความรู้สึกว่าเราถ่ายละครด้วยแล้ว เราก็ต้องขับรถไปถ่ายหนังที่ต่างจังหวัดอีก เราก็ไม่อยาก แต่พอคุยกันคือเขาบอกว่าเขาจะตามคิวเรา เราก็เกรงใจแบบว่าไม่ต้องก็ได้ ไม่ต้องพี่ก็ได้ มองคนอื่นไว้หรือเปล่า ซึ่งเขาก็บอกว่าไม่มี มีพี่คนเดียว คือเขาอยากร่วมงานกับเราจริงๆ"

บทที่ได้รับเป็นอย่างไรบ้าง

"ก็เล่นเป็นครูเป็นคนดูแลหอ ดุและก็เด็กจะกลัวกัน คือภาพจะออกมาเป็นครูที่ดูเครียดๆ ลึกลับน่ากลัว"

ร่วมงานกับนักแสดงคนอื่นเป็นอย่างไรบ้าง

"เรื่องนี้ส่วนมากก็จะมีแต่เด็กๆ ซึ่งจะเข้าฉากกับน้องแน็กมากที่สุด ส่วนคนอื่นจะไม่ค่อยมี การทำงานก็ไม่มีปัญหาไม่ยุ่งยากอะไร เพราะทุกคนตั้งใจกันดี ส่วนบทพูดจะไม่ค่อยเยอะ จะเน้นที่การแสดงมากกว่า ส่วนเด็กเราก็เข้าใจเขาว่าต้องให้เวลาเขาหน่อยในการแสดง แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร"

การทำงานของผู้กำกับรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่แตกต่างกันอย่างไร

"คือถ้าความแตกต่างก็คงเป็นเรื่องของความคิด เพราะจริงๆ แล้วคนรุ่นเก่าจะไม่ใช่คนที่เรียนมาด้านนี้โดยตรงอาจเป็นนักแสดงหรือเคยเรียนศิลป์มาก่อนแล้วมาเป็นผู้กำกับ แต่คนรุ่นใหม่คือเขาเรียนมาโดยตรง เขาก็จะมีรายละเอียดมีทฤษฎีของเขา ซึ่งการทำงานก็จะค่อนข้างมีระบบระเบียบมากขึ้น"

แล้วขัดกับการทำงานของตัวเองที่เคยผ่านมาหรือเปล่า

"เราไม่มีปัญหาอะไรกับตรงนี้อยู่แล้ว คือเราจะรู้สึกชื่นใจมากกว่าที่เห็นเขาตั้งใจทำงาน ทำให้งานออกมาดี คือการแสดงเหมือนงานศิลปะ เวลาที่เขาถ่ายซ้ำๆ หลายๆ ครั้งเราก็เข้าใจว่าเขาประณีต ละเอียดอ่อน พอภาพออกมาเห็นแล้วก็คือสวย"

รู้สึกอย่างไรที่ผู้กำกับค่อนข้างเกร็งในการร่วมงานด้วย

"พี่ก็ปกติ เพราะพี่ก็เป็นคนทำงานคนหนึ่ง เราให้ใจ เราเต็มที่กับงานอยู่แล้ว เราจะไม่เรื่องมาก คือผู้กำกับว่ายังไงมาเราก็ทำตามเขา เราให้เกียรติในความคิดของเขา"

หนักใจอะไรบ้างกับภาพยนตร์เรื่องนี้

"ก็คงเป็นเรื่องการแสดง เพราะผู้กำกับหวังกับการแสดงของเรามาก เราก็เลยกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี ต้องคอยบอกเขาว่าถ้าไม่ดีสั่งเทกเลยนะ จริงแล้วคนที่เกร็งน่าจะเป็นเรามากกว่า (หัวเราะ) เพราะเขาทำงานประสบความสำเร็จกันมาแล้ว แต่เราคือทิ้งไปนาน เราก็ต้องมาปรับใหม่ เพราะไม่รู้ว่าวิธีการเล่นของเราจะเชยไปหรือเปล่า ก็ให้เขาบอกว่าต้องการแบบไหนให้เล่นยังไง ซึ่งบางครั้งก็ต้องมานั่งตีความกัน เพราะคิดกันคนละอย่างเข้าใจไม่เหมือนกัน"

คิดว่าจะรับงานภาพยนตร์อีกไหม

"ก็ดูก่อนดูเวลา เพราะตอนนี้เราอยู่กับละคร ส่วนหนังเหมือนมันไม่ใช่เวลาของเราแล้ว แต่ถ้ามีบทที่น่าสนใจก็ยังดูอยู่ ซึ่งจริงๆ แล้วเวลาที่เราเล่นละคร เราก็คิดถึงหนังเหมือนกัน เพราะเรารักและเราก็เกิดมาจากตรงนี้ แต่ตอนนี้รูปแบบอะไรหลายๆ อย่างก็เปลี่ยนไป ก็เป็นคนรุ่นใหม่ๆ มาแทน สำหรับเรื่องนี้เราก็ยังดีใจเลยว่าเขายังคิดถึงเราอยู่ให้เกียรติเรา และก็โชคดีที่เวลาได้"

ความประทับใจกับภาพยนตร์เรื่องนี้

"โดยรวมของหนังพี่ว่าเขาร้อยเรื่องได้แปลกและน่าสนใจน่าติดตาม ส่วนบทก็มีให้เห็นทั้งความผูกผันของครูกับนักเรียน ความผูกผันของเพื่อน มีทั้งความสนุก รวมถึงความลึกลับน่ากลัวและความแปลกใหม่"

คาดหวังอะไรบ้างกับภาพยนตร์เรื่องนี้

"โดยส่วนตัวพี่ก็อยากให้หนังประสบความสำเร็จ เพราะเป็นหนังที่เราเล่น แต่ก็คงไม่เท่ากับบริษัทและผู้กำกับ (หัวเราะ) เพราะหนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังที่สนุกและเป็นหนังที่ดีอีกเรื่อง ก็อยากให้ประสบความสำเร็จทั้งรายได้และก็คนดู พี่ก็คงรู้สึกดีใจด้วย"

นักแสดงนำของเรื่องนี้ คือ เด็กหนุ่มที่หลายคนคุ้นหน้ากันอยู่แล้ว "แน็ก - ชาลี ไตรรัตน์" กับบท ต้น เด็กนักเรียนชั้น ม.1 ที่ถูกส่งมาเรียนโรงเรียนประจำและต้องมาอยู่หอ ซึ่งในการพูดคุยกันครั้งนี้ก็ทำให้เห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวแน็กที่ดูโตขึ้นและเป็นผู้ใหญ่ขึ้น

บทเรื่องนี้เป็นยังไงบ้าง

"เป็นนักเรียนที่โดนพ่อให้มาอยู่หอครับ จะค่อนข้างเงียบๆ นิ่งไม่ค่อยซนเท่าไหร่ ไม่ค่อยคุย แต่จะชอบทดลองชอบลอง ส่วนบทก็ไม่ยากเท่าไหร่ ไม่ต้องอ่านบท เพราะพี่ย้งผู้กำกับเขาจะคอยบอกให้ ก่อนถ่ายก็มีพี่ทีมงานมาบอกและอธิบายให้ด้วย ส่วนฉากที่ยากก็มีฉากที่ต้องตกจากกำแพงครับ คือ ผมยังไม่ค่อยกล้า บทผมไม่ค่อยยาวแต่เยอะครับ"

เคยอยู่หอไหม

"ไม่เคยอยู่ครับ ผมอยู่โรงเรียนปกติไปเช้ากลับเย็น และก็ไม่อยากอยู่หอด้วยเพราะเหงา แต่ก็ดีมีเพื่อนใหม่ๆ แต่ว่าอยู่บ้านดีกว่า"

ได้แสดงกับเพื่อนใหม่ที่ไม่ใช่จากเรื่อง แฟนฉัน เป็นยังไงบ้าง

"ก็ดีสนุกดีครับ ก็จะเล่นๆ กัน แต่ตอนแรกมาก็ยังไม่รู้จักกัน ก็ยังไม่ค่อยคุยกัน เพราะเพิ่งเจอยังไม่ค่อยสนิท แต่พอทำงานด้วยกันก็สนิทกันได้

ได้เล่นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 กับผู้กำกับเดิมเป็นยังไง

" ็ดีครับ ไม่ยากมาก ก็เคยร่วมงานกับพี่ย้งมาแล้วจากเรื่อง แฟนฉัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 2 ก็จะสนิทกัน พี่ย้งก็จะใจดีบ้างดุบ้าง เวลาถ่ายไม่เสร็จต้องถ่ายซ่อมต้องรีบแต่เราช้าพี่ย้งก็จะด "

ต้องเรียนด้วยทำงานด้วยแบ่งเวลายังไง

" ็จะถ่ายเฉพาะเสาร์ อาทิตย์ครับ วันธรรมดาก็เรียน แต่ก็มีบางครั้งที่ต้องหยุด ส่วนการบ้านก็ต้องพยายามทำให้เสร็จ แต่ถ้าไม่เสร็จ บางทีครูก็อนุญาตให้ดูของเพื่อนได้ ช่วงถ่ายก็นานหลายเดือนเหมือนกัน เพราะมีช่วงที่หยุดถ่ายและต้องถ่ายซ่อมด้วย บางทีถ่ายตี 5 ของอีกวันไปจนถึงตี 5 อีกวันนึงก็ม "

ร่วมงานกับ พี่แหม่ม - จินตหรา สุขพัฒน์ เป็นยังไงบ้าง

" มเคยร่วมงานกับพี่แหม่มตอนเด็กๆ เรื่อง กาลครั้งหนึ่งเมื่อเช้านี้ เด็กมาก แต่พี่เขาก็ยังจำผมได้ พี่แหม่มเขาใจดี ในเรื่องผมก็มีที่ต้องเข้าฉากกับพี่แหม่ม ในเรื่องพี่เขาจะเล่นเป็นครูดุๆ แต่จริงๆ แล้วพี่เขาไม่ดุเล "

ตอนนี้มีงานอื่นอีกไหม

" ็มีหนังเรื่อง สุดสาคร และก็มีงานบ้าง มีพี่เขาไปถ่ายไปสัมภาษณ์ที่โรงเรียนก็ม "

ได้เรียนการแสดงเพิ่มไหม

" ม่ได้เรียนเท่าไหร่ ส่วนมากพี่เค้าจะซ้อมให้หน้ากล้องเวลาจะถ่ายจริง หรือบางทีก็ซ้อมให้ตอนกลางคืนที่โรงแรมที่ไปพัก พี่เขาก็จะเรียกมารวมกันแล้วก็ให้ซ้อม แต่จริงๆ แล้วผมไม่ชอบซ้อม ผมชอบเล่นเล "

คิดว่าตัวเองแสดงดีขึ้นไหม

" ็ดูแล้วเล่นดีขึ้นมั้ง แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน (หัวเราะ "

ภาพยนตร์ 2 เรื่องที่ได้แสดงชอบเรื่องไหนมากว่ากัน

" อบเรื่อง แฟนฉัน ครับ เพราะมันสนุกดี ไม่มีฉากตอนกลางคืนเท่าไหร่ ไม่เหนื่อ "

กลัวผีไหม

" ลัวเหมือนกันครับ กลัวความมืดด้ว "

คิดว่าคนดูจะได้รับอะไรจากภาพยนตร์เรื่องนี้

" ด้รู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเด็กที่อยู่โรงเรียนประจำและเด็กที่ต้องอยู่หอว่าเป็นอย่างไรบ้างครั "

นอกจาก แน็ก แล้ว แก็งค์เด็กหอยังมี " มเคิล - ศิรชัช เจียรถาว " รับบทเป็น " ิเชีย " เด็กที่เก๋าที่สุดในหอ " ิค - จิรัฏฐ์ สุขเจริ " รับบทเป็น " พ้ " หัวโจกประจำกลุ่ม " าย - ธนบดินทร์ สุขเสรีทรัพย " รับบท " มอหนุ่ " เด็กที่เชื่อเรื่องเร้นลับ " อส - อนุชิต ปนัดเศรณ " กับบท " าโร " ลูกผู้ดีมีฐานะ และสุดท้าย " บียร์ - ปะกาสิต พันธุรัตน " กับบท " ๊อ " เด็กใต้ที่ช่างพูด ซึ่งพวกเขาฝากบอกกับทุกคนว่า

" วกเราตื่นเต้นและดีใจมากที่ได้เล่นหนังเรื่องนี้ รู้สึกสนุกที่ได้เล่นหนังด้วยกัน ก็อยากให้มาดูกันเยอะๆ เพราะพวกเราตั้งใจและก็หนังเรื่องนี้สนุกมากครั "

นักแสดงอีกคนในเรื่อง แต้ว - ณัฐพร เตมีรักษ์ ที่รับบทเป็น น้ำตาล นักเรียนหญิงรุ่นพี่โรงเรียนข้างๆ ที่แก็งค์เด็กหอปลื้ม ก็ฝากให้ทุกคนเข้าไปดูภาพยนตร์เรื่องนี้เช่นเดียวกัน

สำหรับใครที่ประทับใจกับภาพยนตร์เรื่อง แฟนฉัน หรือ เพื่อนสนิท จากกลุ่มผู้กำกับที่หลายคนยอมรับในฝีมือ ภาพยนตร์เรื่อง เด็กหอ ก็น่าจะเป็นภาพยนตร์อีกเรื่องที่คนดูจะชอบ เหมือนที่ ย้ง ผู้กำกับบอกว่า " ฟนฉันเป็นเหมือนลูกของพวกเราทุกคน แต่ตอนนี้เราต่างก็มีลูกของตัวเอง ซึ่งเด็กหอก็คือลูกของผม" ไปพิสูจน์ฝีมือของเขาได้วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2549 ทุกโรงภาพยนตร์

สงวนลิขสิทธิ์ © ห้ามคัดลอก ตัดต่อ
ดัดแปลงหรือเผยแพร่ในสื่อใดๆ ก่อนได้รับอนุญาต
กดเพื่อดูรูปใหญ่ ปัดซ้าย-ขวาเพื่อดูรูปถัดไป
  • รูปภาพ 1
  • รูปภาพ 2
  • รูปภาพ 3
  • รูปภาพ 4
  • รูปภาพ 5
  • รูปภาพ 6
  • รูปภาพ 7
  • รูปภาพ 8
  • รูปภาพ 9
  • รูปภาพ 10
  • รูปภาพ 11
  • รูปภาพ 12
  • รูปภาพ 13
  • รูปภาพ 14
  • รูปภาพ 15
  • รูปภาพ 16
  • รูปภาพ 17
  • รูปภาพ 18
  • รูปภาพ 19
  • รูปภาพ 20
  • รูปภาพ 21
  • รูปภาพ 22
  • รูปภาพ 23
  • รูปภาพ 24
  • รูปภาพ 25
  • รูปภาพ 26
  • รูปภาพ 27
  • รูปภาพ 28
  • รูปภาพ 29
  • รูปภาพ 30

ความคิดเห็น

วันนี้ในอดีต

  • รักแห่งสยาม
    เข้าฉายปี 2007
    แสดง มาริโอ้ เมาเร่อ, วิชญ์วิสิฐ หิรัญวงษ์กุล, กัญญา รัตนเพชร์
  • Harry Potter and the Chamber of Secrets
    เข้าฉายปี 2002
    แสดง Daniel Radcliffe , Emma Watson , Rupert Grint
  • ตีสาม 3D
    เข้าฉายปี 2012
    แสดง กาญจน์เกล้า ด้วยเศียรเกล้า, โทนี่ รากแก่น, ชาคริต แย้มนาม

เกร็ดภาพยนตร์

  • สี่เส้า - ผู้กำกับ ท้อท - การัณยภาส ขำสิน เตรียมความพร้อมรับบทคนตาบอดไม่ทันตั้งตัวให้ เต้ย - พงศกร เมตตาริกานนท์ ผู้รับบท กมล โดยการเอาผ้าปิดตา เต้ย เป็นเวลาประมาณ 12 ชั่วโมง เต้ย เผยว่ารู้สึกอึดอัดและกลัวมากจนร้องไห้ ไล่เตะข้าวของ และปาของต่างๆ ใส่เพื่อนในห้อง อ่านต่อ»
  • Woman in Gold - เดิมที แอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ได้รับเลือกให้แสดงบท แรนดี แต่ถอนตัวในภายหลัง ไรอัน เรย์โนลด์ส จึงเข้ามารับบทนี้ อ่านต่อ»
เกร็ดจากภาพยนตร์สามารถดูได้ในหน้าข้อมูลภาพยนตร์แต่ละเรื่อง

เปิดกรุภาพยนตร์

เรื่องราวของ แคเรน (ออเบรย์ พลาซา) แม่ที่ได้ซื้อ ตุ๊กตาเป็นของขวัญให้ แอนดี (กาเบรียล เบตแมน) ผู้เป็นลูกชาย แต่แล้วความ...อ่านต่อ»