SIAMZONE.COM

ดูมาวันนี้เอง ขอแสดงความเห็นส่วนตัวเป็นข้อๆ ดังนี้ (โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
1. หนังสั้นมากครับ 1 ช.ม. กับ 10 นาที
2. ภาพในเรื่องจะเป็นมุมมองผ่านกล้อง วิดิโอ ทั้งหมด
3. ผมก็ดูภาพยนตร์มามาก แต่เรื่องนี้ดูแล้วมึนจริงๆกับมุมกล้อง บางทีต้องปิดตาบ้าง เพราะมึนจริงๆ รู้สึกเหมือนตอนดื่มเหล้าแล้วมึนน่ะ
4. ดูหนังไม่ค่อยจะมีแก่นอะไรเลย มันดูเหมือน.... ง่ายๆเกินไป ไม่ค่อยมีการเริ่มต้นที่ดี และจบที่ดี ถ้าใครดู War of the worlds มาก่อนแล้ว อาจเห็นเลยว่าระดับมันต่างกันมาก ในเรื่องของเหตุผล
5.แค่เนี้ยก่อนครับผม ความเห็นส่วนตัว ไม่เชื่อก็ไม่ว่าครับ

หนังเทพ มาก ครับ ฉาก CG สุดยอด ขอบอก ว่า ระทึกมากๆ

ปล. ส่วนตัวผมดูไม่มึนนะ แต่ แฟน ผมอะดิ ออกจากโรงปุ๊ป วิ่งเข้าห้องน้ำเลย แถม บนตลอด ทางเลยด้วยว่า ทรมาน

Cloverfield หนังสัตว์ประหลาดถล่มโลกที่ถ่ายทำด้วยกล้อง Handy Cam ทั้งเรื่อง ถึงแม้จะดูมึนๆก็ตาม แต่ก็เป็นหนังที่ดูแล้วให้ความรู้สึกสมจริงในทุกๆนาทีของหนัง ให้ความรู้สึกเสมือนเราอยู่ในเหตุการณ์ ขวัญผวาไปพร้อมๆกับตัวละครที่ถือกล้อง เห็นในสิ่งที่ตากล้องเห็น ไม่มีมุมมองจากตัวละครอื่นๆแม้แต่นิดเดียว ผมไม่ชอบหนังสัตว์ประหลาดเอาเสียเลย แต่ผมกลับชอบหนังเรื่องนี้มากๆ เป็นหนึ่งในหนังประทับใจเรื่องแรกแห่งปีนี้เลย เพราะด้วยการถ่ายทำในมุมมองเดียวกับตัวละครทั้งเรื่อง ทำให้เราไม่รู้ว่าตัวประหลาดมันคือตัวอะไรกันแน่ ความกลัวเกิดขึ้นตั้งแต่ฉากแรก ที่คิดว่าเป็นแผ่นดินไหว และเมื่อเห็นลูกไฟ ก็หนีตายกันแทบไม่ทัน ไม่มีเพลงประกอบใดๆมาเร้าอารมณ์ของคนดู มีแต่เสียงเอฟเฟ็คต์ของตึกถล่ม สัตว์ประหลาด และเสียงกรี๊ดของคนที่หนีตายที่ดังชัดเจน ซึ่งน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก

Plot เรื่องที่วางไว้ดูไม่สมเหตุสมผลเลยสักนิด สัตว์ประหลาดโผล่มาจากที่ไหนไม่รู้ (แต่เดาว่าโผล่มาจากน้ำ เนื่องจากเรือล่มก่อน) เนื่องด้วยเหตุการณ์ที่ของ Cloverfield ที่เดาไม่ได้ของสัตว์ประหลาด ทำให้ผมคิดว่า ถ้าเป็นเหตุการณ์จริงคงไม่บ้าขนาดนั้น เพราะพระเอกที่รักแฟนขนาดที่ยอมเสี่ยงชีวิต เข้าไปกลางเมือง เพื่อช่วยชีวิตแฟนที่ติดอยู่ 50 กว่าชั้น ซึ่งดูเหมือนกำลังจะถล่มลงมา และไม่รู้ว่าตายรึยัง ความพยายามสูงอย่างเหลือเชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถือว่าเรื่องนี้มีเนื้อเรื่องที่ไม่ดี แต่เป็นแค่เรื่องราวที่เกินจริง แต่ทำออกมาให้ดูสมจริงอย่างน่าเหลือเชื่อเลยทีเดียว

หลากหลายเทคนิคของ Cloverfield ที่ทำให้ดูสมจริงมากที่สุด นั่นก็คือการไม่ใส่เพลงประกอบใดๆ ถ่ายด้วยมุมมองของคนที่เล่นกล้องวีดีโอธรรมดาๆ และฉาก CG ที่เนียนแบบหาที่จับผิดไม่ได้ และเล่นกับความรู้สึกกลัวตามสัญชาตญาณพื้นฐานของมนุษย์คนหนึ่ง ทำให้คนดูรู้สึกตามไปด้วย เป็นหนังแนวเรียลลิตี้ที่สุดยอดมากๆกับการเล่าเรื่องด้วยวิธีที่ต่างออกไปจากหนังทั่วไป ต่อจาก The Blair Witch Project ที่ถ่ายทำด้วยเทคนิคเดียวกัน มีความสมจริงในเรื่องราวและเทคนิคที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้ ซึ่งผมก็ชอบมากๆเหมือนกัน แต่ Cloverfield เร้าอารมณ์ได้มากกว่าหลายเท่าตัว แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นจริงนั้นมันช่างห่างไกลนัก แต่ก็ทำให้ Cloverfield เป็นสุดยอดประสบการณ์หนังเรียลลิตี้ ที่อกสั่นขวัญผวา! ประจำปีนี้ไปเลยทีเดียว

สนุก ไม่มึนอย่างที่คิด ผมว่าคนชอบดูหนังรับได้นะ
ระทึกมาก ติที่สั้นไปหน่อยอ่า 9/10

ได้โอกาสไปดูมาแล้วครับ
- ส่วนตัวผมชอบนะเพราะเป็นหนังแปลกใหม่
- พ่อ-แม่ ผมบอกว่าดูแล้วเวียนหัวอยากหนีไปให้พ้น
- แนะนำให้ทำใจกับมุมกล้องของหนังหน่อยนะครับ
- สนุกครับ ทำเทคนิคได้เนียนดี แต่ติดตรงปิศาจนี่แหละเห็นแปลกๆ

อิอิ เทคะแนนให้ 8/10 เลยครับ..

โดยรวมเเล้วขอบอกหนังเรื่องนี้สนุกมากนะผมชอบเเต่ที่ผมไม่ชอบเลยคือมันใช้กล้องวีดีโอถ่ายเองเเล้วภาพมันไม่นิ่งคือ ดูเเล้วเวียนหัวอีก

ผมชอบหนังเรื่องนี้นะ เพราะว่าเบื่อกับหนังฮีโร่ หนังสูตรสำเร็จทั้งหลาย ไม่รู้ว่าผมเป็นคนเีดียวที่ดูแล้วไม่มึนหัวหรือเปล่า และผมก็เข้าใจกับเนื้อหาของหนังนะ เพราะมันประมาณว่า คนธรรมดา ๆ มาพบเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้ก็คงจะไม่รู้ถึงที่มาที่ไปว่ามันเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่ว่าเจอเหตุการณ์อะไรขึ้นพอมีกล้องก็ถ่าย ๆ ไว้ก่อน แล้วหลังจากเหตุการณ์นั้นก็มีคนเก็บกล้องได้เอามาเปิดดู ก็เลยเข้าใจว่า จะให้เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดเหมือนหนังสูตรสำเร็จทั้งหลายคงจะไม่เหมาะ สุดท้ายอยากบอกว่า ผู้กำกับ คนเขียนบท ทำได้ไม่เลว ผมไม่ได้ดูหนังที่แหวกแนวมานานแล้ว

จริง ๆ แล้ว หนังเรื่องนี้ ถือเป็นหนังทุนสร้างต่ำ ถึง ปานกลาง นะครับ (ประมาณ 30-40 ล้านดอลล์) แต่รู้สึกว่า การทุ่มงบประมาณโฆษณา จะสุดยอดครับ ฮึ ๆ

เป็นหนังเรื่องแรกที่ผมดูแล้วเสียดายเวลามาก ดูแล้วเวียนหัว เพื่อนทุกคนที่ไปดูด้วยกันสิบกว่าไม่มีครทนดูจนจบได้ นอกจากจับต้นชนปลายไม่ได้แล้วยังเวียนหัวอีก อยู่ดีๆก็จบ

ทีแรกที่จะไปดูก็คิดว่าน่าจะเวียนหัว กลัวจะมีอาการอาเจียนอย่างที่ว่า แต่พอเอาเข้าจริง กลับดูสบายตากว่าที่คิด สบายกว่านั่งเล่นเกมซะอีก ถือว่าทำได้ดีนะในส่วนของการถ่ายภาพ ไม่รู้ว่าเกี่ยวข้องกับตำแหน่งที่นั่งหรือเปล่าที่ทำให้ไม่เป็นเหมือนหลายๆ คน ที่ว่าเวียนหัว

การดำเนินเรื่องก็ใช้ได้ สมจริงดี แต่สำหรับเรา คิดว่ายังไม่ระทึกพอ ดูจบก็รู้สึกเฉยๆ ผิดหวังนิดหน่อยอีกต่างหาก เราคิดว่าสิ่งที่ทำให้ระทึกที่สุดในเรื่องนี้น่าจะเป็นเสียงประกอบนะ แถมตัวสัตว์ประหลาดยังออกแบบมาได้ค่อนข้างน่าผิดหวัง ส่วนเรื่องการไม่มีที่มาที่ไปนั้นพอเข้าใจเพราะตัวละครทั้งหมดที่เราเฝ้าติดตามเป็นแค่ประชาชนคนธรรมดา เราจะรับรู้เหตุการณ์ได้พร้อมๆ กันกับพวกเขา

ตรงจุดนี้ถือว่าเป็นแนวทางการนำเสนอที่ฉีกออกไปจากหนังตัวประหลาดบุกเมืองทั่วไป ถ้าใครที่ชอบหนังแนวนี้แล้วไม่เกี่ยงกับมุมกล้องแกว่งชนิดไม่ปรานีคนดู ละก็ ไปนั่งดูอะไรแปลกใหม่ก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าคิดจะเอาความอลังการแบบเต็มที่แล้ว คงไม่ได้หยุดมองฉากไหนนานๆ นักหรอก ถ้าจะบอกว่าเหมือนภาพยนตร์ทุนต่ำ ในบรรดาหนังทุนสูง ก็คงจะใช้ได้สำหรับ Cloverfield