พูดคุยกับ โรมัน โปลันสกี้ ผู้กำกับภาพยนตร์ระดับออสการ์
เปิดงานกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับเทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพฯ ครั้งที่ 3 หรือ The 3rd World Film Festival of Bangkok ที่ได้รับเกียรติจากผู้กำกับภาพยนตร์เจ้าของรางวัลออสการ์ "โรมัน โปลันสกี้" (Roman Polanski) ที่มาร่วมเปิดตัวด้วยภาพยนตร์เรื่อง "Oliver Twist" ครั้งแรกในเอเชีย พร้อมกับนำภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ได้แก่ "Knife in the Water" "Cul de Sac" "Repulsion" และ "The Pianist" มาร่วมฉายในเทศกาลนี้ด้วย
เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ที่ผ่านมา โรมัน โปลันสกี้ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนจากนานาประเทศ เกี่ยวกับการทำงานในโลกแห่งภาพยนตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง Oliver Twist ที่สร้างจากวรรณกรรมเรื่องเด่นของ ชาร์ลส์ ดิ๊กเก้นส์
"สาเหตุที่ทำเรื่อง Oliver Twist เป็นเพราะอยากให้ลูกชายวัย 7 ขวบของผมได้ดูหนังเรื่องนี้ แม้ว่าเรื่องนี้จะมีเนื้อหาที่หดหู่อยู่บ้าง แต่ก็สะท้อนความเป็นจริงของชีวิต อยากให้เขาได้สัมผัสวัฒนธรรมของประเทศต่างๆ แม้จะเป็นวัฒนธรรมต่างประเทศ เพราะเรื่องราวเกิดขึ้นในอังกฤษ เกี่ยวข้องกับเด็กกำพร้า แม้ลูกของผมจะชอบหนังตลาดอย่าง สไปเดอร์แมน ก็ตาม
ตัวหนังเรื่องนี้ก็เปิดตัวสดๆ ร้อนๆ เลยครับ แม้แต่ที่ฝรั่งเศสก็ยังไม่ได้จัดรอบปฐมทัศน์เลย ซึ่งโดยส่วนใหญ่เสียงตอบรับก็ออกมาดี แต่ที่ผมคาดหวังมากกว่า คือ คำวิจารณ์จากลูกและเพื่อนๆ ของลูกผม
จริงๆ แล้วหนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเรื่องยากที่เด็กดูแล้วจะเกิดความรู้สึกร่วม มีหลายประเด็นที่เป็นปัญหาที่เกิดกับเด็ก และเจาะลึกไปที่ความรู้สึกของเด็ก ทั้งการแยกเด็กออกจากครอบครัว ทั้งการที่เด็กหลายคนขาดโอกาสในสังคม ไม่มีข้าวจะกิน อย่างเรื่องของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ก็เป็นเรื่องใหญ่ เป็นตำนานที่เด็กๆ ก็ควรรับรู้ด้วยเหมือนกัน" โรมัน เล่า
เมื่อถูกถามถึงการกำกับนักแสดงเด็ก โรมัน กล่าวว่า "ก่อนหน้านี้ผมเคยกำกับตัวละครเด็กมาบ้างแล้ว ซึ่งอาจจะเป็นตัวประกอบ แต่เรื่องนี้จะมีตัวละครเด็กเยอะหน่อย และเป็นตัวละครนำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ง่ายมาก ตอนที่ผมเรียนอยู่โรงเรียนภาพยนตร์ ได้มีการสอนเอาไว้ว่าถ้าทำหนังเกี่ยวกับเด็ก จะต้องเตรียมตารางเวลาและงบประมาณเอาไว้ 2 เท่ากว่าปกติ แต่พอได้มาทำจริงๆ ง่ายกว่าทำหนังผู้ใหญ่เยอะ ถ้าทำหนังเกี่ยวกับสุนัข จะยิ่งปวดหัวมากขึ้น"
ส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตาและบุคลิกของตัวละคร ฟากิ้น ที่รับบทโดย เบน คิงสลี่ย์ นั้น โรมัน เสริมว่า "อ้างอิงมาจากหนังสือของ ชาร์ลส์ ดิ๊กเก้นส์ ผมทำงานร่วมกับฝ่ายคอสตูมเมกอัพวาดออกมาว่าตัวละครตัวนี้หน้าตาควรจะเป็นยังไง โดยเฉพาะตัวละครที่เป็นยิวและต้องมีสำเนียงของชาวอังกฤษย่านตะวันออก
ตอนที่เห็น เบน วันแรกก็ใช่เลย ทั้งหน้าตา รูปร่าง ท่าทาง และฟันที่ยื่นออกมา ซึ่ง เบน ก็ติดใจ ยังคงบุคลิกนี้ แม้จะเป็นช่วงพักการถ่ายทำ ไปทานข้าวด้วยกัน ตอนแรกนึกว่าเขาจะเล่นๆ แค่วันแรกที่ถ่ายทำ แต่เปล่าเลย เขาเล่นมุขนี้ตลอดการถ่ายทำ 17 สัปดาห์ (ฮา) ปรากฏว่าตอนพบ เบน ในงานเลี้ยงหลังการถ่ายทำ ผมจำไม่ได้เลยว่าคนนี้คือฟากิ้น"
ตอบคำถามเกี่ยวกับโครงการภาพยนตร์เรื่องใหม่ โรมัน กล่าวว่า "ตอนนี้ผมยังไม่มีโครงการทำหนังที่เป็นเรื่องเป็นราวเป็นรูปธรรม แต่โดยมากแล้วระหว่างหนังแต่ละเรื่อง ผมจะกลับไปทำละครเวที คิดว่าระหว่างเรื่องนี้จะกลับไปทำละครสักเรื่องก่อนที่จะเริ่มหนังเรื่องใหม่
ปกติผมตั้งต้นการทำงานที่ตัวเรื่องว่าเนื้อหาของเรื่องน่าทำ น่าสนใจ น่าตื่นเต้นหรือเปล่า ไม่ได้ตั้งต้นที่ตัวบุคคล แล้วค่อยหาทีมงาน เช่น The Pianist ผมก็เพิ่งทำงานกับชาวโปลิชเป็นครั้งแรก หลังจากทำงานร่วมกันแล้ว ก็พบว่าเป็นทีมที่ทำงานได้ดีทีเดียว แต่ตอนนี้ภาวะเงินเฟ้อมาก จะหาเงินมาทำหนังในยุคนี้ก็เป็นเรื่องที่ยากมาก"
เมื่อพูดถึงผลงานประทับใจของตัวเอง "โดยปกติผมไม่ค่อยได้กลับไปดูหนังที่ตัวเองทำไว้หรอกครับ ยกเว้นแต่จะกลับไปเช็กซับไตเติ้ล ผลงานของผมที่อยู่ในความทรงจำมากที่สุด คือ The Pianist เพราะค่อนข้างจะเป็นประสบการณ์ตรงของตัวผมเอง ส่วนผลงานของผมที่ไม่อยากจะจดจำ คือ Repulsion สำหรับเรื่อง Frantic ผมก็ชอบครับ โดยส่วนตัวก็รู้สึกยกย่องและเป็นเกียรติที่ได้ทำงานกับ แฮริสัน ฟอร์ด และประสบการณ์การถ่ายทำที่ปารีสก็เป็นที่ประทับใจมาก"
โรมัน ทิ้งท้ายถึง Oliver Twist ได้อย่างน่าสนใจว่า "ประเด็นสำคัญของตัวหนัง จะเกี่ยวกับความรู้สึกของเด็ก ที่จะต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องเลือกระหว่างบุญคุณกับคนไม่ดี กับหลักการของศีลธรรม สมัยนั้นลอนดอนเป็นเมืองที่โตและใหญ่ มีคนเป็นพันๆ จากชนบทเข้ามาอยู่แบบไม่มีบ้าน ทำให้เกิดอาชญากรรมและปัญหาสังคม หนังเรื่องนี้จะทำให้คนดูได้คิด"
เทศกาลภาพยนตร์โลกแห่งกรุงเทพฯ ครั้งที่ 3 เริ่มต้นแล้วตั้งแต่วันที่ 14 ตุลาคม ที่ผ่านมา และจะสิ้นสุดในวันที่ 24 ตุลาคม นี้ ที่โรงภาพยนตร์แกรนด์ อีจีวี สยาม ดิสคัฟเวอรี่ และเมเจอร์ ซินีเพล็กซ์ เซ็นทรัล เวิลด์ พลาซ่า