บันทึกความทรงจำกับคอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายอำลาวง แคลช

นับเป็นคอนเสิร์ตที่บันทึกความทรงจำและปิดท้ายวงร็อกขวัญใจวัยรุ่นที่ทั้งสนุกและเศร้าสุดๆ กับ "Clash Rebirth The Final Concert" คอนเสิร์ตครั้งสุดท้ายของ 5 หนุ่มวง "แคลช" (Clash) ประกอบไปด้วย "แบงค์ - ปรีติ บารมีอนันต์" (ร้องนำ) "สุ่ม - สุกฤษณ์ ศรีเปารยะ" (เบส) "พล - ธนะพล ฤกษ์สมผุส" (กีตาร์) "ยักษ์ - อนันต์ ดาบเพ็ชรธิกรณ์" (กลอง) และ "แฮ็ค - ฐาปนา ณ บางช้าง" (กีตาร์) หลังจากร่วมกันทำงานเพลงมาตลอด 10 ปี ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายที่แฟนเพลงจะได้ชมทั้ง 5 คนขึ้นเวทีคอนเสิร์ตพร้อมกัน จัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ณ สนามฟุตบอล ยามาฮ่า สเตเดี้ยม เมืองทองธานี

ทันทีที่เปิดตัว 5 หนุ่ม เริ่มจาก ยักษ์ ตามด้วย พล แฮ็ค สุ่ม และคนสุดท้าย แบงค์ ก็ได้ยินเสียงกรี๊ดจากแฟนเพลงดังกระหึ่มไปทั่วทั้งสนาม แล้ว แคลช ก็นำทุกคนเข้าสู่ความสนุกด้วยเพลง "Love Does Exist" ตามมาติดๆ กับเพลง "It's Gonna Be OK" "หุ่นกระป๋อง" "ยิ้มเข้าไว้" แล้วสนุกกันต่อด้วยเพลง "ลางสังหรณ์" "รักจริง รักปลอม" ตามด้วย "ไฟรัก" และ "Love Scene" พักมาฟังเพลงเบาๆ กันบ้างกับ "ผีเสื้อ" "รอ" ตามด้วย "หนาว" และ "กอด" เล่นเอาแฟนเพลงที่อยู่ข้างล่างต่างเคลิบเคลิ้มไปกับเสียงร้องที่ไพเราะและนุ่มนวลอันเป็นเอกลักษณ์ของหนุ่ม แบงค์

เข้าสู่ช่วงที่สมาชิกในวงแต่ละคนมาปล่อยทีเด็ด เริ่มต้นด้วย ยักษ์ ที่มากับเพลงน่ารักๆ ในเพลง "พู่กัน คู่กัน หัวใจ ให้เธอ" งานนี้หนุ่ม ยักษ์ ทั้งร้อง ทั้งเต้น เรียกเสียงกรี๊ดและเสียงปรบมือจากคนดูได้เป็นอย่างดี จากนั้นหนุ่ม พล ขอเอาบ้างในเพลง "I'm Here For You" แต่งานนี้ไม่ได้มาคนเดียว ควงสาว "ซีต้า ซาไลย์" มาร่วมร้องด้วย ทำให้แฟนเพลงข้างล่างถึงกับออกอาการอิจฉาเมื่อเห็นหนุ่ม พล ทั้งใกล้ชิดและส่งสายตาหวานๆ ไปให้กับ ซีต้า

ต่อด้วยลีลาร็อกขั้นเทพกับหนุ่ม แฮ็ค ที่ขอประชันฝีมือร่วมกับรุ่นพี่อย่าง "ป๊อป - จักรรินทร์ ดวงมณีรัตนชัย" หรือ "ป๊อป เดอะซัน" กับเพลง "กรง" ที่ทั้งร้องทั้งเล่นกีตาร์เข้าขากันได้เป็นอย่างดี มาที่หนุ่มอีกคนอย่าง สุ่ม ที่มากับเพลง "ตัวตายใจสู้" งานนี้ สุ่ม ขอออกลีลาเต็มที่สุดๆ แบบไม่เกรงใจเพื่อนๆ และปิดท้ายกับ แบงค์ ที่เล่นเอาสาวๆ ที่อยู่ข้างล่างหัวใจเกือบวายด้วยลีลาท่าเต้นที่เย้ายวนใจในเพลง "Let Me Give It To You" และ 5 คนก็มารวมตัวกันอีกครั้งกับเพลงพิเศษที่เตรียมมาให้กับแฟนเพลงโดยเฉพาะกับ "Rebirth"

เท่านั้นยังไม่พอทั้ง 5 หนุ่มขอเร่งเครื่องความมันอีกครั้งกับแขกรับเชิญคนพิเศษหวนรำลึกเมื่อครั้งยังเป็น "แพ็กโฟร์" อย่าง "ปั๊บ - พัฒน์ชัย ภักดีสู่สุข" จากวง "โปเตโต้" "กวาง - ศิริศิลป์ โชติวิจิตร" นักร้องนำ "เอบี นอร์มอล" และ "หนุ่ม - กฤตพจน์ แสงสุวรรณ" จากวง "กะลา" ในเพลง "เกินคำว่ารัก" โดยทุกคนต่างแสดงพลังเสียงร้องกันอย่างเต็มที่แบบไม่มีคำว่าเหน็ดเหนื่อย ยังไม่พอมามันกันอีกครั้งกับเพลงที่มีชื่อว่า "หยุดฝันก็ไปไม่ถึง" งานนี้ทั้ง ปั๊บ กวาง หนุ่ม แล้ววง แคลช ขอประชันฝีมือกันแบบชุดใหญ่แบบไม่มีใครยอมใครเลย ส่งเสียงกรี๊ดดังสนั่นไปทั่วทั้งสนาม

5 หนุ่มวง แคลช ส่งเพลงช้าๆ กันต่อในแบบเมดเลย์ 5 เพลงรวด ทั้ง "ซบที่อกฉัน" "เขาชื่ออะไร" "มือที่ไร้ไออุ่น" "ขอเช็ดน้ำตา" "รับได้ทุกอย่าง" แล้วสนุกกันต่อกับเพลง "Thai Girls" สำหรับเพลงที่มีจังหวะสนุกและท่อนแร็ปอย่าง "โรคประจำตัว" ก็มีแฟนๆ ช่วยกันร้องเป็นอย่างดี ต่อด้วยเพลง "ท้าชน" "สัจอธิษฐาน" และ "ใส่ร้ายป้ายสี" หลังจากจบเพลงนี้ก็มีการจุดพลุขึ้นฟ้าชุดใหญ่ดังกระหึ่ม เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนเพลงไปทั่วทั้งสนาม

หลังจากนั้นทั้ง 5 คนก็ได้เผยถึงความรู้สึกของตัวเอง เริ่มที่ ยักษ์ กล่าวว่า "มันเป็นภาพสะเทือนขวัญของพวกเราและผม ผมจะกลับบ้านและทุกๆ วันผมจะนึกถึงภาพนี้ตลอดเวลา อย่างที่ผมบอกพวกคุณเสมอนะครับวงแคลชทั้งหมดมี 6 คน ยักษ์ พล สุ่ม แฮ็ค แบงค์ และพวกคุณทุกคนครับ" ตามด้วย แฮ็ค "สำหรับผมนะครับคงพูดอะไรไม่เยอะคงพูดสั้นๆ คือว่านอกจากความรักที่จริงใจและไม่หวังผลตอบแทนจากพ่อแม่ ครอบครัวและคนที่ผมรักแล้ว คนพวกนั้นยืนอยู่หน้าผม ณ สเตเดี้ยมแห่งนี้ครับ"

จากนั้นก็ถึงทีของหนุ่ม พล ซึ่งเป็นข้อความที่ซึ้งกินใจมากๆ กับทุกคำพูดที่ออกมาว่า "คือวันนี้ผมเล่นดนตรีกับเพื่อนๆ แล้วก็มีคนดูผม มันเป็นครั้งสุดท้ายของวงนี้ ความรู้สึกผมก็คือผมนอนโรงแรมข้างหลังนี้แล้วผมก็มองมาที่สเตเดี้ยม มองมาที่เวทีแห่งนี้ ผมคิดอยู่คำเดียวว่าครั้งสุดท้าย ผมเล่นมาเป็นสิบๆ เพลงแล้วมันค่อยๆ นับถอยหลังแต่ละบทเพลง วันนี้ผมมีความสุขมาก ผมไม่รู้ว่าผมจะได้เจอบรรยากาศแบบนี้อีกเมื่อไร ขอบคุณทุกคนที่ยืนอยู่ที่นี่ คุณเป็นความทรงจำที่ดีที่สุดในชีวิตผม"

มาที่ สุ่ม ซึ่งมีคนที่เขาอยากขอบคุณมากเป็นพิเศษ "ผมก็ไม่ได้คิดมาเหมือนกันว่าจะพูดยังไง จริงๆ ถ้าความรู้สึกของผมกับแฟนเพลง ผมก็ไม่ได้ต่างจากเพื่อนๆ ทั้ง 4 คนแน่นอน จริงๆ แล้วอันนี้อาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ นิดหนึ่งนะครับ คือผมไม่เคยพูดที่ไหนเลย ออกรายการหรือว่าอะไรก็แล้วแต่ จริงๆ แล้วผมอยากจะนึกถึงคนๆ หนึ่งครับ เขาเป็นน้าของผมเอง ซึ่งน้าผมเสียไปแล้วตั้งแต่ช่วงเข้า ม.1 คือน้าคนนี้เป็นคนที่หาเบสมาให้ผม ผมแค่บอกว่าอยากจะเล่นเบส น้าคนนี้เลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กครับ เขาก็หาเบสมาให้ ผมคิดว่านั่นคงเป็นจุดเริ่มต้นจริงๆ ที่ทำให้ผมมาถึงจุดๆ นี้ ขอพูดชื่อหน่อยละกันครับ ส่วนตัวนิดหนึ่ง คือน้าผมชื่อนิ้งหน่อง ผมขอพูดถึงน้าผมหน่อยนะครับ คือน้าหน่องครับ ตั้งแต่วันแรกที่น้าหาเบสมาให้ผม น้าเคยบอกว่าอยากให้เล่นให้เก่งให้เต็มที่ ผมคิดว่าน้าคงเห็นผมแล้วว่าผมเดินมาอยู่ตรงนี้ได้ ผมขอบคุณน้าหน่องมาก ขอบคุณมากๆ ครับ"

และคนสุดท้าย แบงค์ เผยความรู้สึกข้างในใจออกมาว่า "จริงๆ เพื่อนๆ ก็บอกกันไปหมดแล้วนะครับ ทุกประโยคที่อยากจะพูด ผมไม่เคยรู้จักความรักแบบนี้ ผมไม่เคยรู้จักความรักที่ใครก็ไม่รู้ มาจากจังหวัดไหนก็ไม่รู้ แค่เห็นภาพพวกเราในทีวีคุณก็รักพวกเราขึ้นมาทันที และก็แปลกมากที่ผมยังไม่เคยเจอพวกคุณในทีวีเลยสักครั้งเดียวนอกจากในคอนเสิร์ต แต่ผมรักพวกคุณจังเลย ไม่รู้จะพูดยังไง ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมมีบ้าน ถือว่าทุกคนเป็นเสาหลักของบ้าน ขอบคุณทุกๆ คนที่ทำให้ผมมีเงินซื้อรถ บางทีผมก็บอกแม่จากใจว่าแม่ควรจะมาอยู่ตรงนี้ เพราะว่าทุกคนที่อยู่ที่นี่เป็นคนออกเงินค่ารักษาแม่ผม ถึงแม่ผมจะไม่ได้อยู่แล้ว เพลงต่อไปผมขอร้องให้แม่ผม เพราะแม่ผมอยู่บนฟ้า และร้องให้กับคุณพ่อคุณแม่ของคนในวงทุกคน และก็แฟนเพลงทุกคนด้วยทั้งหญิงและชายที่เป็นนางฟ้าในใจวงแคลชตลอดมา" และ แบงค์ ก็ส่งความรู้สึกให้แฟนเพลงทุกคนด้วยเพลงนี้ "เธอคือนางฟ้าในใจ"

ต่อด้วยเพลงเศร้าอีกเพลงอย่าง "เพลงสุดท้าย" ขณะร้องเพลงนี้หนุ่ม แบงค์ ถึงกับหลั่งน้ำตาออกมาจนร้องเพลงไม่ออก บรรดาแฟนๆ จึงช่วยกันร้องยิ่งทำให้ แบงค์ ซาบซึ้งถึงความรักที่ทุกคนมอบให้ และปิดท้ายคอนเสิร์ตอำลาวง แคลช กับเพลงที่มีความหมายดีๆ อย่าง "เธอจะอยู่กับฉันตลอดไป" ทำเอาแฟนคลับหลายคนถึงกับกลั้นความรู้สึกไม่ไหวจนร่ำไห้ออกมา และทั้ง 5 คนก็จับมือพร้อมกับโค้งคำนับขอบคุณให้แฟนเพลงทุกคน ถือเป็นการปิดฉากวง แคลช ที่เต็มไปด้วยมิตรภาพ ความรัก ความทรงจำ และน้ำตา