มิยาบิ ลัดฟ้ามาเยือนเมืองไทย จับความทันสมัยผสมแฟชั่น
ถูกอกถูกใจแฟนเพลงของ "มิยาวี" (Miyavi) หรือที่หลายคนรู้จักในนาม "มิยาบิ" (Miyabi) ศิลปินเจร็อกที่มีชื่อว่า "ทาคามาสะ อิชิฮาระ" (Takamasa Ishihara) อดีตมือกีตาร์วง "ดิว ลู ควอร์ตซ์" (Due le Quartz) และ "สกิน" (S.K.I.N.) ล่าสุด มิยาวีเดินทางมาเมืองไทย พร้อมร่วมงานแถลงข่าว "Miyavi 382 BKK Fan Meeting" ณ โรงแรมออลซีซั่น สาทร เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา
มิยาวี นักร้อง นักแต่งเพลง พ่วงด้วยตำแหน่งประธานบริษัทเจแกลม ค่ายเพลงน้องใหม่ที่เขาเป็นคนปลุกปั้นขึ้นมาด้วยฝีมือ ได้ทักทายทุกคนด้วยการแสดงฝีมือกีตาร์ระดับเทพในเพลง "My Name Iz Oresama.com" ก่อนจะให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในเวลาต่อมา
ทักทายอย่างเป็นทางการหน่อย
"สวัสดีครับ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่ได้มาเมืองไทย และก็ได้ยินมานานแล้วว่าเมืองไทยก็มีแฟนคลับของผม ถือเป็นครั้งแรกแล้วก็ประทับใจมากๆ ดีใจมากที่ได้มาอยู่ที่นี่ ขอบคุณมากครับ"
มาถึงเมืองไทยและได้เจอแฟนคลับชาวไทยครั้งแรกเป็นอย่างไรบ้าง
"อากาศร้อน พร้อมกับแฟนคลับมีพลังเยอะมาก ตอนนี้ก็ยังร้อนอยู่ (หัวเราะ)"
งานพรุ่งนี้จะเป็นการพบปะแฟนคลับไทยครั้งแรก รู้สึกอย่างไรบ้าง
"อยากเรียนภาษาไทยให้ได้ในคืนนี้ครับ จะได้เอาไปพูดเซอร์ไพรส์แฟนๆ ได้"
มิยาวี ถือได้ว่าเป็นตัวพ่อของวงการวิชวลร็อก คิดอย่างไรกับฉายานี้
"ขอบคุณครับ ตอนนี้ผมอาจจะไม่ได้วิชวลฯ อย่างที่ทุกๆ คนคิดแล้ว คือหน้าก็ไม่ได้แต่งเยอะ ผมก็ไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน เพราะว่าตอนนี้ผมอยากจะขยายฐานดนตรีของผมให้กว้างยิ่งขึ้น เพื่อที่จะไปสู่แนวใหม่ หรืออะไรใหม่ๆ มากขึ้น"
ช่วยขยายคำว่าแนวนีโอวิชวลลิซึมให้ฟังหน่อยได้ไหม
"ที่ผมตั้งชื่อว่านีโอวิชวลลิซึม เพราะมันเป็นมากกว่าวิชวลที่เคยเป็นมา เป็นสิ่งใหม่ที่ผมพยายามจะค้นและทำอยู่ นั่นก็คือซามูไรกีตาร์ลิซึมคอนเซ็ป"
รู้สึกอย่างไรที่เป็นผู้นำแนววิชวลร็อกทั้งในญี่ปุ่นและเอเชีย
"วงการเพลงสมัยนี้น่าเบื่อ โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นตอนนี้น่าเบื่อ เพราะอย่างนั้นเลยจำเป็นจะต้องหาสีสันเข้าไปใส่ คอนเซ็ปของผมที่จับได้ก็คือคำว่าเจแปนนิส คอนเซ็ปใหม่ของผมก็คือนีโอโตเกียวซามูไรแบล็ก มีแรงบันดาลใจมาจากคาบูกิ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่น ปีที่แล้วผมทำคาบูกิร็อก คือการเอาศิลปะวัฒนธรรมคาบูกิมาผสมกับร็อก ได้ออกมาเป็นที่เห็นกันไปแล้ว ที่ผมแต่งตัวเป็นคาบูกิ ปีนี้ผมเอาคำว่าโตเกียวมาเล่น ซึ่งคำว่าโตเกียว ทุกคนก็จะนึกถึงแฟชั่น นึกถึงความทันสมัย ความทันสมัยกับแฟชั่นมารวมกันก็เลยได้เป็นนีโอโตเกียวแบล็ก"
กับการเป็นคุณพ่อคนใหม่รู้สึกอย่างไรกับคำนี้บ้าง
"การจะทำให้เธอนอนนั้นยาก (หัวเราะ) เธอมักจะร้องไห้เสมอ อาจจะยากหน่อย แต่ผมก็เข้าใจ และตอนนี้ลูกผมก็กำลังหัดเดินอยู่ครับ"
ปีนี้ มิยาวี พักเรื่องงานไป แล้วปีหน้ามีผลงานอะไรใหม่ๆ ไหม
"มีเจแปนทัวร์ จะได้กลับมาเมืองไทยอีกก็ดีนะครับ"
พูดถึงเพลงใหม่ของ มิยาวี
"เป็นเพลงแรกหลังจากสร้างบริษัทเจแกลมขึ้นมา เป็นบิ๊กบอสเอง เป็นเพลงที่อยากจะสื่อให้แฟนๆ ได้ฟังผลงานของผม แล้วก็เป็นเพลงที่ได้อินสไปเรชันมาจากหนังเรื่อง Goemon ซึ่งผู้กำกับเป็นเพื่อนของผมเอง เป็นเพลงที่ผมแต่งให้หนังเรื่องนี้ครับ"
แล้วมีการวางแผนเรื่องศิลปินในค่ายไว้หรือยัง
"แน่นอนว่าหลังจากที่ทุกอย่างลงตัวแล้ว ผมก็มีโครงการว่าจะทำศิลปิน แต่แน่นอนครับ คอนเซ็ปก็คือเจแปนนิสแกลมเมอรัส ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นคนญี่ปุ่น ชาวต่างชาติก็ได้ หรือว่าอะไรยังไม่รู้ ขออุบไว้ก่อนครับ"
มีอะไรจะบอกกับบรรดากับกีตาร์หน้าใหม่บ้าง
"สู้ต่อไปครับ ดนตรีเป็นเรื่องสำคัญ ผมอยากจะบอกฝากไปถึงนักดนตรีและคนที่ชอบดนตรีทุกคนว่า ชีวิตคนเรา กิน ถ่าย นอน สืบพันธุ์ ถ้าไม่มีดนตรี คุณอาจไม่ตาย แต่ดนตรีก็ยังอยู่กับเรามาจนถึงทุกวันนี้ ทั้งนี้เพราะว่าดนตรีมีส่วนทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ทำให้เรามีความสุข เพราะฉะนั้น ทำเรื่องดีๆ ทำสิ่งดีๆ ทำผลงานดีๆ ออกมาเยอะๆ ดีกว่า"
คำขวัญประจำใจของ มิยาวี คืออะไร
"ต้องใช้ชีวิตให้สวยงาม จะช้าจะเร็วไม่ว่า แต่ขอให้กราฟชีวิตคุณขึ้นมาเรื่อยๆ เรียนรู้ตลอดไป ตอนตายขอให้หัวเราะตายได้ก็พอแล้ว"
มิยาวี จบการแถลงข่าวด้วยรอยยิ้มและกล่าวขอบคุณเป็นภาษาไทย พร้อมกันนั้น เขายังยกมือสวัสดีในแบบไทยๆ เป็นการอำลาไปเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตและงานพบปะแฟนเพลงในวันรุ่งขึ้น