คอมมอน กลับมาสานต่ออัลบั้มฮิปฮอปดิบๆ The Believer
นักร้องแร็ปจากสหรัฐอเมริกา "คอมมอน" (Common) หรือชื่อจริงว่า "ลอนนี ราชิด ลินน์ จูเนียร์" (Lonnie Rashid Lynn, Jr.) เตรียมทำอัลบั้มชื่อ "The Believer" มาหลายปีแล้ว แต่ระหว่างนั้น เขาเกิดสนใจดนตรีเต้นรำขึ้นมา จึงหันไปทำอัลบั้ม "Universal Mind Control" แทน ถึงตอนนี้ คอมมอน พร้อมแล้วที่จะหวนคืนสู่ดนตรีฮิปฮอปแบบดั้งเดิมที่ทุกคนคุ้นเคย ด้วยการเข็น The Believer ให้ออกมาเป็นอัลบั้มเต็มชุดที่ 9 ของเขา
หลังผ่านการเปลี่ยนแปลงตารางงานมากมาย คอมมอน เลื่อนวันวางแผง The Believer จนมาหยุดอยู่ที่ปี 2010 แม้ในตอนนี้ผลงานจะยังไม่ออกมาเป็นรูปเป็นร่างนัก แต่เจ้าของอัลบั้มก็เปิดเผยว่า "มันยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นจริงๆ ครับ ทำไปได้ประมาณ 1 ใน 4 ของงานทั้งหมด แต่ผมวางแผนไว้ว่าจะมุ่งมั่นทำมันให้เสร็จให้ได้" คอมมอน เผย
"โน ไอ.ดี." (No I.D.) โปรดิวเซอร์ที่เคยช่วยสร้างผลงานในยุคต้นๆ ให้ คอมมอน อย่างเพลง "Can I Borrow A Dollar?" "Resurrection" และ "I Used to Love H.E.R." ได้หวนมาร่วมงานกับ คอมมอน ในอัลบั้มนี้ ทำเอา คอมมอน เป็นปลื้มอย่างออกนอกหน้า โดยเล่าว่า "การได้พบคนที่มีส่วนร่วมรับผิดชอบในช่วงเริ่มต้นอาชีพของคุณ ทำให้คุณรู้สึกว่า เฮ้ย มันเจ๋งจริงๆ ที่เราได้พบกันที่นี่ในชีวิตของเรา และได้เดินทางอย่างสร้างสรรค์ด้วยกัน แล้วเราก็กระตือรือร้นมากที่ได้ร่วมงานกัน"
อีกคนที่ได้มาร่วมลงมือลงแรงในอัลบั้มนี้ คือ "คานเย เวสต์" (Kanye West) เพื่อนศิลปินที่เคยช่วย คอมมอน ทำอัลบั้ม "Be" และ "Finding Forever" ซึ่งในอัลบั้มหลัง คานเย ได้โปรดิวซ์และร่วมร้องในเพลง "Southside" จนทำให้ คอมมอน คว้ารางวัลแกรมมี่มาแล้ว "เรารู้ว่าเราอยากทำเพลงฮิปฮอปดิบๆ นั่นเป็นทิศทางและอารมณ์ของเพลงที่เราต้องการ" คอมมอน กล่าวถึงแนวเพลงของ The Believer เมื่อพูดถึงผู้ร่วมงานคนนี้ "นั่นคือหลักเกณฑ์ของเราครับ เย และผมต่างก็รู้ดีว่าเราอยากทำเพลงฮิปฮอปแท้ๆ"
นอกจาก 2 คนที่กล่าวไปแล้วยังมี "ทไวไลต์ โทน" (Twilite Tone) ซึ่งเป็นผู้ร่วมงานหน้าเก่าเช่นกัน ทำให้คนทำงานชุดนี้เป็นทีมงานในฝันของ คอมมอน ก็ว่าได้ "ทไวไลต์ โทน และ โน ไอ.ดี. เคยโปรดิวซ์ 3 อัลบั้มแรกให้ผม แถมยังเป็นโปรดิวเซอร์คนแรกที่ผมทำงานด้วย ส่วน คานเย ก็เกี่ยวข้องกับพวกเขา เพราะ คานเย มักพูดว่า โน ไอ.ดี. เป็นที่ปรึกษาของเขา เพราะฉะนั้นสำหรับผม การได้พวกเขา 3 คนมาร่วมทำอัลบั้มให้แบบนี้ ทำให้รู้สึกเหมือนได้กลับบ้านเลยครับ" คอมมอน กล่าว