มัสคีเทียร์ หยิบวรรคทองสร้างแรงบันดาลใจใส่ นิทาน
4 หนุ่ม "มัสคีเทียร์" (Musketeers) ที่ประกอบด้วย "เท็น - ชาครีย์ ลาภบุญเรือง" (ร้องนำ) "ด๋อย - สรรวิช หวานสนิท" (เบส) "พู - ภาคภูมิ นิ่มละมัย" (กีตาร์) และ "บิ๊ก - รวิน มิตรจิตรานนท์" (กีตาร์) เคยส่งผลงานชุดแรก "Left Right And Something" ออกมาให้ฟังกันแล้วเมื่อ พ.ศ. 2552 ทิ้งช่วงมาถึงปีที่ผ่านมา พวกเขาก็มีอัลบั้มชุดที่สอง "Uprising" ส่วนผลตอบรับดีเหมือนอัลบั้มแรกไหม ให้ เท็น เป็นคนเล่าดีกว่า
"ถือว่าเป็นอัลบั้มที่ทำงานได้ดี เพราะว่าจากหลายๆ เพลงที่พวกเราปล่อยไป ไม่ว่าจะเป็น Dancing อยากให้เธอลอง แค่คุณ หรือแม้กระทั่ง นิทาน ทำให้เราเป็นที่รู้จักมากขึ้นจากอัลบั้มแรกเยอะครับ ถ้าในมุมมองของพวกเราก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่งครับ" นักร้องนำเผยถึงความพิเศษของมิวสิกวิดีโอเพลงล่าสุด นิทาน ว่า "บอกไว้ก่อนว่าเอ็มวีเพลงนี้เป็นความพิเศษที่พวกเราไม่เคยทำมาก่อน จะมีความเป็นการ์ตูนแอนิเมชัน เราอยากให้เด็กดูก็ได้ ผู้ใหญ่ดูก็สนุกดี เพลินๆ คือต่อให้ไม่ได้ฟังเพลงมาก่อน แค่ดูเอ็มวีดูเนื้อเรื่องก็สนุกแล้ว"
เท็น แง้มจุดกำเนิดของเพลง นิทาน ว่ามาจากบทละคร "ท้าวแสนปม" พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว "เพลง นิทาน แรงบันดาลใจเป็นละครจากพระราชนิพนธ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 ซึ่งตอนสมัยมัธยม หลายๆ คนก็มีโอกาสได้เรียน ก็จะมีวรรค วรรคทองของเขาที่ว่า อันของสูงแม้ปองต้องจิต ถ้าไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือ ซึ่งตัวผมเองใช้วรรคนี้เป็นคติประจำใจมาตลอด ไม่ว่าจะอ่านหนังสือสอบกฎหมาย สอบเน (เนติบัณฑิต) สอบเอ็นทรานซ์ เวลาท้อหรือเวลาเราเหนื่อยจากการอ่านหนังสือ มันเยอะจัง ผมก็จะใช้เนื้อหา ความพยายาม ไม่มีอะไรที่มีค่าแล้วได้มาโดยง่าย ทุกอย่างมันล้วนต้องผ่านอุปสรรคทั้งนั้น"
คติประจำใจของ เท็น กลายมาเป็นเพลง นิทาน "เรารู้สึกว่าในช่วงเวลาที่เราทำงานเพลงก็จะมีช่วงที่แต่งเพลงไม่ออก คิดอะไรไม่ออก แล้วรู้สึกว่าเรามีตัวนี้เป็นคติประจำใจอยู่ แต่เราเอาอันนี้มาถ่ายทอดออกมาเป็นอารมณ์ เหมือนกับสร้างแรงบันดาลใจให้กับตัวเราเอง ก่อนที่เราจะถ่ายทอดอารมณ์ให้คนอื่นฟัง เรารู้สึกว่าก็น่าสนใจดี ถ้าเกิดอย่างน้อยคืองานเราทำให้ใครรู้สึกว่าอยากลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างหนึ่ง พยายามทำอะไรสักอย่างหนึ่ง แล้วตั้งใจทำเพราะว่าฟังเพลงเรา เราก็คงรู้สึกดี เลยเอามาถ่ายทอดเป็นเพลงดีกว่า"
นักร้องหนุ่มเผยว่ามีคนรู้จักบอกว่าได้กำลังใจจากเพลงนี้ "ล่าสุดผมประทับใจมากเลย เป็นรุ่นพี่ผมนะ ไม่ใช่แฟนคลับ เป็นรุ่นพี่ที่เรียนนิติศาสตร์มาด้วยกัน เขาไปสอบเป็นข้าราชการอัยการ เขาเรียกว่าผู้ช่วยอัยการ ซึ่งค่อนข้างยาก ต้องแข่งขันกับคนเก่งๆ จากทั่วประเทศหลายแสนคน ต้องฝ่าฟันมา ต้องเรียนเน เขาอ่านหนังสืออยู่เป็นปีเลย ลาออกจากงานมา เขาบอกว่ามีเพลงของเราเปิดฟังทุกวันเลย เวลาเขาท้อ เขารู้สึกว่าชีวิตเขาต้องปีนขึ้นไปสูงกว่านี้ อยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว ทุกครั้งเวลาที่เขารู้สึกอยากจะออกไปเที่ยว แค่เปิดเพลงเราฟังเขาก็กลับมาอ่านหนังสือต่อได้ ทำให้รู้สึกว่าขนลุกเลยนะ แล้วเขาสอบได้จริงๆ ก่อนหน้านี้เราเคยเห็นชีวิตเขา ผมก็รู้ว่าเขาก็เป็นคนธรรมดาเนี่ยแหละ ไม่ได้เป็นคนที่เรียนหนังสือเก่ง แต่เขาบอกเขามีความพยายาม ตั้งใจ ฟังเสร็จแล้วรู้สึกว่า เฮ้ย มันเห็นผลแล้วนะสิ่งที่เราทำ คือต่อให้หลายๆ คนไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นหรอก แค่คนเดียว เรารู้สึกว่ามันก็เป็นผลอันยิ่งใหญ่แล้ว"
เมื่อถามถึงความหมายของการเป็นศิลปินของ มัสคีเทียร์ คืออะไร เท็น อธิบายว่า "ความเป็นศิลปินของเราคือการถ่ายทอดความเป็นตัวตน ผมรู้สึกว่ามันเป็นอารมณ์รู้สึก นึกคิด หรือว่าจินตนาการ ไอเดีย ของพวกเรา ที่เราอยากจะถ่ายทอด เราพยายามใส่ตัวของเราเองมากที่สุด อย่าง นิทาน เริ่มจากเราอยากถ่ายทอดแรงบันดาลใจให้ตัวเราเองก่อน ตัวเราเองตอนนั้นจะแต่งเพลงก็ต้องหาแรงบันดาลใจ เรายังคิดไม่ออกเลย เพลงเราก็แต่งมาหลากหลายแล้ว เพลงรักเพลงเศร้าเพลงสารพัด เราจะทำยังไงต่อ ก็มีช่วงที่เราต้องการกำลังใจเหมือนกัน เราเลยรู้สึกว่าเราแต่งเพลง เราสร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเอง แล้วเราถ่ายทอดแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้น่าจะเป็นผลดี เรารู้สึกว่าศิลปินคือคนที่ถ่ายทอดความรู้สึก"
