รายชื่อภาพยนตร์อนิเมชั่นที่ผ่านโค้งแรกลุ้นรางวัลออสการ์
โค้งแรกออสการ์ดูท่าจะไปได้สวยสำหรับค่ายดิสนีย์ ที่นอกจากปลาการ์ตูนน้อยนีโมจะผ่านด่านแรกของออสการ์ไปแบบฉลุยแล้ว ยังพาการ์ตูนน่ารักอีกสามเรื่องตามเข้ามาด้วย จากการประกาศรายชื่อภาพยนตร์อนิเมชั่นที่มีสิทธิเข้าลุ้นออสการ์
เป็นไปตามความคาดหมาย สำหรับปลาการ์ตูนสีส้มตัวน้อยใน Finding Nemo จากค่าย พิกซาร์/ดิสนีย์ ที่นอกจากจะเปิดตัวได้อย่างสวยงามในอเมริกาแล้ว ยังกวาดรายได้ขึ้นเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นทำเงินสูงสุดตลอดกาลไปเรียบร้อยด้วยรายรับ 334 ล้านเหรียญ ขณะที่ยอดขายแผ่นดีวีดีก็ขึ้นทำเนียบภาพยนตร์ขายดีไปแล้วเช่นกัน และล่าสุดเป็นเต็งหนึ่งในการเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์อนิเมชั่นยอดเยี่ยมครั้งที่ 76 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 29 ก.พ.ที่จะถึงนี้ด้วย
โดยในปี 2003 ถือว่าเป็นปีที่รุ่งสุดๆ สำหรับเจ้าพ่อวงการการ์ตูนอย่างค่ายดิสนีย์เลยทีเดียว เพราะนอกจากภาพยนตร์หลายเรื่องจะกวาดเงินถล่มทลาย ทั้งยังมี นีโม มาเป็นเต็งหนึ่งบนเวทีระดับโลกแล้ว ยังพาอนิเมชั่นอีกสามเรื่อง ได้แก่ หมีน้อย Brother Bear ที่จูงมือหนุ่มน้อยเมาคลีใน The Jungle Book 2 มากับหมูน้อยสีชมพู Piglet's Big Movie เข้าร่วมชิงชัยกับเขาด้วย
ส่วนคู่แข่งตัวฉกาจอย่าง วอร์เนอร์ บราเดอร์ส ได้ Looney Tunes: Back in Action มาเป็นตัวชูโรง ตามด้วยเรื่อง Pokemon Heroes จาก มิราแม็กซ์ ขณะที่ค่าย พาราเม้าท์ ส่งครอบครัวพิคเกิ้ลและธอร์นเบอร์รี่ใน Rugrats Go Wild มาล่ารางวัลด้วย
ด้านการ์ตูนจากญี่ปุ่นก็ยังเป็นที่น่าจับตามอง เมื่อผู้กำกับมือเก่ง ซาโตชิ กอน กลายเป็นหนุ่มคนแรกที่พาภาพยนตร์ของตัวเอง รับสิทธิล่ารางวัลบนเวทีออสการ์ในรอบรองชนะเลิศถึงสองเรื่องในครั้งและสาขาเดียวกัน จาก Millennium Actress ที่สร้างงานกับค่าย ดรีมเวิร์คส์ และ Tokyo Godfather ที่เปิดตัวกับค่ายเล็กๆ อย่าง Samuel Goldwyn/IDP
อีกสองเรื่องที่หอบความหวังจากบ้านเกิดเมืองนอนมาหวังเข้าชิงออสการ์รอบสุดท้าย เป็นอนิเมชั่นสัญชาติฝรั่งเศสเรื่อง The Triplets of Belleville ค่าย โซนี่ พิกเจอร์ส ปิดท้ายด้วยการ์ตูนจากเยอรมัน Jester Till หรือชื่อภาษาถิ่น Till Eulenspiegel
อย่างไรก็ตาม ทั้ง Tokyo Godfathers, The Triplets of Belleville และ Jester Till เกือบโดนตัดสิทธิไป เนื่องจากทีแรกกำหนดวันฉายหลังปีใหม่ แต่ภาพยนตร์ที่จะได้รับการพิจารณาต้องเป็นภาพยนตร์ที่เข้าฉายก่อนวันที่ 31 ธ.ค. 2546 จึงได้มีการเปลี่ยนแปลงไปเรียบร้อย โดย Triplets เพิ่งเข้าฉายไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะที่ Jester และ Tokyo พร้อมฉายในวันที่ 5 ธ.ค. 46
ส่วนรายที่อกหักอย่างแรงเห็นจะเป็น Sinbad: Legend of the Seven Seas จากค่ายดรีมเวิร์คส์ ที่แม้จะได้เสียงพากย์เก๋ๆ จากทั้ง แบรด พิตต์, แคเธอรีน ซีต้า-โจนส์ และ มิเชลล์ ไฟเฟอร์ ทว่าก็ไม่ได้ช่วยให้รายได้ถีบตัวขึ้นรอดพ้นจากคำว่าขาดทุนย่อยยับเลยแม้แต่น้อย แถมยังตกรอบแรกของด่านชิงออสการ์อีกด้วย
ทั้งนี้ รางวัลออสการ์สาขาการ์ตูนอนิเมชั่นยอดเยี่ยมถูกเพิ่มครั้งแรกในปี 2001 หลังจากเกิดกระแสการ์ตูนอนิเมชั่นบูมไปทั่วอเมริกา แต่ด้วยตัวเลขภาพยนตร์ที่มีค่อนข้างน้อย ทำให้ทางสถาบันศิลปะและวิทยาศาสตร์การภาพยนตร์ตั้งกฎขึ้นมาว่าต้องมีภาพยนตร์ที่มีคุณสมบัติในการเข้าชิงออสการ์ไม่น้อยกว่า 8 เรื่อง จึงจะเปิดให้มีการแจกรางวัลสาขานี้
โดยคุณสมบัติของภาพยนตร์อนิเมชั่นที่สามารถเข้าชิงออสการ์ได้ จะต้องมีความยาวไม่ต่ำกว่า 70 นาที และมีการใช้ภาพประกอบเป็นอนิเมชั่นไม่น้อยกว่า 75% ของทั้งเรื่อง ส่วนภาพอนิเมชั่นจะเป็นภาพวาดด้วยลายเส้น หรือใช้เทคนิคสต๊อปโมชั่น (ถ่ายทีละภาพในช่วงจังหวะที่ต้องการแล้วนำมาตัดต่อให้เป็นภาพเคลื่อนไหว) หรือจะใช้ภาพจากการสร้างในคอมพิวเตอร์เลยก็ได้
อย่างเรื่อง Looney Tunes: Back In Action เป็นภาพยนตร์ที่ใช้ทั้งนักแสดงจริง ได้แก่ แบรนดอน เฟรเซอร์, เจนน่า เอล์ฟแมน และ สตีฟ มาร์ติน มาพบกับตัวการ์ตูนจากคอมพิวเตอร์กราฟฟิก อาทิ แดฟฟี่ ดั๊ค และบักส์ บันนี่ ซึ่งจากการพิจารณาของคณะกรรมการผู้คัดเลือกภาพยนตร์ พร้อมด้วยสายตาผู้ชมที่เห็นเหล่าลูนีย์ตูนส์ออกมาวิ่งเล่นเกือบทุกฉาก ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งในตัวเลือกหนังเข้าข่ายชิงออสการ์ได้อย่างไม่มีปัญหา
ในปีที่แล้ว มีภาพยนตร์เข้าข่ายถึง 17 เรื่อง ซึ่งทางคณะกรรมการคัดจนเหลือเพียง 5 เรื่องในการโหวตรอบสุดท้าย และก็เป็น Spirited Away อนิเมชั่นจากญี่ปุ่นโดยฝีมือของ ฮายาโอะ มิยาซากิ ที่ได้รางวัลอันทรงเกียรตินี้ไปครอง ขณะที่ยักษ์เขียว Shrek เป็นรายแรกที่ได้สัมผัสรางวัลออสการ์สาขานี้
ส่วนออสการ์ครั้งที่ 76 เรื่องไหนจะผ่านเข้ารอบสุดท้าย รู้กันวันที่ 27 ม.ค. 2547 นี้แน่นอน