วิจารณ์ Watchmen
-
AmandialuSmash!
(เลขที่ 169704)
เมื่อ 13 มี.ค. 52 19:02
คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น ในมุมมองของผมนะครับผมว่าผมไม่เข้าใจที่หนังจะสื่อให้คนดูนั้นเข้าใจว่าประเด็นของมันคืออะไรกันแน่ เดี๋ยวก็วกๆวนๆกับ การตายของเดอะคอมมิเดี้ยน สุดท้ายหนังก็สรุปออกมาแค่ว่า ลอรี่พ่อของเธอคือ.........แค่นั้นซึ่งผมเดินออกจากโรงด้วยความที่ยังไม่เข้าใจเลยว่าเรื่องราวทั้งหมดมันเป็นอย่างไร
ปล. รู้สึกผิดหวัง(กับที่ได้คาดหวังเอาไว้) เห็นว่าในอเมริกานั้นเปิดตัวด้วยรายรับอันดับหนึ่งหนิครับ ยินดีด้วยล่ะกันหนังคงจะถึงร้อยล้านในไม่ช้า เพราะอาศัยชื่อจากผู้กำกับ 300 -
venerator
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 13 มี.ค. 52 00:39
คิดว่าหนังคงมีภาคต่อนะครับ... เชียร์ให้มีนะ ยังไงก็จะติดตามแน่นอน (ผมคนนึงแล่ะที่จะไม่พลาด!) เพราะเท่าที่เห็น หนังแค่นำเสนอประวัติคร่าวๆของซุปเปอร์ฮีโร่แต่ละคนเองนะครับ.... (ล่อไปเกือบทั้งเรื่อง) 555+
-
moviehardy
(เลขที่ 220552)
เมื่อ 13 มี.ค. 52 00:17
" 8.5/10 "
มันไม่ใช่หนังแนวSuperHeroจ๋าครับ
แต่มันเป็นหนังแนวสืบสวนสอบสวนที่ดูสนุกเรื่องหนึ่ง
(+สอดแทรกประเด็นทางการเมือง,ความสามัคคี และเรื่องที่เกิดขึ้นจริงๆ ณ ปัจจุบันในโลกนี้ได้อย่างแยบคาย)
ทุกตัวละครก็เปรียบเหมือนนิสัยของคนแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไปในสังคม แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า..หนังกำลังพูดถึงลักษณะนิสัย+ประวัติความเป็นมาของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่(หรือในที่นี้คือคนในสังคม)ที่เป็นแบบนั้นจริงๆ ฉากActionอาจมีน้อยไปนิด(นับฉากได้) แต่สำหรับ'ผม' ถือว่าโอเค เพราะชอบประเด็นที่หนังต้องการตีแผ่มากกว่า งานด้านภาพCG, เพลง+ดนตรีประกอบ.. โดยรวมถือว่าใช้ได้ (ชอบเพลงประมาณหนึ่ง) -
นำแข็งที่ไม่ละลาย
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 11 มี.ค. 52 12:52
หนังดูเพลินดี ไม่อึดอัดหรืออืดอาดเหมือนที่คิดหรือฟังคำวิจารณ์(อย่าเพิ่งรีบเชื่อ) ผมดูแบบพากย์ไทยก็สนุกไปอีกแบบ (ดีที่ไม่ใช่ทีมพันธมิตร) ตัวละครทุกตัวมีแง่คิดและปมความหลังที่เจ็บปวดทำให้หนังดูมีความเป็นธรรมชาติมีความตัวคนไม่ใช่แบนและแห้งเหมือนหนังซุปเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นที่มีแต่ความเก่งกาจ ส่วนในเนื้อหาก็ไม่เห็นมันจะหนักหรือซีเรียสอะไรมากมาย อาจเป็นเพราะผมเติบโตและเคยฟังข่าวเกี่ยวกับสงครามเวียดนามหรือสงครามเย็น ทำให้เข้าใจเหตุการณ์ได้ไม่ยาก ทุกวันนี้ก็ไม่เห็นมีอะไรแตกต่างแค่เปลี่ยนประเทศที่มีปัญหาจาก สหรัฐกับโซเวียด มาเป็นปัญหาระหว่างอิสราเอลกับปาเลสสไตล์ ความรุนแรงก็ธรรมดามที่น่าตื่นเต้นก็แค่ฉากโดนฟันหัวเท่านั้นเอง พวกแขนหัก ขาหักก็เห็นกันในหนังฝรั่งบ่อยๆ บทบู๊ไม่ต่างกับเรื่องเมตริกเลย (ดูจริงจังและเข้มข้นมากกว่าซะอีก) ถ้าเทียบหนังแบบเรื่องต่อเรื่องเลยนะ หนังเรื่อง Watchmen ไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดผมกลับผมว่า เรื่องแฟนแทสติกโฟร์ ยังน่าเบื่อกว่าอีก(ตัวซิลเวอร์เซฟเวอร์แทบไม่มีประโยชน์ในเรื่องหรือจุดขายเท่า ดร.แมนฮัตตันเลย) X-men ดูๆ ก็มีวูฟเวอร์ลีน เพียงตัวเดียวเองที่มีเรื่องราวน่าสนใจ ผมว่าเรื่องดาร์กไนท์ (แบทแมน) เนื้อเรื่องยังหนักกว่าซะอีก
-
ppkk
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 11 มี.ค. 52 09:45
ถ้าพูดถึงเนื้อเรื่องหนัง ก็เป็นมุมมองที่ดี แฝงปรัญญา เยอะมาก
แต่หนังแบบนี้ มีไม่ต้องเยอะมาก มีนานๆสักเรื่องดีแล้ว -
exact
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 10 มี.ค. 52 11:50
ก็ต้องยอมรับนะว่า หนังให้แง่คิดของมนุษย์ได้ดีมาก เป็นมุมมองที่ยังไม่เคยเห็นในหนังเรื่องใดมาก่อน ต้องบอกว่าเขากล้ามาก ... อีกเรื่องคือการตีแผ่เบื้องหลังของเหล่าซุปเปอร์ฮีโร่ ว่าแท้จริงเขาไม่ได้ดีอย่างที่เห็น .... ซึ่งจะบอกว่าการตีแผ่เบื้องหลังของซุปเปอร์ฮีโร่ไม่ใช่ว่าจะมีเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก จะมาบอกว่าเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นความแปลกใหม่ ผมว่าคงไม่ถูกมากนัก ... อาจจะแปลกใหม่ตรงที่มีหลายตัวมาอยู่ร่วมกัน ทำให้เห็นถึงความขัดแย้งกันในกลุ่ม ซึ่งก็ไม่ได้ต่างกับคนทั่วไปเลย กลายเป็นแค่กลุ่มคนใส่หน้ากากทะเราะกันก็เท่านั้น .... หลายฉากดูแล้วก็กดดันในความรู้สึกที่หนังต้องการให้เป็น กับการตัดสินใจ บางทีคำว่าผิดกับถูกมันห่างกันแค่คืบ จะเห็นคนดีเป็นคนเลว คนเลวกลายเป็นคนดีก็งานนี้
การดำเนินเรื่องของหนัง สิ่งที่เขาพยายามบอกเล่าเรื่องต่างๆ บางคนบอกว่า เป็นความแปลกใหม่ในการเล่าเรื่อง ถูกครับว่าแปลกใหม่ ดูแล้วก็เข้าใจนะไม่ใช่ไม่เข้าใจ แต่ ... ต้องดูว่ามันได้เรื่องรึเปล่า การนำเสนอแบบนี้มันเข้าข่ายออกนอกเรื่องมากไปไหม หนังยาวถึง 163 นาที สิ่งที่เขาพยายามยัดเยียดให้คนดู มันจำเป็นต้องรู้แค่ไหน ย้อนเยิ้นเย้อยืดยาวไปไกลมากๆ คือมันเสียเวลาที่ต้องมานั่งดู ถ้าเรียกว่าความแปลกใหม่ก็ถูกครับ แต่ไม่ชอบ มันเสียเวลามากกก ...
ว่าถึงความเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ ว่าเขาจะมีอะไรพิเศษกว่าเราๆท่านๆหรือไม่ ผมนั่งดูก็พยายามรอคอยแต่แล้วก็ผิดหวังมากๆ อย่างนางเอกของเรื่องเหมือนนักมวยปล้ำหญิงคนนึงที่เตะต่อยได้ ก็เท่านั้น และอีกหลายตัวที่ดูหมิ่นเหม่กับคำว่าซุปเปอร์ฮีโร่กับอาชญากรระดับโลก .... หากหวังจะมาดูซุปเปอร์ฮีโร่ ยอดมนุษย์ต่อสู้กันเพื่อกู้โลก ผิดหวังครับ อย่ามาดูเลยครับ
เรื่องภาพ ก็ทำได้ดูหม่นหมองดีมาก ภาพสื่อถึงปัญหา ความมืดหม่น ครอบงำ อยู่ตลอดเวลา ... ดีที่มีสีฟ้าของ ดร.แมนฮัตตัน มาเบรกหน่อย ส่วนฉากที่รุนแรง ต้องขอบอกว่ารุนแรงมากทีเดียว เด็กๆ ที่เห็นชื่อแล้วอยากไปดู ต้องขอเบรกไว้หน่อยนะครับ เพราะฉากสยดสยองมากทีเดียว
เรื่องการเซ็นต์เซอร์ มีให้เห็นอยู่ตลอด ก้ไม่เข้าใจนะว่าทำไมต้องเซ็นต์เซอร์ขนาดนั้น มันเสียอารมณ์มาก
หากพ่อแม่คิดจะพาเด็กๆมาดูหนังซุปเปอร์ฮีโร่ ขอร้องเลยครับ เปลี่ยนความคิดซะตอนนี้ ... ถ้าเด็กได้ดูเรื่องนี้ เขาอาจจะสับสนในชีวิตได้ว่าถูกกับผิด อะไรคือสิ่งที่เขาควรทำ เพราะฉนั้นเด็กต่ำกว่า 20 ปีไม่แนะนำให้ดูเป็นอย่างยิ่ง ขนาดผมออกมาจากในโรง ยังมีคำถามตามมาว่า ตอนจบที่มันจบแบบนี้นี่มันถูกแล้วเหรอ ... หรือนี่คือสิ่งที่ผู้กำกับต้องการสร้างความสับสนให้กับคนดูและสังคม ว่าถูกกับผิด มันใช้อะไรมาวัดกันแน่!!!
คะแนนผมให้ 6.5/10 -
โอวกุ่ยแซเล้ง
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 9 มี.ค. 52 20:52
แอบมีสปอยนะ!!!!!
Watchmen ไม่ใช่หนัง แอคชั่น ฟัดกันถล่มทลาย! เหมือนหนังฮีโร่อื่นๆ แต่ตัวหนัง จากออกมาในแนวTDK ผสมกับ Sincityตัวหนังออกแนวหม่นๆ ซึ่งเนื้อหาส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับ อาชญากรรม ซึ่งถือเป็นตัวเดินเรื่องของ เรื่องราวต่างๆที่เกินขึ้นในหนัง
ในตัวหนังนั้น มีการบอกเล่าที่มาที่ไป ของตัวละครต่างๆ คล้ายๆ กับการเล่าย้อนกลับไปกลับมา ซึ่งทำได้น่าสนใจ และออกมาคล้ายๆกับหนังเรื่อง Sincity (ซึ่งไม่เหมือนซะทีเดียว) ในการดำเนินเรื่อง ความเป็นไปของหนัง มีความเป็นเฉพาะเป็นของตัวเองสูง ซึ่งคุณจะไม่เจอหนังเรื่องใด ที่มีการเล่า การดำเนิน ในแบบนี้มาก่อนเลย!
ในฉากต่างๆของหนังนั้น มีหลายๆฉากที่มีความรุนแรงสูง(ถึงสูงมาก) ทั้งฉากการฆ่า รวมถึง การมีเพศสัมพันธ์ (ซึ่งทำได้เป็นธรรมชาติมาก) จึงควรจัดกลุ่มอายุ เข้าไปดูด้วย
มันไม่ใช่หนังสำหรับเด็ก นั่นคือเหตุผลว่า เมื่อหนังดำเนินมากลางๆเรื่อง จึงมีเด็กบางส่วนลุกหนีไปจากโรงซึ่งเขาคิดถูก!(สำหรับเขา) เพราะ ตัวหนังมีความยาวเกือบๆ 3ชม.
โดยสรุป
- หนังเรื่องที่มีเนื้อหาที่แหวกแนวมากๆ ทำให้ดูน่าสนใจไม่น้อย
- ฉากแอคชั่นแม้มีน้อย แต่ก็ทำได้ดี มีความมันในระดับนึง
- การดำเนินเรื่องน่าสนใจ แต่ต้องตั้งใจดู เพราะไม่งั้นอาจตามไม่ทัน
- แอฟเฟ็ค CG ยอดเยี่ยม โดยเฉพาะกับตัวละคร ดร.แมนฮัตตัน(โดยเฉพาะตอนบนดาวอังคารและตอนระเบิดเมือง!)
- ฉากจบทำได้เศร้าสะเทือนใจมาก(สำหรับผม) และมันทำให้ผมประทับใจกับบทบาทของ รอร์แชคมากกก
- การแสดง ถือว่าดี (โดยเฉพาะตัวรอร์แชค) ทั้งนี้เนื่องหา บท และเนื้อหา ส่งเสริม
- บทพูด ถือว่า แฝงข้อคิด ปรัชญา การมองโลกของตัวละครต่างๆ ทำได้ดีมากทั้ง รอร์แชค ที่มีความจงเกลียดจงชังมนุษย์ เหมือนมองโลกในแง่ร้าย
ดร. แมนฮัตตัน เพราะเขารู้เรื่องมากเกินไป จึงไม่มีชีวิตจิตใจ ห่างความเป็นคนไปทุกทีเดอะ คอมมาเดี้ยน ที่เลือกจะทำตามใจตนเอง เขาถือเป็นคนที่อิสระอย่างแท้จริง (ดิบอย่างแท้จริง)
- หนังแฝงข้อคิดหลายอย่าง แม้ตัวหนังเรื่องราวจะอยู่ในยุคสมัยก่อน แต่สื่อถึง สังคมในปัจจุบัน อย่างเฉียบคม
- หนังไม่ได้ดูยาก และยังสนุกอีกด้วย (สนุกทั้งเนื้อเรื่องและฉากอันตระการตา)
เป็นหนังที่ดีถึงดีมาก ไม่เสียดายค่าตั๋วเลยแม้แต่น้อย สนุก และได้ข้อคิด แม้หนังจะยาว แต่ผมไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย เพราะหนังทำให้เรารู้สึกไปกับหนังผ่านเรื่องราว ผ่านความคิดของตัวละครต่างๆ Zack synder กับ Watchmen นั้นไม่ทำให้ผมผิดหวังครับ
เต็ม 10 จริงๆจะให้ 10 แต่คงให้ได้แค่ 9 คะแนน เพราะเซนเซอร์ครับ -
beevivace
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 9 มี.ค. 52 16:56
ชอบมากๆ เลยค่ะ มีภาพเก่าๆ เพลงเก่าเพราะๆ ให้ฟัง เป็นหนัง superhero ที่ไม่เหมือนใครดีอะ มีเอกลักษณ์ กระชากอารมณ์ดี มีปรัชญาแทรกด้วย ดีดี ช่วงนี้กำลังเบื่อหนังแบบเดิม ไม่รู้จะดูอะไร ดูเรื่องนี้แล้ว โอเคเลยอะ 9/10 ค่ะ
-
metee22_review
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 9 มี.ค. 52 11:42
เป็นหนังแอนตี้ฮีโรที่ หนัก เครียด และรุนแรงมาก
ไม่เหมา่ะสมกับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และไม่มีวิจารณญาณนะ
ผมชอบวลีเดียวกับที่เพื่อนๆ ได้คอมเมนท์มาก่อนหน้านี้เหมือนกัน
มันเป็นอะไรที่เที่ยงแท้ แน่นอนจริงๆ
ขอแนะนำคนที่คิดว่ากำลังจะไปดู
อย่าหวังว่าหนังจะเป็นแอคชั่น nonstop ที่ดูสนุก หรือตื่นตาตื่นใจกับภาคแอคชั่น (เดี๋ยวจะผิดหวัง) เพราะเป็นหนังโทนมืด ที่เน้นดราม่า เน้นอารมณ์ ความรู้สึก สอดแทรกประเด็นอำนาจ ความขัดแย้่งของมนุษย์
ปล. ผมว่าเดี๋ยวนี้กระแสของมันประเภทนี้ (superhero) มันต้องเป็นแนวๆ นี้ไปหมดละ -
worrakarn
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 9 มี.ค. 52 10:31
หนังดี แต่ไม่สนุก
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
advertisement
วันนี้ในอดีต
- Let Me Inเข้าฉายปี 2010 แสดง Kodi Smit-McPhee, Chloe Moretz, Richard Jenkins
- Vampire Hunter Dเข้าฉายปี 2004 แสดง Hideyuki Tanaka, Ichiro Nagai, Koichi Yamadera
- Unstoppableเข้าฉายปี 2010 แสดง Denzel Washington, Chris Pine, Rosario Dawson
เกร็ดภาพยนตร์
- Badlapur - เป็นภาพยนตร์ที่ไม่ใช่แนวตลกเรื่องแรกที่ วรุณ ธาวาน ผู้รับบท รักฮาฟ แสดง อ่านต่อ»
- Chappie - ชาร์ลโต คอปลีย์ ผู้รับบท แชปปี้ กับผู้กำกับ นีลล์ บลอมแคมป์ เรียนโรงเรียนเดียวกันสมัยมัธยมศึกษา ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกัน ชาร์ลโต จึงร่วมแสดงในภาพยนตร์ทุกเรื่องที่ นีลล์ กำกับก่อนหน้านี้ ได้แก่ District 9 (2009) และ Elysium (2013) อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
For Love or Money ชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีชีวิตที่น่าอิจฉา เพราะเขากำลังจะกลายเป็นเศรษฐี และกำลังจะแต่งงานกับคนรักของเขา แต่ทั้งหมดกลับไม่ได้...อ่านต่อ»