บทสัมภาษณ์จากประสบการณ์ของ ซูฉี กับการเป็น คนเห็นผี
หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากจาก คนเห็นผี หรือ The Eye ภาคแรก ในปี 2002 ในที่สุดกระแส คนเห็นผี จะกลับมาอีกครั้งในปีนี้กับ คนเห็นผี ภาค 2 หรือ The Eye 2 ภาพยนตร์ร่วมทุนสร้างครั้งยิ่งใหญ่ระหว่างไทยและฮ่องกง โดยได้สองพี่น้อง อ๊อกไซด์ แปง และ แดนนี่ แปง มารับหน้าที่กำกับภาพยนตร์เช่นเคย ชูฉี ในฐานะนักแสดงนำของเรื่อง The Eye 2 ได้ให้สัมภาษณ์ว่า
ความคืบหน้าของ The Eye 2 เป็นอย่างไรบ้าง
"สวัสดีค่ะ ดิฉันซูฉีนะคะ ตอนนี้หนังเรื่องคนเห็นผีภาค 2 ได้ปิดกล้องไปเรียบร้อยแล้ว และเตรียมโปรแกรมเข้าฉายที่เมืองไทยประมาณวันที่ 19 มีนาคม การถ่ายทำส่วนใหญ่จะอยู่ที่กรุงเทพฯ เป็นหลัก ฉันมีโอกาสไปร้านอาหารหลายๆ ที่เยอะมาก มีโอกาสรับประทานอาหารทั้งไทย ญี่ปุ่น อิตาเลี่ยน ฝรั่งเศส โดยเฉพาะอาหารไทยชอบต้มยำกุ้ง
ส่วนการกลับมาครั้งนี้มาเพื่อเตรียมโปรโมทหนังเรื่องคนเห็นผีภาค 2 ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการสัมภาษณ์กับบรรดานักข่าวชาวไทย นอกจากนี้ก็มีงานแถลงข่าวหนังเรื่องคนเห็นผีภาค 2 เป็นครั้งแรกด้วยเมื่อช่วงต้นเดือนก.พ.ที่ผ่านมา รู้สึกดีใจที่มีนักข่าวให้ความสนใจค่อนข้างเยอะมาก นอกจากนักข่าวไทยแล้ว ยังมีนักข่าวจากฮ่องกง ไต้หวัน รวมทั้งนักข่าวจากต่างชาติเข้าร่วมงานเยอะเลยทีเดียว"
รู้สึกอย่างไรบ้างที่ถูกเลือกให้มาแสดงในภาพยนตร์เรื่อง The Eye 2
"ก่อนหน้านี้ก็ได้มีโอกาสดู The Eye 1 ซึ่งรู้สึกกลัวมากเลย ก็รู้สึกดีใจที่ได้มาแสดงหนังภาค2 ได้ร่วมงานกับอ๊อกไซด์ และ แดนนี่ แปง ซึ่งเป็นผู้กำกับที่มาแรงในฮ่องกง เป็นผู้กำกับรุ่นใหม่ที่อยากร่วมงานด้วย เป็นครั้งแรกที่ได้มาแสดงที่เมืองไทยรู้สึกว่าคนไทยทำงานดี น่ารักด้วย ได้มาทำงานร่วมกันก็รู้สึกดี สบายใจ"
รู้สึกกดดันบ้างไหม
"แน่นอนย่อมรู้สึกกดดัน ไม่ได้เกี่ยวว่าภาคแรกคนดูเยอะ แต่โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าบทที่ได้รับไม่ใช่เรื่องง่ายๆ มันยากมากเหมือนกัน วิธีที่ใช้แก้ก็คือเวลาอยู่ที่กองก็ให้ปรึกษาตัวผู้กำกับว่าอยากจะให้แสดงออกมาอย่างไร บทที่ได้รับก็เป็นบทที่ยากมากค่ะ ใช้อารมณ์และพลังในการแสดงเยอะมาก โดยเฉพาะเวลาที่แสดงก็จะต้องอินกับบทมากๆ เพราะว่าหนังเรื่องนี้มันเป็นหนังที่ดูลึกลับ บทที่เราแสดงจะเป็นตัวละครที่คนอื่นเขามองว่าเราเป็นคนเสียสติ แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ แต่เรื่องทั้งหมดจะเป็นยังไงคงพูดไม่ได้ คงต้องรอดูกัน การเตรียมตัวก่อนที่จะมาเล่นก็ต้องทิ้งทุกอย่างให้หมดทำให้ตัวเราเหมือนกระดาษสีขาวใบนึง"
ซูฉีรับบทเป็นใครในเรื่อง The Eye 2
"ในเรื่อง The Eye 2 ฉันรับบทเป็น โจอี้ เป็นผู้หญิงที่ปล่อยให้ชีวิตจมอยู่กับความเศร้าหลังจากที่ตัวเองเลิกกับแฟน แล้วก็ตัวเองมีความรู้สึกว่าทำใจไม่ได้ที่ตัวเองจะต้องอยู่ในภาวะเช่นนี้ ในขณะเดียวกันก็มารู้ทีหลังว่าตัวเองตั้งท้อง"
อะไรทำให้ซูฉีสนใจและตัดสินใจแสดงภาพยนตร์เรื่อง The Eye 2
"ชอบบทเรื่อง The Eye 2 และเคยเห็นผลงานของผู้กำกับมาก่อน ทำให้รู้สึกสนใจ และเคยคิดว่าถ้าเราได้ร่วมงานกันมันน่าจะมีอะไรที่ใหม่ๆ เข้ามา"
การทำงานในเรื่อง The Eye 2 เป็นอย่างไรบ้าง
"ยากเหมือนกันที่ต้องแสดงเป็นคนท้อง ซึ่งทุกคนก็รู้ว่า The Eye 2 เป็นหนังในแนวตื่นเต้นระทึกขวัญที่เกี่ยวกับผู้หญิงที่ต้องเจอกับบางสิ่งบางอย่างอย่างผี แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สิ่งที่หนังเรื่อง The Eye 2 ต้องการนำเสนอออกไปนี้ไม่ได้เน้นมุ่งไปที่การเป็นหนังผี หรือเน้นที่แต่ความน่ากลัวอย่างเดียว เพราะตัวหนังมีส่วนของอารมณ์เหมือนกัน ซึ่งจะต้องแสดงออกทางการแสดงในส่วนของเรื่องราวที่เป็นดราม่าพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคาแรคเตอร์ของโจอี้ที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกให้คนดูสัมผัสให้ได้
ความจริงจังของตัวเรื่อง ความนึกคิดและสิ่งที่ตัวละครจะต้องประสบ ทำให้หนังเรื่องนี้ฉันแทบจะไม่ได้แต่งหน้า ซึ่งทางคุณปีเตอร์ ชาน และ โจโจ้ ที่เป็นโปรดิวเซอร์ของหนังกำชับและขอเลยไม่อยากให้ฉันแต่งหน้าด้วย เพราะอยากให้คนดูรู้สึกและมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละครที่ฉันเล่น"
บทโจอี้เป็นบทที่หนักมากที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาหรือเปล่า
"ความยากหรือความหนักของหนังเรื่องนี้ไม่ได้อยู่ที่การที่เราแต่งตัวโทรมๆ หรือไม่ต้องแต่งหน้า แต่ความยากของบทโจอี้ที่ฉันแสดง มันยากตรงที่เราต้องแสดงเป็นคนท้อง แล้วตัวหนังเองมันก็เป็นหนังผีด้วย แต่เป็นหนังผีที่ไม่ใช่มีแต่ความน่ากลัว เพราะมีบทที่เป็นดราม่าที่ตัวโจอี้ต้องถ่ายทอดความรู้สึกออกมา กับเหตุการณ์ที่น่ากลัวที่เขาต้องเจอเข้ากับตัวเอง จึงต้องมีการแสดงออกทางการแสดงที่มากกว่าปกติ ความยากอยู่ที่เราเองต้องหาจุดทางการแสดงที่มันออกมาเหมาะสมให้ดูไม่มากจนเกินไป แต่ต้องทำให้คนดูจับต้องไปกับความรู้สึกที่ตัวละครรู้สึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่ตัวละครที่เราแสดงต้องเผชิญ"
รู้สึกอย่างไรบ้างกับการที่ได้ร่วมงานกับ อ๊อกไซด์ และ แดนนี่ แปง
"รู้สึกประทับใจทั้งตัว อ๊อกไซด์ และ แดนนี่ เพราะเขาเป็นผู้กำกับที่มีความตั้งใจในการทำงานสูงมาก และที่สำคัญเขามีความรู้ทางด้านองค์ประกอบของภาพ สี แสง ของหนัง รู้สึกว่าเขาเก่งและเชี่ยวชาญทางด้านนี้มาก เวลาทำงานเขาจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร"
การที่ได้ร่วมงานกับ ติ๊ก เป็นอย่างไรบ้าง
"คุณติ๊กเป็นคนใจดี และมีความตั้งใจในการทำงานมากๆ แต่เท่าที่ตัวฉันสังเกตทุกครั้งที่เห็นเวลาคุณติ๊กมาทำงาน จะรู้สึกเหมือนกับว่าเขานอนไม่ค่อยพอ แสดงว่าคงจะทำงานหนักมากเหมือนกัน ส่วนตัวรู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้ร่วมงานกับคุณติ๊ก เพราะคุณติ๊กน่ารักและเป็นคนดีมากด้วย เวลาแสดงจะอินกับบทมากๆ และแสดงเก่งด้วย ส่วนเรื่องความต่างของภาษาไม่มีปัญหาอะไร เพราะจะคุ้นกับการที่ทำงานกับคนที่ภาษาต่างกันอยู่แล้ว กับคุณติ๊กเองถึงแม้ว่าตอนถ่ายกล้องจะไมได้จับที่คุณติ๊ก คุณติ๊กก็จะส่งอารมณ์ให้ตลอดทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการส่งอารมณ์เลย"
คิดว่าติ๊กเซ็กซี่ไหม
"แน่นอนค่ะ เค้าได้ถูกเลือกเป็นนักแสดงชายที่เซ็กซี่ที่สุดในปีนี้ไม่ใช่หรือคะ"
ทำงานร่วมงานกับติ๊กยากไหม
"ยากมากค่ะ เพราะคุณติ๊กหล่อมาก กลัวจะแสดงไม่ได้ (หัวเราะ)"
ร่วมงานกับ ยูจินเนีย เป็นอย่างไรบ้าง
"ยูจินเนียเป็นคนที่น่ารักมาก ตอนที่ถ่ายหนังเรื่อง The Eye 2 คอของยูจินเนียมีปัญหา แต่เธอก็มีความพยายามและตั้งใจในการทำงานสูงมากๆ โดยที่ไม่ได้คิดถึงว่าตัวเองกำลังมีอาการปวดหรือเจ็บที่คอเลย เป็นคนที่ขยัน ตั้งใจในการทำงาน และนิสัยดีมากๆ"
มีความประทับใจอะไรในระหว่างการถ่ายทำที่เมืองไทยบ้าง
"ชอบทีมงานไทย รู้สึกชอบคนไทย ที่ดูท่าทางใจดี มีความรู้สึกว่าคนไทยยิ้มตลอด เวลาที่ฉันรู้สึกอารมณ์ไม่ดีหันมาเห็นคนไทยเวลายิ้ม ก็ทำให้ตัวเราเองรู้สึกดีขึ้นมากเลย"
เคยเจอเหตุการณ์ชวนระทึกระหว่างการถ่ายทำบ้างหรือเปล่า
"อาจจะมีบ้าง แต่อาจจะเป็นเพราะว่าบางครั้งตัวเราเองอาจจะอินกับบทบาทที่แสดงมากเกินไปก็ได้ อย่างนั่งๆ อยู่ก็รู้สึกว่าขนลุกขึ้นมา ซึ่งมันก็มีบ้าง"
ฉากที่คิดว่าถ่ายทำยากที่สุดในเรื่อง
"ยากทุกฉากเลย เพราะอย่างที่บอกบทที่เราเล่นจะต้องมีการแสดงออกทางความรู้สึกค่อนข้างสูง ไม่ว่าจะเจอกับเหตุการณ์หรือเรื่องราวต่างๆ ที่ตัวละครต้องเผชิญทั้งๆ ที่อธิบายได้และที่อธิบายไม่ได้ รวมทั้งความรู้สึกของตัวละครเองที่ต้องการจะฆ่าตัวตาย สำหรับการทำงานในช่วงแรกโดยส่วนตัวคิดว่ายาก เพราะในช่วงแรกๆ จะต้องปรับตัวให้เข้ากับรูปแบบหรือวิธีการทำงานกับอ๊อกไซด์และแดนนี่ ซึ่งเป็นผู้กำกับทั้ง 2 คน เพราะก่อนหน้านี้เราเองก็ไม่เคยร่วมงานกับผู้กำกับทั้ง 2 คนนี้มาก่อน ต้องมาปรับตัวให้เข้ากับตัวผู้กำกับและการทำงาน จนเริ่มรู้สึกคุ้นเคย พอปรับตัวได้แล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร การทำงานก็ราบรื่นด้วยดี"
มีวิธีการเตรียมตัวอย่างไรมาก่อนการมารับบทโจอี้
"ก็ไปฝึกภาษากวางตุ้งให้เก่งกว่านี้ แล้วก็มีไปเรียนรู้ศึกษา ประสบการณ์ ในการที่จะต้องแสดงเป็นผู้หญิงท้องว่าจะต้องทำอย่างไร รวมทั้งปรึกษาจากคนที่เคยตั้งท้องมาก่อนจากญาติๆ หรือคนที่รู้จักว่าปกติเวลาคนตั้งท้องจะเป็นอย่างไร มีวิธีการเดิน มีลักษณะท่าทาง อาการต่างๆ เป็นอย่างไรบ้าง มีการแสดงออกทางความคิดความรู้สึกเป็นอย่างไร"
ซูฉีกลัวผีไหม
"เวลาทำงานเสร็จแล้วไม่อยากให้ถึงกลางคืนเลย จะกลัวมาก เพราะจะนอนไม่หลับ"
พูดถึงการ่วมงานกับ ปีเตอร์ ชาน
"รู้สึกดีใจที่ได้ร่วมงานกับคุณปีเตอร์ จำได้ว่าในช่วงที่ฉันยังไม่ได้เข้าวงการ คุณปีเตอร์เป็นผู้กำกับชื่อดังมากๆ แต่ตอนนี้คุณปีเตอร์ ชาน ผันตัวไปทำหน้าที่ในส่วนของการโปรดิวเซอร์เต็มตัว คือถ้าในอนาคตข้างหน้าคุณปีเตอร์ ชาน กลับมาทำงานในฐานะผู้กำกับอีก ก็อยากที่จะร่วมงานกับคุณปีเตอร์ในฐานะผู้กำกับเหมือนกัน"
รู้สึกพอใจในการทำงานเรื่อง The Eye 2
"ถ้าพูดถึงความแตกต่างระหว่างภาค 1 และภาค 2 โดยส่วนตัวต้องขอชมตัวผู้กำกับทั้ง 2 ว่าเก่งมาก เพราะเดิมฉันคิดว่าทั้ง 2 ภาคคงไม่ต่างกันมาก คงทำออกมาคล้ายๆ เดิม แต่กลับกลายเป็นว่า ภาค 2 ทำออกมาต่างกันเลย ผู้กำกับเก่งมาก สามารถทำภาค 2 ออกมาได้น่าสนใจมากและต่างจากภาคแรกเลย เชื่อว่าถ้าทุกๆ คนที่ได้ดูภาค 2 จะต้องมีความรู้สึกเซอร์ไพรส์อย่างแน่นอน"
รู้สึกอย่างไรถ้าเกิดกลายเป็นหญิงสาวที่สามารถมองเห็นผีได้จริงๆ
"ถ้าเป็นไปได้ ไม่อยากเลยค่ะ"
อยากฝากบอกอะไรคนที่กำลังรอชม The Eye 2
"อยากให้คนไทยทุกคนได้มาชมภาพยนตร์เรื่อง The Eye 2 มากๆ เลยค่ะ และอยากให้ทุกคนชอบเหมือนกับที่ตัวเองชอบในบทและตัดสินใจเล่น แล้วก็มาดูการแสดงเพราะตั้งใจมาก ตอนนี้ไม่ได้มีงานอย่างอื่น มีเพียงเรื่องนี้เรื่องเดียว คิดว่าต้นปีนี้คงได้ดูกัน ขอบคุณค่ะ"