SIAMZONE.COM

หนังดีครับ ผมช้อบ ชอบ ภาพสวยแนวๆดี และโหดมาก คุ้มค่า ให้ 9/10

เป็นหนังที่.. หาดูยากนะคับ
เป็นหนังที่ ไม่สามารถเลียนแบบได้อีกแล้ว เป็นเอกเทศจริงๆ
แต่ ทั้งนี้อาจเข้าไม่ถึงคนดูอีกบางส่วน(หรือคนดูเข้าไม่ถึง) ทำให้หลายคนมองว่าเป็นหนังที่น่าเบื่อไปเลยก็ได้
เนื้อหาในตัวหนัง ค่อนข้างลึกและผ่าเข้าถึงแก่นแท้กมลสันดารของมนุษย์ได้ดี บางฉากค่อนข้างแรง (ไม่ควรพาลูกหลานเข้าไปดูอย่างยิ่ง)
ส่วนตัวแล้วก็ดูได้เรื่อยๆ อารมณ์ไม่ถึงกับเบื่อ แต่ก็ไม่ถึงขีดสุดเท่าไร โดยรวมก็ถือว่าชอบนะ ไม่เสียดายเงิน แต่อาจถูกเนื้อหาของหนังนำพาไป ให้นึกถึงโลกความจริงใกล้ๆตัว ทำให้หดหู่ในบางช่วง
ซึ่งผิดไปกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ที่มักพาเราหลุดพ้นออกจากโลกความจริง (ซึ่งแม้ว่า ธีมเรื่องจะอยู่ในโลกความจริง แต่ก็มักจะอยู่ไกลจากวิถีชีวิตคนทั่วๆไป)
ถ้าให้คะแนน ในแง่คุณค่าของหนัง ผมให้ 8.5/10
ถ้าในแง่ความบันเทิงส่วนตัว ให้ 7.5/10 ครับ

ปล. นานๆทีจะมีหนังที่ได้ rating เยอะขนาดนี้ในเวป imdb นะ (มากกว่า8) แต่ในไทยกลับ rating ไม่ดีเท่าไรแฮะ

หนังสุดยอด มีปรัชญาสอดเข้ามาตลอดแทบทั้งเรื่องเลย พูดคำที่เสียดสี ประชดประชันที่สื่อถึงสังคมรวมถึงความนึกคิดของมนุษย์และสันดานดิบในใจของมนุษย์ นั้นแสดงออกมาได้ดีเยี่ยมมากๆ ดูจบแล้วรู้สึกดีมากๆเลย ถ้าเต็ม 10 ผมคงให้ 9.5/10

ชอบทุกอย่าง โดยเฉพาะบทพูดคนเขียนคิดได้ไง..โดนเฉพาะจอนจำลองคำพูดนักฟิสิกส์อธิบายปรากฏต่างๆ ได้ยอดเยี่ยมเป็นทั้งปรัชญาและความเป็นจริงเชิงประจักษ์....ผมดูแล้วนั่งคิดตามทฤษฏีการให้เหตุผลเชิงจริยธรรม (ทฤษฏีพัฒนาการทางจริยธรรมเดิม) ของ Kohlberg แล้วทำให้อึดอัดจริงๆ

แนะนำให้ดู Watchman ฉบับการ์ตูนดูนะครับ ผู้สร้างพยายามทำให้อิงจากต้นฉบับการ์ตูนแบบครบถ้วนเลย นับว่าเป็นภาพยนต์ที่สร้างมาได้อิงจากต้นฉบับการ์ตูนได้อย่างดีเยี่ยมเลยครับ โดยปรับเฉพาะรูปแบบให้ดูทันสมัย ขนาดมุมกล้องหลายๆมุมยังเหมือนที่ดูในช่องของการ์ตูนเลย
รับรองว่าลองหามาดูก่อนไปดูจะได้อรรถรสเพิ่มขึ้นมากครับ
ปล.ตอนท้ายในการ์ตูนแต่ละตอนที่เล่าถึงฮี่โร่ในอดีตคือที่ในหนังเอามานำเสนอตอนต้นที่เป็นภาพถ่าย

ส่วนตัวแล้ว ค่อนข้างประทับใจกับเรื่องนี้ครับ ตัวหนังก็ระบุไว้แล้วว่าควรจะอายุ 20 ถึงจะดี พูดถึงตัวหนังค่อนข้าง"หนัก"เอาการอยู่ ใครที่หวังจะไปดู ฮีโร่ กระโดดต่อย คงต้องผิดหวังตามๆกัน...เพราะ Watchmen ไม่ได้มีแนวทางแบบนั้นเลย วายร้ายในเรื่องเป็นเพียงคนทั่วๆไป หรือ โจร ฆาตกร ที่ใส่หน้ากาก เฉกเช่น เดียวกับ เหล่าฮีโร่ ที่ไม่ได้ต่างอะไร กับมนุษย์ปุถุชน ธรรมดา เนื้อหาจึงไม่ได้นำเสนอถึงความพิเศษของเหล่าฮีโร่ จนเกินงาม แต่กลับเสนอถึง "ชีวิต"ของฮีโร่เหล่านั้นแทน จีงนับว่า WatchMen เป็นหนังฮีโร่ ที่ผมถูกใจเรื่องนึง หากถามว่า คล้ายกับ The Dark Knight ไหม ผมคิดว่าก็ไม่ได้ผิดนัก เพราะการดำเนินเรื่อง ก็ออกไปเช่นเดียวกัน แต่ต่างกันตรงที่ เนื้อหาอาจจะหนักกว่า มนุษย์ค้างคาว ของเราอยุ่หลายขุม อีกทั้งความซับซ้อนของตัวละคร ก็มากกว่า ส่วนตัวให้ 8.5/10

ไปดูมาแล้วครับวันนี้ (อาจมีสปอย นะจ้ะ)

เนื้อเรื่องดำเนินเรื่องได้ดี อาจจะมีบางช่วงที่น่าเบื่อบ้าง บางช่วงที่เน้น ความรัก ของ ไนท์กับจูปิเตอร์ ซึ่งบางช่วงอาจยืดไปหน่อย แต่ระหว่างที่ดำเนินนั้น ตัวหนังได้แฝงแนวคิดปรัชญาแฝงลงไปกับตัวหนัง(ซึ่งบางคนออกจะงงๆๆ) เกี่ยวกับ ชีวิต ของคน ความเป็นจริงของสังคม บางคนตั้งความฝันว่าจะอยู่ในสังคมที่ดีเลิศ แต่ความเป็นจริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ดังเช่นฮีโร่ ออกมากำจัดวายร้าย ก็มีคนอีกพวกนึงออกมาต่อต้านหาว่าใช้ศาลเตี้ย มีฉากนึง ที่ ไนท์อาล กับ คอมเมเดี้ยน ลงไปปราบม็อบที่ต่อต้านพวกฮีโร่ ไนท์พยายามเกลี้ยกล่อมให้อยู่ในความสงบ แต่ไม่เป็นผล แต่ตัวคอมเมเดี้ยน ลงไป ใช้กำลังกับม๊อบ อย่างป่าเถื่อน แต่ผลที่ได้ ม็อบกลับสลายตัว เฉกเช่นเดียวกลับผลสรุปในตอนท้าย ต้องเสียสละส่วนนึงเพื่อแลกกับส่วนนึง ซึ่งมี คนที่เห็นด้วย (ดร แมนฮัตตัน) ไม่เห็นด้วย (รอแช็ค) กับคนที่ก้ำกึ่ง ทั้ง 2 ข้าง (ไนท์อาว)

มีคำนึงที่ ดร แมนฮัตตัน พูดว่า ผมสามารถเปลี่ยนรูปทรง สสาร ได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนสันดานคนได้ ทุกคนล้วนจะต้องพบ ความเลวร้ายอันนั้น ซึ่งเกิด จากความชั่วร้าย ของมนุษย์ด้วยกันเอง ถ้าคำจำกัดความ ว่าฮีโร่ มีสองตัวละครจะค่อนข้างเด่นชัดสุด รอแช๊ค กับ ดร แมนฮัตตัน คนแรก ยอมที่จะต่อสู้กับความจริงและสิ่งถูกต้อง แม้จะแลกกับชีวิต ก็ยังมุ่งมั่นกับความถูกต้อง ส่วน คนหลัง ยอมที่จะเป็นคนผิด เพื่อ ให้โลก สงบสุข (จะคล้ายๆๆกับ บทสรุปแบทแมน ดาร์คไนท์)

ถ้าใครคิดว่าจะไปดูเอามัน หนังฮีโร่จ้า ก็ไม่ควรไปดู สำหรับคนที่เข้าใจตัวบทยากๆๆ(แต่อยากดู)แนะนำพากย์ไทย อืมลืมบอก หนังยาวนะ

หนังอะไรก็ไม่รู้ดูไม่รู้เรื่อง คำศัพท์ที่เค้าแปลออกมา ก็งงมากๆเลย
เราดูเป็นแบบ subtitle นะ แบบอะไรก็ไม่รู้ ไม่เข้าใจเลย
มันจะคล้ายๆกันดั้มตรงที่ทำให้คนอื่นเกลียดเรา เค้าจะได้สามัคคีกัน
หนังเรื่องนี้จะดูไม่รู้เรื่องเลย จนกว่าคุณจะดูจบ แต่เราทนไม่ไหวจริง คือคิดว่าดูมาซักชั่วโมงกว่าๆ
แต่เพื่อนบอกว่า เฮ้ยแก เพิ่งผ่านมา 45 นาทีเอง แทบกลั้นใจตาย
ทนไม่ไหวจริงๆเลยเดินออกมาจากโรง เลยดูไม่จบ เลยไม่รู้ว่าจบไง
แต่เราดูถึงที่ผู้หญิงมันกลับบ้านหลังจากไปปิรามิดแล้วอ่ะ

ส่วนตัวเลย เราไม่ชอบเรื่องนี้ โอเค มันมีตอนโหดๆหลายตอน แต่คือมันเข้าใจยาก

เปิดฉากแรกก็งง พอยิ่งดูก็ยิ่งงง ตอนกลางเรื่องถึงใกล้ๆจะจบถึงจะเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองฉลาดขึ้นนิดนึง คือเริ่มเข้าใจมากขึ้น

ใครก็ตามที่จะไปดูหนังเรื่องนี้ บอกได้เลยว่ามันค่อนข้างเครียด ถ้าจะพักผ่อนหย่อนใจก็ไปดูเรื่องอื่นเห๊อะ ด้วยความหวังดี

ไปดูมาแล้ว...เป็นหนังเรืองแรกที่อยากเดินออกจากโรงมากที่สุด เนื้อหาพอเข้าใจบ้างแต่หนังตัดสลับไปมา ไม่รู้ใครเป็นใคร ต้องดูสักพักถึงจะจำตัวละครได้ และใช้คำพูดที่ฟังยาก ไม่เข้าใจว่าต้องการสื่ออะไร ดูไปก็ลุ้นไปว่าเมื่อไหร่จะจบซักที จนถึงตอนที่ Dr.manhatton พูดว่า เช็ดน้ำตาแล้วกลับบ้านกันเหอะ...นั่นแหละ ใช่เลย อยากจะเช็ดน้ำตา(ด้วยความผิดหวัง) แล้วเดินออกจากโรงไปเลย ใครว่าไงไม่รู้แต่เราเสียดายตังค์

เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีมากที่สุดเรื่องหนึ่งที่เคยดูมา และมีความแตกต่างจากหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นมากๆ คนที่ต้องการดูแต่แอ็คชั่นเอาสนุกจะผิดหวัง แต่คนที่ดูแล้วพยายามแกะนิยามต่างๆจากตัวหนังจะต้องชอบมากๆเหมือนผม
หนังวางเรื่องในช่วงสงครามเย็นระหว่างอเมริกากับรัสเซียและถ่ายทอดบรรยากาศความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างสองประเทศแบบผสมปนเประหว่างความเป็นจริงกับจินตนาการ แต่ก็นำเสนอออกมาได้ลื่นไหลและลงตัว
สิ่งผิดแผกไปจากหนังซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นมากๆก็คือการให้ตัวละครซูเปอร์ฮีโร่ทุกตัวนั้นมีมิติที่ค่อนข้างมื่นหม่น เพราะคนแต่งเรื่องนี้คงจะมีแนวคิดที่ค่อนข้างดาร์คมากๆเกี่ยวกับมนุษยชาติ สิ่งที่หนังต้องการจะสื่ออย่างจริงจังก็คือมนุษย์อาจจะไม่ได้เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีคุณค่าพอที่ควรจะรักษาเอาไว้ในจักรวาลอันนี้ มนุษย์เกิดมามีสันดารของความชั่วร้าย ความโหดร้ายของชีวิตไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ตราบใดที่มนุษย์ยังมีอยู่บนโลก มนุษย์ยังเกิดมากพร้อมกับความกลัว ซึ่งก็ไม่ได้กลัวอะไรไปมากกว่าความชั่วร้ายของมนุษย์คนอื่นเท่านั้น ที่สำคัญตอนจบของหนังถ้าเราตีความให้ดี สิ่งที่หนังต้องการจะสื่อก็คือ ความสงบเกิดขึ้นได้เมื่อทั้งสองฝ่ายเลิกทำสงความและหันมาจับมือ แต่การมาเป็นมิตรก็เพียงเพื่อที่ได้รู้สึกแข็งแกร่งกว่าศัตรูฝ่ายอื่นๆ ซึ่งถ้าเรามาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์บ้านเมืองต่างๆ เราก็จะรู้ว่ามันเป็นความจริงมากๆ....
ดูเรื่องนี้เสร็จแล้วไม่ถึงกับหดหู่ แต่ไม่คิดว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มาจากการ์ตูนจะตีความได้ลึกซึ้งขนาดนี้