SIAMZONE.COM

ก่อนหน้านี้ผมไม่รู้เลยว่า เรื่องนี้ เอามาจากหนังฮ่องกง ครับ พอเช่ามาดู cd แล้วผมว่ามันแปลกๆนะ ตำรวจเป็นโจร โจรเป็นตำรวจ หนังก็สนุกดีนะครับ แต่สู้หนังของทางฮ่องกงจะดูน่าสงสาร ไปกับนักแสดงมากกว่าครับ ผู้กำกับมาร์ติน ขอโทษที่ขอบอกคำว่า ก็ธรรมดาสำหรับ ใจของผมครับ รวมทั้งหลายๆเรื่องที่ผ่านๆมาครับ

คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น ผมว่ามีฉากหนึ่งที่คอสติเเกน(หยาน)นัดให้ซัลลิเเวน(หมิง)มาพบกันบนตึกยิ่งฉากนี้ถ้าใครดูของเก่าจะรู้ว่าสกอร์เซซี่ทำฉากนี้เทียบเท่าของเก่าไม่ได้เลย ยิ่งของเก่านั้นหมิงอยากกลับตัวเป็นคนดีในภาค3 มีประโยคหนึ่งที่หมิงพูดว่า(ทำไมไม่ให้โอกาสกูบ้าง กูอยากเป็นคนดีกับเขาบ้าง)เเต่ซัลลิเเวนกลับไม่ได้พูดถึงเรื่องนี้เลย ถึงสกอร์เซซี่จะมีออกมาอีกกี่ภาค ซัลลิเเวนก็ไม่สามาพูดคำนี้ได้อีกเเล้ว ซึ่งทำให้ความรู้สึกที่ออกมาต่างกันโดยสิ้นเชิงเเละก็น่าจะมีเเค่
ภาคเดียวเพราะตัวเดินเรื่องก็ตายกันหมดเเล้ว

ถ้าคอสเตลโล่เเสดงเเทนเเซมใน 2คน2คม ผมว่า THE DEPARTEDเเทบเทียบของเก่าไม่ได้เลย 2คน2คม ถือว่าทำได้ดีมาก เป็นครั้งเเรกที่ผมชมหนังของจีน เพราะผมไม่ชอบดูหนังจีนเลยด้วยซ้ำ ผมชอบหนัง Hollywood มากกว่ามาก เเละมีข้อสงสัยว่าทำไมคอสเตลโล่ถึงไว้วางใจคอสติเเกนได้เร็วขนาดนั้น ทั้งที่เขาเคยเข้าโรงเรียนตำรวจมาก่อนเเละอยู่กับคอสเตลโล่ได้เพียงไม่กี่ปี

ผมว่าของต้นฉบับสื่ออารมณ์ได้ดีกว่า ไม่โฉ่งฉ่าง ของอเมริกาบีบคั้นอารมณ์โดยคําพูดที่รุนแรง สรุปแล้วผมว่าของต้นฉบับมีระดับมากกว่า

ถ้าดูเวอร์ชั่นฮ่องกงแล้วมาดูเวอร์ชั่นนี้ ขัดอารมณ์จริง

อารมณ์ การปูความสัมพันธ์ของตัวละคร ของฮ่องกง ทำออกมาดูดีกว่า แต่ละฉากสะเทือนอารมณ์มากกว่า
ถ้าเคยดูเวอร์ชั่นฮ่องกงแล้ว ทำใจยอมรับ เวอร์ชั่นนี้ลำบากจริงๆ

แม้จะดูไม่สนุกเท่าInfernal Affair อันเนื่องมาจากการรีเมคต่างของชาวต่างชาติที่วัฒนธรรม(เนื่องจากสกอเซซี่เอาของตะวันออกไปทำเป็นของตะวันตกซึ่งอันนี้ก็พอเข้าใจ)อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ดีกว่าหนังหลายเรื่องที่เข้าฉายในขณะนั้น พล็อตดี ดัดแปลงจากต้นฉบับได้ดี ทำให้เนื้อเรื่องกระชับ มีบทพูดที่เชือดเฉือนกัน ซับซ้อนแบบที่เข้าใจง่าย(?) Matt Damonเล่นได้เลวแบบหลิวเต๋อหัว Leonadoก็เล่นได้ดีเช่นเหลียงเฉาเหว่ย สำหรับผมถือว่าไม่ผิดหวัง ยกนิ้วให้นักแสดง ผู้กำกับ และคนเขียนบทซะด้วยซ้ำ และได้ยินมาแว่วๆว่าเรื่องนี้อาจถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และแจ็ค นิโคลสันก็จะถูกเสนอชื่อทางด้านดาราสมทบชาย(หรือนำชายไม่แน่ใจ)

เยี่ยมมากๆ อยากให้ไปดูกันมากๆ ต่อให้เคยดูinfernal affairมาแล้วก็ตาม หนังมีความลึกในบทมากกว่าใน2คน2คม และตัวละครก็ดูมีความเป็นมนุษย์มากกว่าใน2คน2คม แถมยิ่งดูก็ได้ประเด็นต่างๆมากมาย
ถือว่าทำได้ดีกว่าต้นฉบับของฮ่องกง ไม่เสียยี่ห้อ ของมาร์ติน สกอร์เซซี่

คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น The Departed รวมๆผมให้เกรด B+ ใกล้ ๆ A

ขอวิจารณ์ก่อน ผมชอบเรื่องนี้ ( ทั้งๆที่ไม่เคยชอบแนวนี้มาก่อน ) แล้วไม่เคยดูของฮ่องกง มาดู พอใจมาก ถึงแม้ช่วงแรกจะน่าเบื่อ แต่ทำให้เรารู้เรื่องทีละนิด ๆ จนมาถึงจุดพีคของหนังสนุกมาก ๆ

ลีโอนาโด ตีบทเยี่ยมในเรื่อง ความบ้าบิ่น แสดงสีหน้าตา ยังถือว่าคงความเก่งไว้
แมทเดม่อน ร้ายลึกมากชอบ
นิโคลสัน อันนี้เข้ากับคาแรคเตอร์

ตอนจบห้วนไปหน่อยนะ ตายกันเป็นรายๆ จนบางคนตามไม่ทัน แต่ถือว่าหนังเยี่ยมแห่งปี

คำเตือน: บางส่วนของคำวิจารณ์นี้เหมาะกับผู้ที่ชมภาพยนตร์เรื่องนี้แล้วเท่านั้น หลังจากที่หนังไตรภาคตำรวจ-มาเฟียฮ่องกง Infernal Affairs ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลายทั้งรายรับและรางวัล เป็นเรื่องปกติที่ไปถูกใจดาราฮอลลีวู้ดอย่างแบรด พิทท์ที่บริษัท Plan B ของตนซื้อลิขสิทธิ์มาทำ โดยให้ผู้กำกับยอดฝีมือหนังแก๊งสเตอร์อย่างมาร์ติน สกอร์เซซี่มารับหน้าที่นี้ อีกทั้งเคยวางตัวเองคู่กะทอม ครูซอีกด้วย แต่เมื่อเวลานานมากขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนให้เหมาะสมกับวัยของบท คือ ลีโอนาร์โด ดิคาปริโอและแมตต์ เดมอน
The Departed วางโครงเรื่องเหมือน Infernal Affairs ไปซะเกือบทั้งหมด เริ่มจากโคลิน ซัลลิแวน(เดมอน หรือบทของหลิวเต๋อหัวและเฉินก๊วนซี)ที่ถูกเลี้ยงดูจากเจ้าพ่อมาเฟียไอริช แฟรงค์ คอสเตลโล่(แจ็ค นิโคลสัน บทเดียวกะของมาเฟียแซม)ซึ่งการเลี้ยงดูอย่างผิดๆของคอสเตลโล่ ทำให้เขาเติบโตมาในแวดวงมาเฟียเต็มขั้น พร้อมกับส่งโคลินเข้าเรียนนร.ตำรวจจนได้ทำงานที่บอสตัน โดยได้ทำงานภายใต้คำสั่งของสารวัตรควีแนน(มาร์ติน ชีน)ซึ่งมีคู่หูเป้นลูกน้องคนสนิทแต่นิสัยแย่สุดๆอย่างจ่าดิ๊กแนม(มาร์ค วอลเบิร์ก) ส่วนบิลลี่ คอสติแกน(ดิคาปริโอ)เติบโตมาเยี่ยงนักเลง ใช้ชีวิตอยู่ในเงามืดของสังคมมาตลอด แต่หัวดี และมีจิตวิญญาณความเป็นตำรวจสูง ได้สมัครทำงานตำรวจกับสารวัตรควีแนน แต่ติดที่ชื่อเสียงของลุงของเขาที่เป็นมาเฟียระดับแนวหน้าซึ่งเสีบชีวิตไปแล้ว และงานแรกที่ได้ทำเพื่อการทำงานไถ่บาปในจิตใจของบิลลี่ คือ ไปเป็นสายในกลุ่มของคอสเตลโล่เพื่อโค่นเขาให้ได้ โดยสร้างประวัติทำร้ายร่างกาย ถูกไล่ออกจากการเป็นตำรวจ จนได้มาทำงานกับคอสเตลโล่ ต่างฝ่ายต่างสืบมากันเป็น 1 ปี จนสืบได้อย่างชัดเจนว่า ต่างฝ่ายต่างมีสายอยู่ในกลุ่ม จึงต้แงแข่งกับเวลาในการสืบจับสายลับของแต่ละฝ่ายให้ได้
ตัวหนังถูกถ่ายทอดลักษณะของนิสัยตัวละครที่ตรงกันข้ามกับ Infernal Affairs มาก ทั้งการพูดจาของตำรวจและมาเฟีย การกระทำของคอสเตลโล่ที่อยู่ในวังวนของกิเลสอย่างเห็นได้ชัดกว่าแซมในต้นฉบับ เป็นมาเฟียที่ร้ายสุดๆสกปรกสุดๆ จนยากที่จะบรรยาย การแสดงออกของนิสัยห่ามๆของโคลิน เห็นได้ชัดมาก ซึ่งต่างจากภาพที่สุขุม นิ่งๆของหมิง แต่ส่วนที่เหมือนก็คือ บทของลีโอนาร์โดที่เหมือนกับหยานมาก ทั้งในนิสัยของตน จิตใจที่แรงกล้าในการเป็นตำรวจ การทำนิสัยเลวๆเพื่อเข้าแก๊งไปสืบ ซึ่งตรงกับนิสัยของตนมาก จึงทำงานได้ง่าย ความกดดันในจิตใจที่ต้องทำงานเป็นปี ซึ่งทำได้เหมือนต้นฉบับที่สุด โดยมีตัวเชื่อมของโคลินกับบิลลี่คือ มาโดลีน(เวร่า ฟาร์มิกา)หมอจิตแพทย์ที่ไปปิ๊งกับโคลิน จนจะแต่งงานกัน ซึ่งเป็นเวลาเดียวกันกับที่เธอต้องปรึกษาด้านจิตใจของบิลลี่
แจ็ค นิโคลสัน ร้ายสุดๆ ถ่อยสุดๆ กักขฬะสุดๆ อย่างน่ากลัว ขนาดฆ่าคนได้อย่างไม่เกรงใจ เขาสร้างบทที่ตรงข้ามกับแซมอย่างเห็นได้ชัด ในเรื่องของวังวนที่เต็มไปด้วยกิเลสตัณหา เขาเหมาะกับบทสุดๆ จนบทส่งเต็มที่ แมตต์ เดมอนดูธรรมชาติตามบท แต่นิสัยออกมาแย่กว่าหมิงมาก อะไรๆที่ร้ายๆของตน จะแสดงออกมาเลย แต่ที่เกิดขึ้นอีกแล้ว คือ บทของบิลลี่กับหยาน ลีโอนาร์โดทำได้แบบเดียวกับเหลียงเฉาเหว่ยทำได้ คือ แสดงออกในจิตวิญญาณของความเป้นตำรวจได้ดีมาก แสดงความเจ็บปวดของร่างกายในระดับเดียวกับความรู้สึกจริงๆได้จนน่าทึ่ง นิสัยที่ออกอันธพาลของบิลลี่ก็ทำออกมาในแบบที่สมจริงเกินคาด อารมณ์ร้าย ร้อนแรง และสภาพจิตใจของระยะเวลาในการทำงานที่ไม่ต่างจากจิตใจของหยาน ก็ออกมาในสภาพที่หาทางเลือกไม่ถูก กดดัน สับสนในหน้าที่ และเมื่อระเบิดออกมาในการเจอกันของโคลินและบิลลี่ ก็ส่งผลร้ายที่ดึงเอาคนรอบข้างเป็นอันตราย รวมทั้งตัวเองในทันที สามารถพูดได้ว่า ลีโอนาร์โดแสดงได้ดีที่สุดแล้วในทั้งหมด มาร์ค วอลเบิร์กเป็นตำรวจที่ซื่อตรงต่อหน้าที่อย่างที่สุด แต่นิสัยแย่ ชอบดูถูก จนมีเรื่องกับคนที่ทำงานบ่อย ซึ่งเขาก็แสดงได้อย่างถ่อยสุดๆ ส่วนคนอื่นๆก็แสดงได้ในระดับที่ดีมาก
หนังเต็มไปด้วยภาพที่รุนแรง เพลงประกอบที่แรงกินใจ คำหยาบคายเยอะ แต่มันก็ค่อนข้างใกล้เคียงกับโลกที่แท้จริงในทุกวันนี้เป็นอย่างมาก
ถือว่าเลือกผู้กำกับได้อย่างไม่เสียหลายเลยสำหรับผู้กำกับที่ถนัดงานด้านนี้อยู่แล้วอย่างมาร์ติน สกอร์เซซี่ ถือได้ว่า The Departed เป็นหนังที่รุนแรงเอาเรื่องในตัว แต่กลับให้ความสนุก บันเทิงได้เต็มอิ่มสุดๆ ในระดับที่ต้องให้รางวัล ไม่แพ้ Infernal Affairs เลย โดยเฉพาะลีโอนาร์โด่กลายเป็นผู้ใหญ่สุดๆก็เพราะเรื่องนี้