นก ทุ่มเทเต็มที่ ฝ่าฝน ลุยน้ำและโคลน ใน จอมขมังเวทย์
เป็นนักแสดงมากความสามารถของวงการบันเทิงไทย สำหรับ นก - ฉัตรชัย เปล่งพานิช ที่ไม่ว่าจะรับบทใด ก็จะได้เห็นการแสดงที่มีคุณภาพด้วยฝีไม้ลายมือระดับแนวหน้าในครั้งนี้ได้รับบทเป็นนายตำรวจ อิทธิ ที่ชีวิตผลิกผันให้ต้องกลับกลายเป็นนักโทษถูกจองจำในคุก กับภาพยนตร์ในแนวทริลเลอร์แอ๊กชั่น จอมขมังเวทย์ จากค่ายอาวอง (ในเครือของ อาร์.เอส.ฯ) ผลงานการกำกับโดย ต้อม - ปิยะพันธุ์ ชูเพ็ชร์ เริ่มเปิดกล้องถ่ายทำตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ฉากหนึ่งของเรื่องนี้ผู้กำกับเลือกใช้บึงเสนาท จ.นครสวรรค์ เป็นสถานที่ในการถ่ายทำ ทีมงานได้สร้างฉากเป็นเรือนไม้ทั้งหลังที่มีหลังคาสังกะสีผุกร่อนด้วยสนิม เพื่อให้สมกับเป็นโรงสีร้างกลางบึงใหญ่ ที่ถูกทีมตำรวจนำโดย อิทธิ รับบทโดย ฉัตรชัย เปล่งพานิช, ธีระศักดิ์ รับบทโดย ทอม ดันดี, ทศพล รับบทโดย ณัฐวุธ เอื้อมพาวนิช สามนายตำรวจที่นำกำลังเจ้าหน้าที่บุกจับกุมคนร้าย โดยต้องเดินเท้าฝ่าสายฝนที่ตกลงมาแถมยังต้องลุยโคลนและสายน้ำในบึง เพื่อเข้าไปยังโรงสีร้างกลางน้ำแห่งนี้ นก - ฉัตรชัย เปล่งพานิช เล่าให้ฟังว่า
"การถ่ายทำฉากนี้ถือว่าเป็นฉากสำคัญของเรื่อง เป็นเหตุการณ์เงื่อนงำที่ทำให้ตัว อิทธิ ต้องเปลี่ยนสภาพจากนายตำรวจ กลายมาเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่าคนตายจนต้องถูกพิพากษาจองจำในคุก เนื่องจากทาง ต้อม ผู้กำกับ ต้องการภาพในบรรยากาศแสงพระอาทิตย์เริ่มขึ้นในตอนเช้า จึงต้องเริ่มการทำงานกันตั้งแต่ตี 4 ทีมงานจึงเริ่มทำงานเซ็ทมุมกล้องบนเพลทฟอร์มความสูง 4 ชั้น เพื่อรอแสงพระอาทิตย์
ซีนแรกที่เริ่มถ่ายเป็นการถ่ายภาพมุมกว้างให้เห็นบรรยากาศทั้งหมดของบึงที่ อิทธิ ฉายเดี่ยว เริ่มเดินลุยน้ำในบึงเป็นระยะทางเกือบกิโล ทีมงานทุกคนถูกสั่งให้ขึ้นมานั่งบนฝั่งทั้งหมด จะเหลือแค่ตัวผมคนเดียวที่ลงไปอยู่ในน้ำ ในมือถือปืนเริ่มเดินลุยน้ำที่สูงท่วมเอว บึงเสนาทที่ใช้เป็นโลเกชั่นฉากนี้ เป็นบึงขนาดใหญ่มีระดับน้ำสูงต่ำไม่เท่ากัน บางช่วงก็ลึก 4-5 เมตร บางช่วงก็ตื้นพอที่จะยืนได้
ตามจินตนาการของ ต้อม ผู้กำกับ ซึ่งเป็นคนเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้เองด้วย เค้าอยากได้ภาพที่อิทธิเดินลุยน้ำท่วมสูงเอว ทีมงานได้เตรียมความพร้อมสถานที่ถ่ายทำ โดยการใช้รถขุดดินตักดินมาถมและเกลี่ยหน้าดินในบึงให้มีความสูงในระนาบเดียวกัน ไม่ใช่เดินถ่ายทำอยู่แล้วจมน้ำหายไปเลย พร้อมทั้งทำเครื่องหมายสัญญลักษณ์ในบริเวณที่มีการเกลี่ยพื้นที่ไว้แล้ว จะได้ไม่เดินออกนอกบริเวณ นอกจากนี้ฝ่ายอาร์ตยังต้องเซ็ทพวกผักตบชวาและพวกพืชน้ำที่ลอยอยู่หน้าบริเวณโรงสีร้างนี้ด้วย
ปัญหาใหญ่ในการถ่ายทำก็คือความยากของโลเกชั่น คือพอเริ่มถ่ายคิวที่ผมเริ่มเดินลุยเข้าไประยะทางเกือบกิโล พอเดินไปถึงหน้าโรงสีผู้กำกับสั่งคัทแล้วแต่เทคแรกยังใช้ไม่ได้ เราต้องเดินลุยกลับมาที่จุดตั้งต้นอีกครั้ง คือเท่ากับใน 1 เทคที่ต้องแสดงต้องเดินลุยไปเพื่อถ่ายทำจริง 1 รอบ แล้วเดินกลับออกจากหน้าโรงสีร้างเพื่อมาที่จุดตั้งต้นที่เริ่มเดินเข้าเฟรมซี่งอยู่ไกลมาก อีก 1 รอบ กว่าจะได้ภาพสวยสมใจผู้กำกับก็ปาเข้าไป 4 เทคสำหรับคัทแรกในภาพมุมกว้างเท่านั้นนะครับ เท่ากับเดินไปเดินกลับถึง 8 รอบ
ต่อมาจึงถ่ายเดินในมุมแคบขึ้น ไปตั้งกล้องอยู่บนเรือแล้วแล่นตามไปด้านข้างและด้านหลัง แถมด้วยฝนเทียมที่โปรยปรายลงมา ทำให้ยิ่งเดินยากขึ้นไปอีกทั้งตัวผม ทั้งผู้กำกับเองและทีมงานทุกคนต้องลงมาทำงานในน้ำกันหมด ทำให้การทำงานเป็นด้วยความทุลักทุเลและเปียกปอนไปตามๆ กัน ทั้งต้องตั้งกล้องถ่ายทำทั้งบนเรือและบนบก ซึ่งกว่าจะถ่ายทำเสร็จของผมคนเดียวก็เกือบเที่ยงวัน ใช้เวลาถ่ายเกือบ 6 ชั่งโมงเลยครับ
หลังจากนั้นก็เป็นคิวของ ทอม ดันดี ที่รับบท ธีระศักดิ์ และ จิมมี่ ณัฐวุธ ที่รับบท ทศพล นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสมทบ ซึ่งต้องเดินลุยโคลนและน้ำในบึงนี้เช่นกัน ปกติต้องเดินไปกลับบนบกหลายรอบหลายกิโลก็แย่แล้ว แต่นี่ต้องเดินในน้ำแถมพื้นยังเป็นโคลน มีบางครั้งรองเท้าที่ใส่จมลงไปในโคลน ทำให้ต้องออกแรงดึงและออกแรงก้าวเดินมากเป็นพิเศษ วันนั้นผมกลับไปบ้านสลบหมดแรงไปเลยเพราะเหนื่อยมาก ถือเป็นฉากโหดฉากหนึ่งเลยทีเดียว แต่จากความตั้งใจของผู้กำกับและทีมงาน ทำให้เราอยากทุ่มเทให้กับหนังเรื่องนี้เป็นพิเศษเลยครับ"